Market Wrap-Up
- SET วันที่ 17 ม.ค.68 ปิด -11.93 จุด อยู่ที่ 1,340.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,538 ลบ. ต่างชาติขาย 1,268 ลบ. สถาบันขาย 285 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 607 ลบ. และรายย่อยซื้อ 946 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,146 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,DELTA,WHA,CPN,CCET และยอดขายหุ้น BBL,INTUCH,GULF,PTTGC,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,442 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ QH,BCH,ACE โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,740 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 36,034 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 257 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.78%, S&P500 +1.00%, Nasdaq +1.51% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +1.7%, ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ +2.84% หลังข้อมูลยอดสร้างบ้านใหม่สหรัฐ ธ.ค. +5.8% & พ.ย. -3.7% MoM และผลผลิตภาคอุต ฯ ธ.ค. +0.9% & พ.ย. +0.2% MoM ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.69% ได้แรงหนุนจากกลุ่มก่อสร้าง +1.6%, อุตสาหกรรม +1.5% เป็นกลุ่มที่อ่อนไหวตามทิศทางดอกเบี้ย
Market View
- DJIA +3.69%, S&P500 +2.92%, Nasdaq +2.43% WoW ฟื้นตัวจาก หลังข้อมูล US Core CPI ธ.ค. +3.2% น้อยกว่าคาดที่ +3.3% YoY โดยดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ที่คิดเป็น 1/3 ในการคำนวณ US CPI เพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้นักลงทุนลดความกังวลเฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ยในปีนี้ และ US Bond Yield 10 ปี ลดลงจากจุดสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่ 809% ลงมาอยู่ที่ 4.62% ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่รายงานกำไร Q4/67 ของกลุ่มธนาคารสหรัฐออกมาดีกว่าคาด โดยนักลงทุนรอผลประเมินนโยบายปรับขึ้นภาษีศุลกากร, ม.ปรับลดภาษีนิติบุคคล และ ม.ควบคุมผู้อพยพของทรัมป์ที่จะเข้ารับตำแหน่ง ปธ.ในวันที่ 20 ม.ค.
- Stoxx 600 +2.37% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา + 5.9%, ธนาคาร +4.3% และทรัพยากรพื้นฐาน +4.2% WoW หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันอายุ 10 ปี ลดลงจาก 63% อยู่ที่ 2.5% หลังรอง ปธ. ECB ชี้ยังมีอาสกลดดอกเบี้ยต่อในปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนอาจชะลอตัว ขณะที่ CPI ยูโรโซน ธ.ค. อยู่ที่ 2.4% YoY เป็นไปตามคาดการณ์ โดยตลาดคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
- MSCI Asia Pacific X Japan +1.05% WoW ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ กอปรมีข่าวจากทีมงานเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่อาจจะค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้นภาษีศุลากากรเดือนละ 5% จนถึงระดับ 20% ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าแต่ละประเทศมีโอกาสเข้าเจรจากับคณะผู้แทนการค้าของสหรัฐ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +2.3% ตอบรับ GDP จีน Q4/67 +5.4% YoY ส่งผลให้ GDP จีนปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 0% YoY ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -1.9% WoW หลัง ปธ.BOJ เผยมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 24 ม.ค. ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่ามากสุดในรอบ 1 เดือน ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น ส่วนเช้านี้ ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.1%, 3.6% ตามลำดับ
- SET -0% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 4.43 หมื่น ลบ. +10.0% WoW ต่างชาติขาย 5,539 ลบ. รายย่อยขาย 905 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 2,544 ลบ. และสถาบันซื้อ 3,900 ลบ. WoW โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็กฯ -11.6% WoW หลังบริษัท Delta Taiwan ได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 525 ล.ดอลลาร์ อายุ 5 ปี ที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้น Delta ได้ตั้งแต่ 3 มี.ค. 68 เป็นต้นไปจนครบอายุ ที่ราคาแปลงสภาพที่ 187.6 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการจำกัด Upside ของราคาหุ้น Delta ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว & ขนส่งก็ปรับลดลง จากคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนลดลง 20% หลังเกิดเหตุอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวจีนในไทย ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ไอซีที +1.7% WoW เป็นกลุ่มได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของ Cloud & AI และกลุ่มค้าปลีก +1.0% WoW ตอบรับ ม.Easy E-Receipt และ ม.แจกเงินสด 1 หมื่นบาท เฟส 2 จะเริ่มเบิกจ่ายในวันที่ 27 ม.ค. โดยนักลงทุนรอประเมินผลกระทบจาก ม.ปรับภาษีศุลกากรของทรัมป์ ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยมากน้อยแค่ไหน กอปรกับรอความชัดเจนจาก ม.ควบคุม Margin Loan และการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับธุรกรรมจำนำหุ้นของ บจ.ต่างๆ สัปดาห์นี้ติดตามรายงานกำไร Q4/67 ของกลุ่มธนาคารคาด -9%QoQ, +12% YoY โดย KBANK,BBL,KTB คาดกำไร Q4/67 จะขยายตัวได้ดี YoY
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,330 แนวต้าน 1,350 – 1,360 คาดดัชนีทรงตัวรอประเมินผลกระทบจาก ม.ทรัมป์ 2.0 แต่ Valuation ของ SET เริ่มอยู่ในโซนถูกเทรดที่ F/PE ปี 68 ที่ 13.8 เท่า ดังน้นแนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap. เมื่อดัชนีอ่อนตัวบริเวณ 1,310 – 1,330 เช่น ADVANC,INTUCH,GULF,CPALL,CPAXT,KBANK,KTB
- GULF* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 64.75 บาท) แนวโน้ม 4Q67 คาดกำไรปกติปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ, YoY หนุนจากโรงไฟฟ้า GPD Phase 4 กำลังการผลิตไฟฟ้า 8 Mwe ที่เริ่ม COD และส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงฟ้าพลังงานลมปรับขึ้นตามฤดูกาล เช่นเดียวกับกำไรของ INTUCH จะเป็นตัวหนุนที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ทั้งปี 67-68 ตลาดคาดกำไร 1.85 หมื่นล้านบาท +25%YoY และ 2.22 หมื่นล้านบาท +20%YoY ทั้งนี้ราคาหุ้นยังคงมีปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการจัดตั้งบริษัท NewCo ที่ทำให้งบดุลแข็งแกร่งเพิ่มความสามารถในการลงทุนขายธุรกิจเดิมไฟฟ้าและธุรกิจใหม่ทางด้าน Data center และ AI Cloud Solutions
- ADVANC* (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 294.0 บาท) หุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจในอนาคต, Data Comsumption ที่สูงขึ้น รวมถึงการ Migrate เทคโนโลยี เช่น Package 5G ที่จะส่งผลบวกต่อไปยัง ARPU โดยในส่วนของ ADVANC เอง ฐานผู้ใช้บริการ 5G ณ สิ้น 3Q67 คิดเป็น 25% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด ยังมีช่องในการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่ลดลงของผู้ให้บริการในไทยก็จะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายการตลาด ส่งผลให้มาร์จิ้นอยู่ในเกณฑ์ดีต่อได้เช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประเมินกำไรปกติของ ADVANC ในช่วง 4Q67 ยังจะ +QoQ +YoY ได้ตามฤดูกาลและการขยับราคา Package ที่สูงขึ้น
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.พ. -$0.80 อยู่ที่ $77.88 / บาร์เรล, Brent มี.ค. -$0.50 อยู่ที่ $80.79/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +2.1%, Brent +1.3% WoW หลัง ปธ.ไบเดนอาจออก ม.เพิ่มเติมในการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมัน & ก๊าซของรัสเซีย ส่งผลให้ยุโรป, จีน และอินเดียประสบความยากลำบากในการหาแหล่งพลังงาน
Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-2.2 อยู่ที่ $2,748.7 /ออนซ์ สัญญาทองคำ +0.5% WoW เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และยังได้ปัจจัยหนุนจาก US Core CPI ธ.ค. ชะลอตัวลง ส่งผลให้เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -201.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -160.1 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +14.87 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -56.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.63 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -36 จุด อยู่ที่ 987
(-) BitCoinเช้านี้ -3.99% อยู่ที่ 100,339 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
20 ม.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 ม.ค. US วันหยุด-วันรำลึกมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
23 ม.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
24 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th