AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก
เลือกหุ้นที่ได้ผลบวกจากปัจจัยภายใน
Market Strategy
SET Index พักในกรอบ 1330-1350 จุด แรงกดดันหลักมาจากปัจจัยภายนอกจากกลุ่มเทคฯสหรัฐฯ แต่ด้วยโครงสร้างอุตสาหกรรมบ้านเราที่มีน้ำหนักตรงนี้น้อย Downside จึงจำกัดตลาดหุ้นสหรัฐฯอย่างมาก แนะนำสะสมหุ้น Domestic Play อย่าง CPALL และ MTC
ความกังวลต่อประเด็น Deepseek (Generative AI) ของจีนที่ต้นทุนในการพัฒนาต่ำกว่าฝั่งสหรัฐฯ ที่ตลาดมองเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตกลุ่มอุตสาหกรรม AI และ Semiconductor กดดันต่อหุ้นเทคสหรัฐ ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปรับลง -1.5% และ -3.1% แต่อย่างไรก็ตามหากมองในองค์ประกอบดัชนี S&P500 พบว่าเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินไปกลุ่มไปกลุ่ม Old Economy มากขึ้นเช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการเงิน ซึ่งสถานการณ์ข้างต้นเราจึงเชื่อว่าแรงกดดันมายัง SET Index จะน้อยกว่าฝั่งสหรัฐฯอย่างมากเนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นบ้านเรามีน้ำหนักไปทางกลุ่ม Old Economy เป็นหลัก (สัดส่วน Market Cap กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ การเงิน ค้าปลีก การขนส่ง คิดเป็นเกินกว่า 50%)ส่วนประเด็นอื่นๆ ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับลง 1.8% กดดันจากการรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนเดือน ม.ค. ออกมา 49.1/50.2 ต่ำกว่าเดือนก่อนและต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งมองเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นในวันนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศความสนใจอยู่ที่มาตรการกระตุ้นของรัฐฯ หลังวานนี้รัฐบาลเผยโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 จะเกิดขึ้นได้ภายใน 2Q68 โดยมีวงเงินเตรียมไว้ ที่ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้เรามองเป็นบวกต่อ โมเมนตัมของภาคบริโภคในประเทศที่น่าจะมีแรงช่วยประคองไปจนถึงกลาวปี 68 เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR MTC และ SAK) ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้การประชุม ครม. พิจารณาแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนฝั่งสหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. ซึ่ง Consensus คาดที่ 105.9 ดีกว่าเดือนก่อนที่ 104.7
Market Summary
SET Index ปรับลง 13 จุด กดดันหลักมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA 6% กดดันดัชนีไป 9 จุด ความกังวลต่อการเติบโตกลุ่มอุตสาหกรรม AI สหรัฐฯ จากกระแส Deepseek ซึ่งเป็น AI ของจีน (คล้่าย Chatgpt) เปิดให้ใช้บริการฟรีมีต้นทุนพัฒนาที่ต่ำ ตามด้วยกลุ่มพลังงานที่ถูกแรงขายทำกำไร BSRC -7% SPRC -1.8% PTTEP -0.8% กลุ่มโรงพยาบาล นำโดย BH -5% จากตลาดกังวลต่อรายได้ผู้ป่วยตะวันออกลางโดยเฉพาะคูเวตที่ฟื้นช้า ส่วนกลุ่มที่ขึ้นสวนตลาดเป็นกลุ่มธนาคาร +0.9% กลุ่มเนื้อสัตว์กระแสตรุษจีน CPF +3.6% BTG +1.7% ต่างชาติและสถาบันขายสุทธิ 1 – 1.2 พันล้านบาท
DAILY Stock Pick
CPALL
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 67-68 ขึ้น 4%/4% เพื่อสะท้อนถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งกว่าคาดจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการของแม็คโครและโลตัสมีแนวโน้มเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ เราคาดว่าเซเว่นอีเลฟเว่นจะมี SSSG ที่ระดับ 4% และ 3% ในปี 67-68 อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจะได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น อาหารพร้อมทานและสินค้ากลุ่มอาหาร
ประเมินกำไร 4Q67 ของ CPALL เติบโตถึง 19% YoY และ 17% QoQ สู่ระดับ 6.54 พันล้านบาท หนุนจากรายได้ที่เติบโตจาก SSSG ของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจะอยู่ที่ 3.5% จากการเพิ่มขึ้นของทั้งจำนวนลูกค้าและมูลค่าการใช้จ่ายต่อบิล การขยายสาขาใหม่และอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัว เนื่องจากเซเว่นอีเลฟเว่นยังคงได้รับผลบวกจากกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงซึ่งขายดีต่อเนื่อง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81.50 บาท
Stock Pick
MTC
คาดกำไรปี 68 จะขยายตัว 17%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ 10.4%YoY โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 15% ต่อปี ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยส่วนหนึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินสดเฟส 1 พบว่า 12.8% ใช้สำหรับชำระหนี้สิน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เริ่มจ่ายกลุ่มผู้สูงอายุเฟส 2 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าเป็นบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ใน 1Q68 ได้ต่อไป
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีติดลบไป 9% ตามกลุ่มไฟแนนซ์แรงกดดันหลักมาจาก U.S. Bond Yield ปรับขึ้น บนความกังวลการลดดอกเบี้ยช้าของ FED แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าแรงกดดันจากนี้จะเริ่มลดลงจากนโยบายของคุณทรัมป์ต้องการ “ลดเงินเฟ้อ ลดดอกเบี้ยฯ” ทำให้ U.S. Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ล่าสุดปรับลงถึง 17 bps จากจุดสูงสุดและจะคาดว่าจะเข้าสู่โหมดพักตัว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมองเป็น Sentiment บวกหนุนต่อราคา MTC ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท
KEY FACTOR
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ม.ค. PMI ภาคการผลิต และ ภาคบริการ อยู่ที่ระดับ 49.1 และ 50.2 ตามลำดับ ต่ำกว่าที่Consensus คาดการณ์ไว้ระดับ 50.1 และ 52.2 อย่างไรก็ตามอิทธิพลของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มลดลง ในช่วงเข้าสู่วันหยุดยาวตรุษจีน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงด้วยแรงกดดันจากหุ้น Big Tech ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง -3.07% หลังกระแสของ DeepSeek แรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นกับผู้เล่นของสหรัฐฯในปัจจุบัน บริษัทที่มีแผนลงทุนด้าน AI รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตชิป (Microsoft, Meta, Alphabet, Nvidia) ส่วน VIX Index เร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แตะระดับ 18.5 จุด เช่นเดียวกับ Dollar Index ร่วงทำจุดต่ำสุด YTD ที่ 107.2 จุด สะท้อนการเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดการเงินสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามดัชนี S&P500 ที่แม้จะปิดลบ -1.46% แต่ฟื้นจากจุดต่ำสุดของวันที่ -2.27% สะท้อนการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนบางส่วนเข้าสู่กลุ่ม Old Economy
EYES ON
ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67 กลุ่ม Real Sector
28 ม.ค. จีนหยุดทำการเริ่มเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน (28 ม.ค.– 4 ก.พ.)
30 ม.ค. รู้ผลการประชุม FOMC
31 ม.ค. PCE เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ