TECH WAR ส่งผลถึงตลาดการเงิน
กระแสการตอบรับที่ดีของ DEEPSEEK AI ASSISTANT ของนักพัฒนาจีน ซึ่งใช้ทรัพยากรในการพัฒาที่ต่่ากว่ามากทั้งในมุมของเม็ดเงิน และเวลาเมื่อเทียบกับ AI ของค่ายยักษ์ใหญ่อย่างเช่น CHAT GPT สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น TECH ขนาดใหญ่ในสหรัฐอย่างมีนัยส่าคัญ และ ก็สร้างแรงกดดันต่อหุ้น DELTA และ CCET ในบ้านเราตามไปด้วย คาดกระแสกดดันยังอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง มีผลท่าให้ SET INDEX ผันผวนส่วนปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานวันนี้เป็นเรื่องความหวังที่จะเห็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยในสหรัฐหวังว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่า 1 ครั้ง สะท้อนผ่าน FEDWATCH TOOL ขณะที่จีนประกาศตัวเลข PMI ต่่ากว่าคาดท่าให้คาดหวังว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนบ้านเรามีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นต่อเนื่องมูลค่าการซื้อขายที่บาง และปัจจัยแวดล้อมที่ยังไม่เห็นน้่าหนักทางบวกเข้ามาเสริม คาดว่าท่าให้ SET INDEX ยังอยู่ในภาวะที่ผันผวน วันนี้คาดกรอบ 1335 –1355 จุด TOP PICK เลือก BEM, IVLและ PLANB
กระแส DEEPSEEK กดดันหุ้น TECH สหรัฐฯ PANIC SELL
วานนี้จีนเขย่าโลกดัน “DEEPSEEK” AI ต้นทุนต่่า ท้าชนสหรัฐ ซึ่ง DEEPSEEK เป็นธุรกิจสตาร์ตอัปของจีน ก่อตั้งปี 2566 หากเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างDEEPSEEK กับ CHATGPT คือ การลงทุนที่น้อยกว่าเพียง 5.6 ล้านเหรียญฯ ,ท่างานบนชิป (NVIDIA H800S) ที่มีขีดความสามารถต่่ากว่าแต่ AI มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง CHATGPT ในบางหัวข้อค่าถาม เช่น ทางคณิตศาสตร์ อีกทั้งมีราคาขายต่อประสิทธิภาพ หรือ 1 ล้าน TOKENS ที่ถูกกว่า
ประเด็นดังกล่าว ท่าให้เกิดการตั้งค่าถามถึง ความจ่าเป็นต่อการใช้ทรัพยากรจ่านวนมาหาศาลในอุตสาหกรรม AI ของสหรัฐฯ และส่งผลให้วานนี้มาร์เก็ตแคปหุ้นSEMICONDUCTOR วูบหาย 1 ล้านล้านเหรียญฯ อาทิ NVIDIA -16.9%BROADCOM -17.4% ASML -5.7% AMD -6.4% เป็นต้น นอกจากนี้ยังเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินจาก MSCI ACWI GROWTH -2.6% สู่ MSCI ACWI VALUE+1.4%
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจาก หุ้นกลุ่ม TECH ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับหุ้นผลิตชิพต่างๆ มีไม่มาก อาทิ DELTA -6.1%, CCET -5.06%ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์
- DR อิงแอปพิเคชั่น, AI จีน : AAPL80X, BABA80, BIDU80
- หุ้นวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศไทย : BE8, BBIK, PIS, INSET, AIT
หาหุ้นรับอานิสงค์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนอก-ในประเทศ
สหรัฐฯ : มีความคาดหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการปรับลดดอกเบี้ย หลังแนวนโยบายต่างๆ ของ TRUMP ในยุค TRUMP 2.0 ก่าลังปูทางกดดันให้เงินเฟ้อชะลอตัว อาทิแผนลดราคาพลังงานในสหรัฐฯ จากการเพิ่มก่าลังการผลิตภายในประเทศ และยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในยุคไบเดน เป็นต้น นอกจากนี้ กระแสของTRUMP ในการเรียกร้องให้ FED ปรับลดดอกเบี้ย ผ่านกล่าวสุนทรพจน์ในงาน WEFเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังคงมี SENTIMENT มาจนถึงปัจจุบันภาวะดังกล่าวกดดัน BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ร่วงลงราว 1.9% สู่ระดับ 4.54%ขณะที่ในมุมองตลาดฯ คาดว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยในนปีนี้ 2 ครั้ง (เดิมคาด 1ครั้ง) และเกิดเร็วขึ้นเป็นเดือน พ.ค. (เดิมคาด มิ.ย.) ก่อนหั่นอีกครั้งในเดือน ก.ย.กระแสดอกเบี้ยขาลงในสหรฐฯ มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้น MTC SAWADTIDLOR BGRIM GULF AP LH เป็นต้น
จีน : คาดหวังว่ารัฐาลจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ผ่านภาคการบริโภคและใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงเพื่อช่วยลดความเสี่ยง TRADE WARที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หลังจีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนม.ค. 68 ออกมาอยู่ที่ 49.1 จุด ซึ่งต่่าหว่าตลาดคาด และพลิกกลับมาอยู่ในโซนหดตัว (PMI < 50) ครั้งแรกในรอบ 4 เดือนขณะที่ระยะถัดไป หากเศรษฐกิจจีนมีสัญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งได้จริง มองเป็นSENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้น PTTGC PTTEP SCC IVL SCGP III ERW เป็นต้น
ไทย : คาดหวังแรกกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จากการเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐ, การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชน, การท่องเที่ยวและบริโภคต่อฟื้นตัวต่อเนื่อง และ การส่งออกสินค้าที่ขยายตัวโดยนับตั้งแต่ช่วง 4Q67 ที่ผ่านมามีหลายนโยบายที่ทยอยออกมา อาทิ เงินดิจิทัลเฟส 1-2 โอนเงิน 10,000 บาท,โครงการไร่ละพัน, มาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568เป็นต้น ความคืบหน้าการแจกเงินในระยะที่ 3 และการแจกเงินให้กับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนจะได้ความชัดเจนของไทม์ไลน์และขั้นตอนภายใน 2 สัปดาห์นี้โดยมีเม็ดเงินเตรียมไว้แล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาทหุ้นเด่นรับกระแสจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นที่ก่าไรเติบโตในปีนี้ อาทิ CPN CPAXT BJCCOM7 BEM, CENTEL ERW AOT เป็นต้น
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์