Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

375

 


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1350-1370
เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตาม1350-1370 จุด เชื่อว่าโมเมนตัมปรับขึ้นต่ออาจไม่แรงเท่า 2 วันที่ผ่านมาหลังจากเริ่มขาดปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักขับเคลื่อนและไปเลือกเก็งกำไรกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ วันนี้มีการรายงานส่งออกไทยเดือน ธ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อ จึงแนะนำเก็งกำไร STA

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 0.7% แรงหนุนมาจากหุ้นกลุ่มเทคฯ หลัง ORACLE OPENAI และ SOFTBANK มีการประกาศร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ผลบวกต่อบริษัทในบ้านเราคงได้แค่ Sentiment ทางอ้อมเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น เช่น กลุ่ม Tech Service และ Data Center อย่าง BE8 BBIK GULF เป็นต้น ส่วนประเด็นอื่นๆ ติดตามท่าทีของจีนหลังวานนี้คุณทรัมป์ เผยว่ากำลังพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าจีน 10% เริ่มเดือน ก.พ. เพื่อตอบโต้จีนปล่อยให้ส่งออกเฟนทานิลมายังสหรัฐฯ

หลังการรายงานงบ 4Q67 กลุ่มธนาคารได้ผ่านไป ต่อมาจะเข้าสู่การรายงานงบของหุ้นในภาค Real Sector ซึ่งจากการรวบรวมคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) โดย Bloomberg Consensus งวด 4Q67 คิดเป็น 78% ของ Market Cap คาดทำกำไรสุทธิรวม 1.9 แสนล้านบาท ขยายตัว 20%QoQ และ 29%YoY โดยกลุ่มที่กำไร 4Q67 คาดขยายตัวเด่นกว่าตลาดทั้ง QoQ และ YoY คือ กลุ่มค้าปลีก (CPAXT CPALL BJC HMPRO GLOBAL DOHOME COM7) กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม (หลักๆจาก MINT) กลุ่มเกษตร (STA NER) สำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่ขยายตัว QoQ และ YoY และหุ้นในกลุ่มน่าสนใจ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC SAK) กลุ่มพลังงานจากกลุ่มโรงกลั่น (BCP SPRC) ส่วนกลุ่มที่หดตัวทั้ง QoQ และ YoY (SCGP) โดยเราเลือก 4 หุ้นเด่นน่าเก็งกำไร คือ BBIK BCP CPALL และ MTC รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามในบทวิเคราะห์ Strategy Update ฉบับวันนี้ (วันที่ 23 ม.ค. 68)

ประเด็นติดตามในวันนี้การรายงานยอดส่งออกไทยเดือน ธ.ค. 67 Bloomberg Consensus คาดขยายตัว 7.4%YoY และยอดนำเข้าขยายตัว 15.4%YoY

 

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 9.24 จุด หรือ 0.7% หนุนหลักมาจาก DELTA +3% ตามด้วยหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังงบออกมาโดยรวมดีกว่าคาด นำโดย KTB +5.5% TTB 3.8% KKP +3.4% กลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้น นำโดย SAWAD +2% MTC +1.7% จาก U.S. Bond yield ที่ลดลง สวนทางกลุ่มประกันที่ปรับลง -1.3% และกลุ่ม China Play อย่าง IVL -2% SCGP -1.1% จากมีรายงานคุณทรัมป์พิจารณาขึ้นภาษีจีน 10% ในเดือน กพ. จากปัญหาขนส่งเฟนทานิล

 


DAILY Stock Pick

STA
การรายงานตัวเลขภาคส่งออกไทยเดือน ธ.ค. ในวันนี้ ล่าสุด Bloomberg Consensus คาด ขยายตัว 7.4%YoY ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นแรงเก็งกำไรในกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวได้ดี หากประเมินส่งออกเดือน พ.ย. ขยายตัว 8.2%YoY ยางพารา ขยายตัวได้ถึง 14%YoY นอกจากนี้มีสัญญาณบวกจากตัวเลขนำเข้าจีนเดือน ธ.ค. ที่นำเข้าจาก ASEAN ขยายตัว 5.4%YoY จึงทำให้ยอดส่งออกยางพารา เดือน ธ.ค. มีโอกาสขยายตัวได้ต่อ หากเกิดขึ้นถือเป็นบวกต่อราคาหุ้นของ STA ในวันนี้
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ไม่แพง P/E68 ที่ 10.8 เท่าและ P/BV ณ 3Q67 ที่ 0.5 เท่า และสัดส่วนหนี้ต่ำจาก IBD/E ที่ 0.95 เท่า จึงถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ลุ้นการซื้อหุ้นคืนได้เช่นกัน ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 Bloomberg Consensus คาดกำไรเติบโตทั้ง QoQ/YoY หนุนจากทั้งธุรกิจยางพาราและถุงมือยาง ส่วนปี 68 กำไรหลักมีแนวโน้มเติบโตต่ออีก 32%YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 17.40 บาท

 


WEEKLY Stock Pick
คาดแนวโน้มกำไร 4Q67 จะยังสามารถเติบโตได้ QoQ และ YoY หนุนกำไรทั้งปี 67 เติบโต 31.7%YoY และยังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 68 ที่ 9.6%YoY ขณะที่ Valuation ไม่แพงซื้อขายบน P/E68 ที่ 19.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1.3 S.D.
ปัจจัยบวกหนุนจาก
1) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ทั้ง Easy E-Receipt และแจกเงินสด 1 หมื่น
บาทเฟส 2 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท
2) ค่าไฟฟ้าที่มีโอกาสลดลงหลังจาก กกพ. เสนอลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.98 บาท จากปัจจุบัน 4.15
บาท จะเป็นการประหยัดต้นทุนค่าไฟซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1-3% ของยอดขายของ CPALL
3) CPAXT เผยผลบวกของ Amalgamation น่าจะมาเร็วกกว่าคาดและกำไร 4Q67 แข็งแกร่งซึ่ง
เป็นบวกกับ CPALL ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CPAXT
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81 บาท

 

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ สะท้อนภาพที่นักลงทุนเลือกให้น้ำหนักกับปัจจัยเฉพาะตัวมากขึ้น เทียบกับในช่วงก่อนหน้าที่ทั้งภูมิภาคโดนแรงกดดันจากความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์ โดย 1) ตลาดหุ้นเอเชียเหนือ ญี่ปุ่น เกาหลีฯ ไต้หวัน ปรับตัวขึ้นในช่วง 0.97% ถึง 1.58% ตอบรับเชิงบวกสัญญาณการเร่งลงทุนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของสหรัฐฯ 2) ตลาดหุ้น จีน-ฮ่องกง ปรับตัวลง -0.89% และ -1.63% ตามลำดับ หลังทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% ตั้งแต่ 1 ก.พ. 3) ตลาดหุ้น ASEAN ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทั้งคู่ค้าของสหรัฐฯและจีน ที่น่าจะโดนผลกระทบไม่มากและมีบางอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์ ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วง 0.13% ถึง 1.05% พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าซื้อทั้ง ไทย และ อินโดนีเซียสะท้อนโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดไปจะกลับสู่รอบการฟื้นตัว จากแรงขับเคลื่อนปัจจัยเฉพาะตัว 1) แนวโน้มงบฯ 4Q67 ที่น่าจะฟื้นตัวได้ดี และ 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ


EYES ON
23 ม.ค. ส่งออกไทย เดือน ธ.ค.
24 ม.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น1200 By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ ลุ้น 1,200 จุด เอาอยู่ไหม ด้วยตลาดหุ้นไทย หยุดยาว 3 วัน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ นักลงทุน.....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้