Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

321

 


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างแนวรับ 1330/1335 จุด ส่วนแนวต้าน 1350 จุด ผลการประชุม FED ออกมาเป็นไปตามที่คาด คือ คงดอกเบี้ยฯ และสงวนท่าทีต่อการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป ขณะที่ปัจจัยในประเทศอยู่ในช่วงการติดตามรายงานงบ 4Q67 สภาพแวดล้อมที่ขาดปัจจัยใหม่หนุนประกอบกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ทำให้นักลงทุนเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว ซึ่งวันนี้เราเลือก AWC เป็น Daily Top Pick


ผลการประชุม FED วานนี้มีมติคงดอกเบี้ยฯที่ 4.5% ตามคาด และไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งลดดอกเบี้ยฯ เนื่องจาก เงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับสูง ขณะที่เศรษฐกิจและภาคแรงงานสหรัฐฯยังแข็งแกร่งรองรับดอกเบี้ยฯในปัจจุบันได้ นอกจากนี้ FED ยังต้องการประเมินความชัดเจนและผลกระทบของนโยบายของคุณทรัมป์จะกระทบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ อย่างไรเรามองเป็นกลางต่อผลการประชุมรอบนี้ เพราะการส่งสัญญาณดังกล่าวสะท้อนว่า FED อยู่ในโหมด Wait&See และพร้อมปรับมุมมองดอกเบี้ยตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป ขณะที่มุมมองนักลงทุนผ่าน FEDWATCH Tool ยังคงคาดการปรับลดดอกเบี้ยฯในปีนี้ 2 ครั้งไม่แตกต่างจากก่อนการประชุม โดยครั้งแรกในเดือน มิ.ย.68 ด้วยโอกาส 48% และครั้งถัดไปในเดือน ธ.ค. ด้วยโอกาส 34%
การตอบสนอง U.S. Bond Yield 10 ปี , Dollar Index และค่าเงินบาทเช้านี้ยังทรงตัว จึงไม่น่าสร้างแรงกดดันต่อ Fund Flow ไหลออก ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ที่ปรับลงในช่วง -0.3% ถึง - 0.5% มาจากปัจจัยเฉพาะตัวและเรื่องผลประกอบการ มากกว่าผลการประชุม FED

สำหรับปัจจัยในประเทศมีสัญญาณบวกจาก BOI เผยยอดอนุมัติส่งเสริมการลงทุนครั้งแรกของปี 2568 พบว่ามี 3 โครงการมูลค่าเงินลงทุน 1.7 แสนล้านบาท โดย 2 โครงการหลัก (คิดเป็นสัดส่วน 76% ของมูลค่าเงินลงทุน) มาจากการธุรกิจทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น การติดตั้ง Server,Data Center และ Cloud ซึ่งมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Tech Service BBIK BE8 และกลุ่มนิคม AMATA WHA ส่วนประเด็นในประเทศวันนี้ ติดตามรายงานงบ 4Q67 ของ PTTEP

 

Market Summary
SET Index ปรับลงเล็กน้อย 2.6 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 2.7 หมื่นล้านบาทจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปิด ทำการในวันตรุษจีน กลุ่มที่แข็งกว่าตลาด นำโดย กลุ่มธนาคาร นำโดย TTB +3% กลุ่มขนส่ง นำโดย BA +3.2% AAV +0.9% จากตัวเลขนักท่องเที่ยวสัปดาห์ก่อนออกมาขยายตัวดี BEM +2.9% จาก Consensus คาดกำไร 4Q67 โต YoY แต่ราคาอยู่โซนล่าง ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกลุ่ม F&B OSP -7% CBG -4% จากความกังวลต่อการแข่งขันอุตสาหกรรม กลุ่มโรงพยาบาล BH -2.3% จากความกังวลต่อการฟื้นตัวตะวันออกกลาง

DAILY Stock Pick

AWC
ราคาปรับลงตั้งแต่ต้นปี -9% แรงกดดันส่วนหนึ่งคาดมาจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนจากประเด็นดาราจีนที่ถูกลักพาตัว แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. ที่เร่งตัวขึ้น 20%WoW นอกจากนี้จาก Channel Check ของเราพบว่ารายได้จากยอดจองโรงแรมล่วงหน้า 1Q68 ยังเพิ่มขึ้น YoY จึงอาจตีความได้ว่าการปรับลงของราคาหุ้น Overreact เมื่อเทียบกับความเป็นจริง
ด้านกำไร 4Q67E เราคาดว่าจะขยายตัว QoQ และ YoY ตามแนวโน้มการฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวของไทย ขณะที่ กำไรปี 67-73 เราคาดเติบโตแกร่ง 21% ต่อปี ส่วน Catalyst ระยะสั้นสัปดาห์หน้า นายกฯ เตรียมพบประธานาธิบดีจีน (ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ) ซึ่งคาดว่าการฟื้นเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวไทยจะอยู่เป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยินยกมาหารือ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.20 บาท


WEEKLY Stock Pick
MTC
คาดกำไรปี 68 จะขยายตัว 17%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ 10.4%YoY โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 15% ต่อปี ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยส่วนหนึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินสดเฟส 1 พบว่า 12.8% ใช้สำหรับชำระหนี้สิน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เริ่มจ่ายกลุ่มผู้สูงอายุเฟส 2 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าเป็นบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ใน 1Q68 ได้ต่อไป
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี ติดลบตามกลุ่มไฟแนนซ์แรงกดดันหลักมาจาก U.S. Bond Yield ปรับขึ้น บนความกังวลการลดดอกเบี้ยช้าของ FED แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าแรงกดดันจากนี้จะเริ่มลดลงจากนโยบายของคุณทรัมป์ต้องการ “ลดเงินเฟ้อ ลดดอกเบี้ยฯ” ทำให้ U.S. Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ล่าสุดปรับลงถึง 28 bps จากจุดสูงสุดและจะคาดว่าจะเข้าสู่โหมดพักตัว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว มองเป็น Sentiment บวกหนุนต่อราคา MTC ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท

KEY FACTOR
Fed คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25% - 4.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่การส่งสัญญาณของประธานและคณะกรรมการ Fed ออกมาเป็นกลาง ยังไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และยังคงระมัดระวังประเด็นเงินเฟ้อเช่นเดิม และในขณะเดียวกันก็ยังรอประเมินผลจากนโยบายของ Trump 2.0

ทิศทางตลาดการเงินต่างประเทศ ตอบรับกลางๆ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ -0.31% ถึง -0.51% โดยให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยอื่นมากกว่า อาทิเช่น ทรัมป์ส่งสัญญาณควบคุมการส่งออกชิปของ Nvidia และรอจับตางบฯ 4Q67 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี แกว่งตัวแคบบริเวณ 4.5% ถึง 4.55% 3) ในขณะที่มุมมองตลาดต่อภาพดอกเบี้ยระยะยาว ยังคงให้น้ำหนัก Fed ลดดอกเบี้ยเฉลี่ย ประมาณ 1.87 ครั้ง ดังนั้น ผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย อาจจะมีไม่มากนัก


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้