Today’s NEWS FEED

News Feed

ส.อ.ท. ปี2568 เป้าผลิตรถยนต์ 1,500,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.11 เป้าผลิตรถจักรยานยนต์ 2,100,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.28

367

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 มกราคม 2568)-------นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ.2568 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้
 
รถยนต์
ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ.2567 ประมาณ 1,500,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ.2567 ซึ่งมีจำนวน  1,468,997 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.11 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คัน เท่ากับร้อยละ 66.66 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 500,000 คัน เท่ากับร้อยละ 33.34 ของยอดการผลิตทั้งหมด
  • ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 1,000,000 คัน ปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1,009,141 คัน ลดลงร้อยละ 0.91
ปัจจัยบวก ดังต่อไปนี้
    • ระยะสั้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สูงมากนักอาจจะไม่กระทบมูลค่าการค้าโลกมากดังที่กังวลกันซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
    • อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงและราคาน้ำมันอาจลดลงทำให้อำนาจซื้อของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ต้องติดตามว่าลดลงมากน้อยแค่ไหน
    • ติดตามสงครามในภูมิภาคต่างๆ ว่ายุติได้หรือไม่ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจใช้เงินของประชาชนในประเทศต่าง ๆ
ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้
  • ความชัดเจนในมาตรการด้านการค้าและอื่น ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะขึ้นภาษีากรนำเข้าอีกมากน้อยแค่ไหน
  • คู่แข่งในประเทศคู่ค้ามีมากขึ้น
  • ประเทศคู่ค้ามีการผลิตรถกระบะซึ่งอาจลดคำสั่งซื้อและอาจส่งออกแทนประเทศไทยจากการผลิตรถกระบะลดลง
  • ความขัดแย้งและการสู้รบในภูมิภาคต่าง ๆ อาจขยายเพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคเดิมและภูมิภาคใหม่
  • มาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้
  • ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 500,000 คัน ปีที่แล้วที่ผลิตได้ 459,856 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.73
ปัจจัยบวก ดังต่อไปนี้
  • การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า
  • เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว 2.4-2.9%
  • คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2567
  • ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรรวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • การแจกเงินของรัฐบาลให้กลุ่มต่าง ๆ
  • การกระตุ้นเศรษฐกิจ e-Receipt
  • การลงทุนของภาครัฐ
  • ปี 2567 มีผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.12 ล้านล้านบาทสูงที่สุดในรอบสิบปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปี 2566 โดยยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 102,366 ล้านบาท
  • จะมีการลดดอกเบี้ยในประเทศซึ่งจะทำให้ต้นทุนและภาระการชำระหนี้ลดลงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อในประเทศ
  • ราคาน้ำมันอาจลดลงจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานลดลง อำนาจซื้อของประชาชนมากขึ้น
ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้
  • ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะมาตรการการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
  • ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะยังคงลดลงหรือไม่เพราะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ของเศรษฐกิจในประเทศและมีแรงงานถึงร้อยละ 16 ของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจซื้อในประเทศ
  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอาจจะไม่รุนแรงซึ่งจะทำให้การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศไทยชะลอตัวลงได้เพราะประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาซึ่งจะส่งผลกระทบการจ้างงานในประเทศไทย
  • หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงอาจจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
  • ค่าครองชีพยังทรงตัวในระดับสูงซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชน
รถจักรยานยนต์
ประมาณการการผลิตรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ.2568 ประมาณ 2,100,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ.2567 ซึ่งมีจำนวน 1,487,605 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 400,000 คัน เท่ากับร้อยละ 19.04 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 1,700,000 คัน เท่ากับร้อยละ 80.96 ของยอดการผลิตทั้งหมด
  • ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 400,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 0.10
  • ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 1,700,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ร้อยละ 14.28
 
 
 
 
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนธันวาคม 2567
เดือนธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,146 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 36.12 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 5,352 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 42.03
      • รถยนต์นั่งจำนวน                                             5,147   คัน
      • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน                        195   คัน
      • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน                                       2    คัน
      • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน                                   8    คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 35 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 12.50
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 2 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 95.35
      • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน                                     2    คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,648 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 10.77
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน                         1,648   คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 79 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 1,028.57
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 30 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 66.67
 
เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน      96,804 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 3.21 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 69,979 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 8.07
      • รถยนต์นั่งจำนวน                                             68,023 คัน                
      • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน                       1,860  คัน
      • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน                                       12  คัน
      • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน                                   81  คัน
      • รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน                                       3  คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 604 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 178.34
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 147 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 65.97
      • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน                                40  คัน
      • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน                                   107  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 25,119 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 14.56
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน                    25,009 คัน
    • รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน                         110 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 375 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 69.21
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 580 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ร้อยละ 523.66
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนธันวาคม 2567
เดือนธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,986 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 8.66 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 5,937 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 8.56
    • รถยนต์นั่งจำนวน                                        5,926   คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน                       4  คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน                              7  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 49 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 22.50
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน                         49 คัน
เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  127,214 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 49.54 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 126,646 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ร้อยละ 49.92
    • รถยนต์นั่งจำนวน                                      126,525         คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน                      34  คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน                                 18  คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน                             66 คัน
    • รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน                                 3  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 568 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ร้อยละ 4.22
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน                        568 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนธันวาคม 2567
เดือนธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 521 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 2.62 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 521 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 2.62
    • รถยนต์นั่งจำนวน                                             521 คัน
 
เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  9,372 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 19.92 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,372 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ร้อยละ 19.92
    • รถยนต์นั่งจำนวน                                              9,365 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน                                    7 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 227,470 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 72.52 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 159,266 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 77.48
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 156,162 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 75.69
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 2,480 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 332.40
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 78 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 105.26
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 156 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 300
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 387 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 94.47
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 869 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 211.47
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,017 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 12.87
  • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 113 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 41.25
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 904 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 10.11
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 62,631 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 63.91
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 62,508 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 64.17
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 123 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 8.89
  • อื่นๆ
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,791 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 15.38
  • รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 896 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 195.71
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 469,543 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 36.65 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 460,178 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 37.57
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 459,163 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 37.61
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 498 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.18
  • รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 72 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 41.18
  • รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 216 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 39.35
  • รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 150
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 224 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 62.32
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,362 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.86
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,362 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.86
  • อื่นๆ
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 63,184 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.05 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 63,184 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.05
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 63,113 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 17.07
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.88
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 18 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 14.29
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้