---ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ---

คาด OSP มีกำไรสุทธิ 681 ล้านบาทใน 4Q24F (เติบโต +15.2% y/y, ฟื้นตัวจากขาดทุนใน 3Q24) หากตัดขาดทุนพิเศษจากการปิดกิจการในยุโรปออก คาดว่ากำไรหลักจะอยู่ที่ 731 ล้านบาท (+23.7% y/y, +8.8% q/q) ซึ่งการเติบโต y/y ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ซึ่งมาจาก product mix, การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน, ต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้นส่วนการโต q/q มาจากปัจจัยฤดูกาล

ประเมินยอดขายของ OSP ในไตรมาส 4Q24F ลดลง -1.9% y/y จากยอดขายเครื่องดื่มในประเทศหดตัว (-3.2%y/y) เพราะความต้องการในตลาดภายในประเทศชะลอตัว และส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังลดลงเป็น 45.0% (จาก 45.4% ใน 3Q24) และยอดขายจากธุรกิจ OEM ลดลงหลังปิดโรงงานผลิตขวดแก้วไปในช่วก่อน อย่างก็ดี เครื่องดื่มสุขภาพมีส่วนแบ่งการตลาดดีขึ้นจากการทำโปรโมชั่นและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนรายได้ต่างประเทศเติบโต +23% y/y หนุนโดยยอดขายที่ดีในเมียนมา อินโดนีเซีย และลาว สำหรับรายได้สินค้า personal care ขยายตัว +7.5% y/y

คาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 4Q24F สูงสุดเป็นประว้ติการณ์ที่ 38.3% (+2.8ppt y/y, +2.2ppt q/q) จากต้นทุนวัตถุดิบลดลง ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นหลังปิดโรงงานขวดแก้วไปใน 4Q23 และ product mix

แนวโน้มปี 2025F - ผู้บริหารเผยว่าในปี 2025 บริษัทเตรียมรีลอนช์ M150 ฝาเหลืองรุ่นลิมิเต็ด ราคา 10 บาท ในร้านค้าดั้งเดิมบางแห่ง จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนก.พ.25 เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืน โดยตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 45% ณ สิ้นปี 2024 เป็นประมาณ 50% ณ สิ้นปี 2025 (เทียบกับ 54% ในปี 2019)

อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากลยุทธ์นี้อาจทำให้เกิดการแย่งยอดขายระหว่างผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทเอง ซึ่งรวมถึง M150 ฝาน้ำเงินราคา 10 บาท และ M150 รุ่นหลักราคา 12 บาท

แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท ทั้งนี้คาดการณ์ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศปี 2025F เติบโตเป็นเลขหลักเดียวด้านตํ่า (low single-digit growth) เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้นค่าใช้จ่าย SGA/รายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น y/y ในปี 25F ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว ส่งผลให้ core profit ปี 25F จะหดตัวราว -1% y/y

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikaw@th.dbs.com