AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ค่อยๆฟื้น
เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐฯ
Market Strategy
SET Index ค่อยๆฟื้นตามกรอบ 1345-1365 จุด แรงกดดันจาก Fund Flow คาดว่าจะเบาลงจาก U.S. Bond Yield ที่แกว่งพักตัวหลังจากนโยบายของคุณทรัมป์ที่ต้องลดเงินเฟ้อ ลดดอกเบี้ยฯ ด้านปัจจัยในประเทศได้ Sentiment บวกจากมาตรการแจกเงินสดเฟส 2 สำหรับหุ้นเด่นระยะสัปดาห์เราเลือก MTC ส่วนหุ้นเด่นวันนี้ชอบ CRC
แรงกดดันจากต่างประเทศสัปดาห์นี้คาดว่าจะลดลง เนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาคจะเข้าสู่วันหยุด เนื่องจากเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯประเด็นหลักจะอยู่ที่ผลการประชุมของ ECB และ FED ซึ่งตลาดค่อนข้างเห็นไปทางเดียวกัน คือ ECB จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ FED คาดคงดอกเบี้ยฯตามเดิม แต่คงต้องติดตามการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป โดยเฉพาะฝั่งของ FED ซึ่งเราเชื่อว่ายังสงวนท่าที เนื่องจากต้องการเห็นความชัดเจนของนโยบายของคุณทรัมป์ ซึ่งสถานการณ์ข้างต้นจึงไม่น่าจะทำให้ทิศทาง U.S. Bond Yield ปรับตัวขึ้นไปเกินจุดสูงสุดเดิมเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค. ลดความเสี่ยงต่อ Fund Flow ต่างชาติไหลออก
ปัจจัยในประเทศหลังการรรายงานงบ 4Q67 ของกลุ่มธนาคาร (7 แห่งที่เราศึกษา) ขยายตัว 20%YoY ดีกว่าคาดราว 6% ถัดไปจะเข้าสู่การรายงานงบของภาค Real Sector เริ่มจาก SCC วันที่ 29 ม.ค. Consensus คาดขาดทุน 740 ล้านบาท และ PTTEP วันที่ 30 ม.ค. คาดกำไร 1.82 หมื่นล้านบาททรงตัว QoQ/YoY โดยรวมถือว่าไม่เด่น แต่ข้อดีคือราคาหุ้นก็มีการปรับลงมารอไว้ก่อนแล้ว หากผลประกอบการไม่ได้สร้าง Negative Surprise จึงไม่น่าสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนประเด็นอื่นๆ วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่มแจกเงินเฟส 2 ต่อผู้สูงอายุวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท หากอิงสถิติการแจกเงินเฟส 1 กลุ่มเปราะบาง พบว่าสัปดาห์แรกหลังเริ่มจ่ายเงิน หุ้นในกลุ่มบริโภคในประเทศจะ Outperform นำโดยกลุ่มไฟแนนซ์ (ชอบ MTC TIDLOR SAK) กลุ่ม ICT (ชอบ TRUE INTUCH) และกลุ่มค้าปลีก (ชอบ CRC CPALL CPAXT BJC)
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 9.9 จุดหรือ 0.7% หนุนจากกลุ่มพลังงานปิโตรฯ PTTGC +8% IVL +5% จากยอดส่งออกเดือน ธ.ค.ที่ดีกว่าตลาดคาด การบรรลุข้อตกลงเจรจาไทย-EFTA และข่าวคุณทรัมป์ เผยว่าไม่ต้องการใช้ขึ้นภาษีกับจีน กลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน หนุน CPF +3% GFPT +1% ด้านกลุ่มพลังงาน TOP +6% จาก ข่าวได้รับเงินชดเชยโครงการ CFP ที่ไม่เป็นตามข้อตกลงจากผู้รับเหมาฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกลุ่มธนาคารยังมีควันหลง Sell on Fact กลุ่มโรงพยาบาลกดดันจาก BH -1.6% กลุ่มขนส่งอยาง AOT -1.3%
DAILY Stock Pick
CRC
เป็น 1 ในหุ้นได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ อาทิ Easy E-Receipt , แจกเงินผู้สูงอายุ 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ประเด็นเรื่องค่าไฟ หากรัฐบาลสามารถลดจาก 4.15 บาท/หน่วย เป็น 3.70 บาทได้มองเป็นบวกต่อต้นทุนค่าไฟที่ลดลง ซึ่ง CRC คิดเป็นสัดส่วน 2% ของยอดขาย แถมได้ Sentiment บวกจากเทศกาลตรุษจีน หนุนการจับจ่ายใช้สอยใน TOP, GO Wholesale ขณะที่สถานการณ์ PM 2.5 บ้านเราเชื่อว่าจะช่วยหนุนกำลังซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องกรองอากาศ ดีต่อยอดขายของ Power Buy
แนวโน้มกำไร 4Q67E คาดขยายตัว QoQ หนุนจาก SSSG ดีขึ้นจาก 3Q67 กลุ่มไทวัสดุ SSSG ฟื้นเป็นบวก (จาก -4% ใน 3Q67) กลุ่ม Fashion มีโมเมนตัมดีต่อในเดือน ธ.ค. หลังจากเซ็นทรัลชิดลมปรับปรุงเสร็จกลาง ธ.ค. 67 กำไรปี 68 คาดขยายตัว 13.5%YoY สูงกว่ากลุ่มค้าปลีกที่คาดเติบโต 10.5%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.00 บา
WEEKLY Stock Pick
MTC
คาดกำไรปี 68 จะขยายตัว 17%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ 10.4%YoY โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 15% ต่อปี ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยส่วนหนึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินสดเฟส 1 พบว่า 12.8% ใช้สำหรับชำระหนี้สิน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เริ่มจ่ายกลุ่มผู้สูงอายุเฟส 2 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าเป็นบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ใน 1Q68 ได้ต่อไป
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีติดลบไป 9% ตามกลุ่มไฟแนนซ์แรงกดดันหลักมาจาก U.S. Bond Yield ปรับขึ้น บนความกังวลการลดดอกเบี้ยช้าของ FED แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าแรงกดดันจากนี้จะเริ่มลดลงจากนโยบายของคุณทรัมป์ต้องการ “ลดเงินเฟ้อ ลดดอกเบี้ยฯ” ทำให้ U.S. Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ล่าสุดปรับลงถึง 17 bps จากจุดสูงสุดและจะคาดว่าจะเข้าสู่โหมดพักตัว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมองเป็น Sentiment บวกหนุนต่อราคา MTC ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท
KEY FACTOR
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะให้น้ำหนักไปที่การประชุมธนาคารกลาง และการรายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ และ Eurozone 1) FOMC ในสัปดาห์นี้ (รู้ผลเช้าวันที่ 30 ม.ค.) มุมมองตลาดให้น้ำหนักเป็นเอกฉันท์ที่ Fed จะยังคงดอกเบี้ยที่ 4.25% - 4.50% แต่อย่างไรก็ตามน่าจะมองไปที่การส่งสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยในปี 2568 ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเริ่มเห็นความชัดเจนเชิงนโยบายของทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการปรับลดดอกเบี้ย และ ราคาพลังงาน ในขณะเดียวกันยังไม่เร่งขับเคลื่อนนโยบายการกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ความกังวลต่อเงินเฟ้อชะลอลง 2) คาด ECB ลดดอกเบี้ยเพื่อฟื้นเศรษฐกิจต่อเนื่องอีก -25bps จาก 3.15% สู่ระดับ 2.9%
ในขณะที่ GDP ไตรมาสที่ 4 1) สหรัฐฯ Consensus คาดการณ์ว่าจะขยายตัว +2.7% QoQ ชะลอลงจาก +3.1% QoQ ในเดือนก่อนหน้า 2) Eurozone Consensus คาดยังประคองตัวบวกได้ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน +0.1% QoQ สะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
EYES ON
[ในสัปดา การรายงานงบฯ 4Q67 กลุ่ม Real Sector
27 ม.ค. กำไรภาคอุตสาหกรรม, PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือน ม.ค. ของจีน
28 ม.ค. จีนหยุดทำการเริ่มเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน (28 ม.ค. - 4 ก.พ.)
30 ม.ค. รู้ผลการประชุม FOMC
31 ม.ค. PCE เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ