Company Note
Carabao Group
แนวโน้มกำไรสุทธิปีนี้เติบโต จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นหลัก

เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24F เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ และคาดแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 2024F และยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2025F เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จากส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้นจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดธุรกิจเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและยังคงราคาขาย 10 บาท และส่งออกเริ่มมียอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นในกัมพูชาและเมียนมา สำหรับธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าเติบโตจากการออกสินค้าใหม่และธุรกิจเบียร์คาดสัดส่วนรายได้ยังเล็กน้อย และการบริหารจัดการต้นทุน เราคาดผลประกอบการแบบอนุรักษนิยมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10%YoY (CAGR2Y) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

คาดกำไรสุทธิ 4Q24F เพิ่มขึ้น จากส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้น

เราคาด CBG จะมีกำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 782 ล้านบาท (+20%YoY, +6%QoQ) จากการคาดรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% YoY และ 15% QoQ โดยรายได้กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 25.6% หรือ +70bps QoQ และ +240bps YoY จากการทำการตลาดและคงราคาขายปลีก 10 บาท, สำหรับรายได้รับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์เติบโตต่อเนื่องจากช่วง high season เทศกาล, ด้านการส่งออกคาดเพิ่มขึ้นจากประเทศกัมพูชาและเมียนมาเริ่มกลับมาดีขึ้น อัตรามาร์จิ้นคาดลดลงเล็กน้อย QoQ จากต้นทุนอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายโบนัสพิเศษตามผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น

คาดกำไรสุทธิปี 2024F จะอยู่ที่ 2,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% YoY

จากการคาดรายได้รวมที่เติบโต 11% YoY มาจากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักจากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานที่มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งปีที่เพิ่มขึ้นโดย ธ.ค.24 อยู่ที่ 26% เทียบกับ 23.4% YoY หรือเพิ่มขึ้น +240bpsYoY จากการทำการตลาดเพิ่มขึ้นร่วมกับช่องไทยรัฐทีวีต่อเนื่อง การคงราคาขายปลีก 10 บาท ด้านส่งออกคาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจาก CLMV ที่เศรษฐกิจชะลอตัว คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นและจากการปรับกลยุทธ์ลดการสต๊อกสินค้าของคู่ค้า ส่งผลให้คู่ค้าเกิดสภาพคล่องและยอดขายสะท้อนตามจริงมากขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจาก อัตราการเติบโตของรายได้ที่มากกว่าค่าใช้จ่าย และการแบ่งค่าใช้จ่าย sponsorship ให้กับบ.ตะวันแดงในการโปรโมทสินค้าเบียร์และการสนับสนุน sponsorship ให้ประเทศเวียดนามเริ่มหมดลง

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2025 เพิ่มขึ้น 30%YoY หรือรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาท มาจาก

ตั้งเป้ายอดขาย energy drink ในประเทศเพิ่มขึ้น 40%YoY หรือ 1.2 พันล้านขวด จากปี 2024F ที่ 860 ล้านบาท โดยวางเป้าหมาย market share เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 29% จากปี 2024 ปิดที่ 26% โดยยอดขายในเดือน ม.ค.ยังแข็งแรงจากการบริหารให้กับลูกค้ามีสต๊อกลดลง บริษัทคาดยอดขาย 300 ล้านขวด/ไตรมาส แต่ใน 1Q25F อาจจะอ่อนตัวเป็นปกติ คาดจะเริ่มเห็นได้ใน 2Q25F เป็นต้นไป

ตั้งเป้ายอดขาย energy drink ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10%YoY มาจากกัมพูชาและเมียนมา

ธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 45%YoY มาจากเหล้าข้าวหอมตอบรับดีเกินคาด ปีที่ผ่านมาดี ตลาดใหญ่ 6-7 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้า 185 ล้านขวดจากปี 2024 อยู่ที่ 130 ล้านขวด แนวโน้มไตรมาส 1 ปกติอ่อนตัว แต่จะเริ่มดี 2Q25F เป็นต้นไป สำหรับธุรกิจเบียร์มุ่งเน้นผับบาร์ ร้านอาหารในกรุงเทพฯและหัวเมือง และทำการตลาดขายสินค้าผ่านงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ต market share ของเบียร์ปัจจุบัน 4%

บริษัทวางแผนลดต้นทุน จากการผลิตข้าวหอมจะลดลงน้ำหนักขวดเหล้าให้เท่ากับขวดเบียร์จาก 265กรัมเป็น 245 กรัม และขวดใหญ่จะลดน้ำหนักลงจาก 410 กรัมเป็น 385 กรัม คาดจะเห็นใน 2Q25 / energy drink แบบขวดจะลดน้ำหนักขวดให้บางลงจาก 135 กรัมเป็น 120 กรัม คาดจะเห็นใน 4Q25 / energy drink แบบกระป๋องบางลงจาก 25mm หรือ 0.245 ทำให้น้ำหนักลดลง 0.1 กรัม คาดจะเห็นใน 2Q25

ราคาต้นทุนวัตถุดิบลดลง จากน้ำตาลเริ่มลดลงปัจจุบันอยู่ที่ 21 บาท เทียบกับปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 24.50 บาท ราคาต้นทุนอะลูมิเนียมปัจจุบันต้นทุน 2500-2550$/tons บริษัทรอดูสถานการณ์หากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากจบลงอาจจะทำให้ราคาอะลูมิเนียมลดลง เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียม 10% ของโลก สำหรับต้นทุนอะลูมิเนียม 1Q25F เท่ากับต้นทุน 3Q24 และราคาเศษแก้วปัจจุบัน 3.05 บาท ลดลงเทียบกับปีที่ผ่านมา 3.45 บาท/กก.

สำหรับภาษีน้ำตาลเฟส 4 ที่จะเริ่มเดือน เม.ย.25 ตอนนี้บริษัทจ่าย 1 ลิตรจ่าย 30 สตางค์ บริษัทจ่ายอยขวดละ 3-4 สตางค์ ตอนนี้จะปรับเป็น 1 บาท อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าภาครัฐฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าอาจจะไม่เก็บภาษีน้ำตาลเฟส 4 แล้ว หลังจากการใช้น้ำตาลในประเทศลดลง หรืออาจจะเก็บภาษีตามแผนเดิมในเดือน เม.ย.นี้ คาดจะทราบผลในเดือน ก.พ.25 โดยหากมีการปรับเพิ่มภาษีตามแผน บริษัทมีแผนลดน้ำตาลเหลือ 0 ที่จะไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล แต่ถ้าภาครัฐฯยกเลิกเฟส 4 บริษัทมีแผนจะไม่ปรับสูตรลดน้ำตาล

คาดผลประกอบการเติบโตแบบอนุรักษนิยม 10% (CAGR2Y)

เราคาดรายได้ปี 2025F เติบโต 11%YoY แบบอนุรักษนิยมเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายบริษัทที่ค่อนข้างท้าทาย คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q25F จะอ่อนตัว QoQ จากช่วง low season ของกลุ่มเครื่องดื่ม และคาดกลุ่มรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ลดลง QoQ จากผ่านช่วงเทศกาลปลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม เราคาด 2Q24F จะกลับมาดีขึ้นจากเข้าฤดูร้อนและเทศกาลสงกรานต์ เราปรับประมาณการปี 2025-26F เล็กน้อยเพิ่มขึ้น 1% สะท้อนฐานรายได้และอัตราทำกำไรของฐานปี 2024F โดยคาดกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 10% (CAGR2Y) จากการคาดสัดส่วนการเติบโตของรายได้แบบอนุรักษนิยม คาดรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 5% จากปี 2024F ที่คาดเติบโต 10%YoY และคาดการรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์จะเพิ่มขึ้น 19% และ 16% ตามลำดับ จากการออกสินค้าใหม่และทำการตลาดต่อเนื่อง คาดการส่งออกเพิ่มขึ้นปีละ 6% จากปี 2024F ที่คาดเพิ่มขึ้น 4%YoY จากกลุ่ม CLMV ที่ยังมีสถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน

คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงเล็กน้อยจากสัดส่วนรายได้รับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ที่อัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าเพิ่มขึ้น ในขณะที่การวางแผนลดต้นทุนอาจจะต้องใช้เวลาในการทดลองการปรับขนาดใหม่ คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่ายและค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าประเภทเหล้าเบียร์ไม่มีค่าใช้จ่ายการตลาด

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 90 บาท อ้างอิง PER-1SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ CBG ที่ 29X จากการเติบโตของกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและการส่งออกกลับมาฟื้นตัวจากการทำการตลาดของตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น และธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ที่เพิ่มขึ้น และแผนการบริหารต้นทุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ PER25F ที่ 25X, Dividend Yield 25F ที่ 1.9% ความเสี่ยง : ยอดขายและต้นทุน commodities ที่ไม่เป็นตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจ