ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปรับขึ้น +12.03 จุดปิดที่ 1352.53 หลังทรัมป์ ไม่เร่งตั้งกำแพงภาษีกับจีน ทำให้ความกังวลผ่อนคลายลงในระยะสั้น นำโดยกลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า ท่องเที่ยว ค้าปลีก ไฟแนนซ์ อิเลคทรอนิกส์ (ทรัมป์ ยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกชิปของไบเดน) , นิคมฯ (ได้อานิสงค์จากย้ายฐานการผลิตมาไทย) ส่วนกลุ่มที่ลงเป็นพลังงานต้นน้ำ (ทรัมป์ หนุนสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มและขยายโรงกลั่น ทำให้อุปทานน้ำมันโลกเพิ่มขึ้น)

ปัจจัยต่างประเทศ
+ นักลงทุนคลายกังวลในระยะสั้น หลังจากทรัมป์ ยังไม่ได้ประกาศขึ้นกำแพงภาษีทุกประเทศ แต่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตั้งแต่ 1 ก.พ.นี้ และกำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าจีน 10% เริ่ม 1 ก.พ.นี้

• ติดตามผลการประชุม BOJ ปลายสัปดาห์นี้ ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%, ผลการประชุม ECB ซึ่งมีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลประชุม FOMC ซึ่งตลาดประเมินว่าจะคงดอกเบี้ย

+/- US Bond Yield 10 ปีขยับขึ้นมาที่ 4.59% ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อ จากกังวลอุปทานน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) อ่อนสู่ 117.75 (สูงสุดรอบนี้ 149) ดัชนี Baltic Dry Index ลดสู่ 928 (สูงสุด 2110)

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
+ 3 สัปดาห์แรกปี 68 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 2.1 ล้านคน คาดทั้งเดือนม.ค.68 มีโอกาสเพิ่มเป็น 3.2-3.3 ล้านคน ซึ่งมากขึ้นจาก 3.03 ล้านคนในเดือนม.ค.67 สำหรับทั้งปี 68 คาดไว้ที่ 39.5 ล้านคน...ภาคท่องเที่ยวเป็น Key growth ที่สำคัญในปี 68 หุ้นเด่น AOT, ERW, MINT, SPA

• ผลประกอบการ 4Q67 และทงั้ ปี 67 ออกมาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นไปตามคาด (ยกเว้น SCB และ KKP ที่ดีกว่าคาด) ธนาคารที่มีผลดำเนินงานและบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีเป็น BBL (สินเชื่อรายใหญ่และต่างประเทศเติบโต, NPL ไตรมาส 4 ลดลงมาก), KTB (สินเชื่อภาครัฐเติบโตแกร่ง และ NPL ไตรมาส 4 ลดลง)

กลุยทธ์ : หากยืนเหนือ 1356-1360 ได้จึงจะมีลุ้นกลับมาขึ้นใหม่...หากดัชนีสามารถยืนเหนือ 1356-1360 ได้ จะเป็นการแกว่งขึ้นต่อ แต่ถ้ายืนไม่ได้จะมีแนวโน้มลงทดสอบแนวรับใหญ่ที่ 1333-1323 ซึ่งเป็นระดับที่ก่อให้เกิดการรีบาวด์แบบมีนัยสำคัญได้ หุ้นเด่นเทคนิควันนี้เป็น KBANK, BCPG

หุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุน : ERW – คาด RevPar ดีขึ้นใน 4Q67 เมื่อเทียบ QoQ เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยว ผลประกอบการปี 68 เติบโตแข็งแกร่ง จากการกลับมาเปิดโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา และอัตราการเข้าพักโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงแรมฮอป อินน์ มีอัตราการเข้าพักสูง และบริษัทมีแผนจะเปิดโรงแรมเพิ่ม เนื่องจากลงทุนไม่มาก และให้ผลตอบแทนสูง ปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น คือ การสรุปต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ ซึ่งขณะนี้ ERW กำลังเจรจาต่อสัญญาเช่าอีก 20 ปี แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 5.50 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@th.dbs.com : Tel 02 587 7829