Market Wrap-Up
- SET วันที่ 20 ม.ค.68 ปิด -0.13 จุด อยู่ที่ 1,340.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,982 ลบ. ต่างชาติซื้อ 446 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 189 ลบ. รายย่อยซื้อ 318 ลบ. และสถาบันขาย 952 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,496 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,WHA,KBANK,KTB,CPALL และยอดขายหุ้น TRUE,BH,BBL,BCP,TISCO มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,115 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,AOT,TGE โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,551 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 32,483 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 139 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทำการในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ จูเนียร์ และรอพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่ง ปธ.ของโดนัลด์ ทรัมป์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.05% ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +1.1%, กลุ่มธนาคาร และทรัพยากรพื้นฐาน +1.2% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -1.1% โดยปริมาณการซื้อขายชะลอตัว ระหว่างรอประเมินผลกระทบจากนโยบายด้านการค้าของทรัมป์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทำการในวันหยุด มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ จูเนียร์ และรอพิธีเข้ารับตำแหน่ง ปธ.ของทรัมป์ ซึ่งได้แถลงนโยบาย Make American Great Again โดยเน้นการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน, สกัดการลับลอบเข้าเมืองจากเม็กซิโก, ยุติโครงการส่งเสริมความหลากหลายและเท่าเทียมทางเพศ, ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ, ม.เก็บภาษีอากรจากต่างประเทศ, ยกเลิกนโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, ส่งมนุษย์อวกาศไปดาวอังคาร และยึดคลองปานามากลับคืนสู่สหรัฐ โดย Down Jones Futures เช้านี้ +0.54% สัปดาห์นี้ติดตามรายงานกำไร บจ.เช่น Netflix, GE, J&J, P&G, American Express และ Verizon Communication
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ทรงตัว ระหว่างรอประเมินนโยบายของทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่ง ปธ. โดยคาดคณะบริหารของทรัมป์จะประเมินความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน, แคนาดา และเม็กซิโก มากกว่าจะปรับขึ้นภาษีอากรในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ดัชนีหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ ECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 ม.ค. หลัง CPI ยูโรโซน ธ.ค. อยู่ที่ 2.4% ตามคาดการณ์
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.08%, ฮั่งเส็ง +1.75% หลังการพูดคุยเบื้องต้นระหว่างทรัมป์ กับ ปธ.สี จิ้นผิง อยู่ในทิศทางบวก ช่วยลดความกังวลต่อ ม.กัดกันการค้า ขณะที่ ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 1%, 3.6% ตามลำดับ ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.17% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินเยนอ่อนค่า โดยวันศุกร์นี้ติดตามผลการประชุม BOJ คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
- SET วานนี้ -0.01% ปริมาณการซื้อขาย 2.59 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 446 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 189 ลบ. รายย่อยซื้อ 318 ลบ. และสถาบันขาย 952 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มปิโตร ฯ -1.1%, ท่องเที่ยว -1.0% และ รพ. -0.59% ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็ก ฯ +1.65% หลัง US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.56% ส่วนกลุ่มค้าปลีก +0.38% ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อผ่าน ม.Easy E-Receipt และ ม.แจกเงินสด 1 หมื่นบาท เฟส 2 ในวันที่ 27 ม.ค. นี้ โดยภาพรวมนักลงทุนรอประเมินผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลากรของทรัมป์ ต่อภาคส่งออกไทย ซึ่ง สรท.ประเมินสินค้าบางรายการอาจถูกปรับขึ้นภาษี 10 – 20% ในระยะเวลาไม่เท่ากัน และรอรายงานกำไร Q4/67 ของกลุ่มธนาคาร Consensus คาด -9%QoQ, +12% YoY
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,330 แนวต้าน 1,350 – 1,360 คาดดัชนีทรงตัว ระหว่างรอความชัดเจนจากนโยบายปรับขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ ขณะที่ปัจจุบัน SET เทรดที่ระดับ F/PE 8 เท่า ซึ่งอยู่ในโซนถูก ดังนั้นจึงแนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ 1,310 – 1,330 เช่น ADVANC,INTUCH,GULF,CPALL,CPAXT
- MAGURO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 ปรับตัวขึ้นได้ต่อ +QoQ, +YoY หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ได้รับผลบวกช่วงเทศกาลปลายปีกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดแบรนด์ร้านอาหารใหม่ Tonkatsu Aoki ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามีแผนเปิดต่ออีก 3-4 สาขา รวมถึงฉีกแนวร้านอาหารในเครือออกจากโซนร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี ด้วยการเปิดแบรนด์ที่ 5 "CouCou" รูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก ทำให้ปี 67 บริษัทฯ ขยายร้านเกินเป้ารวมเป็น 37 ร้าน 5 แบรนด์ คาดว่ายอดขายน่าจะเติบโตราว 30% ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ และส่งให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในปี 68 เบื้องต้น Consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 148 ล้านบาท +45-50%YoY
- CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 +YoY -QoQ แม้มี Fx Loss และ ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการควบบริษัทของ CPAXT รวม แต่กำไรยังทำได้ดีตามรายได้ +6%YoY -3%QoQ โดย QoQ อ่อนตัวตามฤดูกาล ส่วน YoY ยังโตได้ดีจากการฟื้นตัวกำลังซื้อในประเทศ และ สินค้าในร้านค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่วน 4Q67 คาดว่าจะ +QoQ +YoY หนุนด้วยปัจจัยตามฤดูกาล และ ม.กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศของภาครัฐฯ ขณะที่ GPM จะยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากสินค้าอาหาร เครื่องดื่มที่มาร์จิ้นสูง ใน 7-11 นอกจากนี้ 1Q68 ยังมีปัจจัยเสริมจาก Easy E-Receipt และมีของ OTOP ขายใน 7-11
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.พ. +$0.39 อยู่ที่ $76.77 / บาร์เรล, Brent มี.ค. +$0.35 อยู่ที่ $80.16/บาร์เรล ยังถูกกดดันจากสุนทรพจน์ของทรัมป์ ที่หนุนการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน
Gold Update(+) Gold Spot เช้านี้ +$0.38 อยู่ที่ $2,710 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.56% และรอผลการประชุมเฟดวันที่ 29 ม.ค.
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -5.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +13.03 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -16.94 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -1.85 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.56 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -30 จุด อยู่ที่ 957
(+) BitCoinเช้านี้ +0.44% อยู่ที่ 101,103 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
20 ม.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 ม.ค. US วันหยุด-วันรำลึกมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
23 ม.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
24 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th