สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 29 มกราคม 2568)---- นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์เพาเวอร์จำกัด (มหาชน) CV เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท โคลเวอร์เพาเวอร์จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) ได้รับหนังสือจาก บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) “ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้” ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลและรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อกำหนดสิทธิแล้วเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้อาศัยสิทธิตามข้อกำหนดสิทธิข้อ 11.2 ขอให้บริษัทฯ ชำระหนี้เงินต้นค่าไถ่ถอนหุ้นกู้CV251A จำนวน 451.80 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 8.25 ต่อปี นับแต่วันที่บริษัทฯ ผิดนัดชำระหนี้ (วันที่ 21 มกราคม 2568) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยขอให้บริษัทฯ ชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับหนังสือหรือถือว่าได้รับหนังสือ

บริษัทฯ ขอเรียนว่า เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่ที่เกิดขึ้น บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องพิจารณาขอปรับเงื่อนไขการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสภาพคล่องของบริษัทฯ ในปัจจุบัน โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 ประชุมเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2568 ของ หุ้นกู้ของบริษัท โคลเวอร์เพาเวอร์จำกัด (มหาชน) ครั้งที่1/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 21 มกราคม2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดหุ้นกู้(CV251A) เพื่อขออนุมัติการผ่อนผันให้การที่ผู้ออกหุ้นกูไม่ชำระเงินต้นของหุ้นกู้ซึ่งถึงกำหนดชำระในวันที่ 21 มกราคม 2568 ไม่ให้ถือเป็นเหตุผิดนัด และขออนุมัติขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้โดยจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2568 ในวันที่14 กุมภาพันธ์2568 เวลา 13.30 น. โดยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์(E-meeting) ซึ่งบริษัทฯ จะได้แจ้งรายละเอียดและระเบียบวาระการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบในโอกาสต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย CB (Business)ให้กับหลักทรัพย์ของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องจัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (PublicPresentation) เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไข ภายใน 15 วันนับแต่วันที่หลักทรัพย์ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB และบริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าการแก้ไขดังกล่าวผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป