Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

513

 

"Domestic Play"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "แกว่งตัวในกรอบ" ต้าน 1363/1367 จุด รับ 1346/1340 จุด ดัชนี S&P500 แกว่งซึมลงปิด -0.21% กดดันจากแรงขายหุ้น Tech ขณะที่กลุ่ม Value ที่ Laggard ช่วยหนุน ประเมินเกิดจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีสัญญาณอ่อนลง ยอดค้าปลีก ธ.ค. 24 ต่ำกว่าคาด +0.4%m-m ถ่วง US Bond Yield 10 ปี ลงอีก -4 bps และรอติดตามนโยบายที่คุณ Trump เดินหน้าได้เร็ว หลังรับตำแหน่ง 20 ม.ค. ในส่วน Trade War ทั้งนี้ ตลาดหุ้น EM อิง MSCI EM ที่แกว่งลงต่อเนื่อง -6.7% ตั้งแต่คุณ Trump ชนะเลือกตั้งน่าจะสะท้อนความเสี่ยงล่วงหน้าพอสมควรมาแล้ว ทำให้ประเมินความผันผวนอยู่ช่วงปลาย ภายใน แม้ตลาดน่าจะรอติดตามท่าทีคุณ Trump หลังรับตำแหน่งเช่นกัน แต่หากอิงภาพวานนี้ SET แกว่งตัว Underperform สวนทางโลกไปจาก ความเข้าใจคลาดเคลื่อน SSO, ปัจจัยเฉพาะหุ้นกลาง-เล็ก คาด SET วันนี้แกว่งตัวในกรอบได้ หุ้นเด่น คือ หุ้น Domestic ในธีม Peaking Yield (เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า สื่อสาร High Yield หนี้สูง) และหุ้น Domestic อิงภาคบริโภคที่กระแสคึกคักตลอดงวด 1H25F วันนี้แนะนำ ADVANC, INTUCH, CPALL เด่น

 

 

 

Daily outlook: "Sideways to Sideways/Up" ต้าน 1363/1367 จุด รับ 1346/1340 จุด

What happened around the world?

(*/-) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐ ชะลอการขึ้น โดย Dow jones -0.16%d-d S&P500 -0.21%, และดัชนี Nasdaq -0.89%d-d (โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นเกือบทุก Sectors ยกเว้นกลุ่ม Tech อาทิ IT, ICT, Consumer Discretionary ที่ปรับลง แต่กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักๆคือ กลุ่ม Utilities, Real estate, Industrials, Materials ฯลฯ โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ Morgan stanley +4% JPMorgan Chase +0.76% แรงหนุนจากรายงานกำไร 4Q24 เพิ่มขึ้น , Microstrategy +1.7% หนุนจากราคา Bitcoin ยืนเหนือ 1 แสน$, Taiwan semiconductor +3.86% รับ บริษัท TSMC รายงานรายได้และกำไร 4Q24 ดีกว่าคาด ส่วนหุ้นที่ปรับลง UnitedHealthบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ - 6.04% รับรายงาน 4Q24 ต่ำกว่าคาด, Apple -4.04% ปรับลงหลังบริษัทรายงานยอดขายลดลง -17%y-y จากตลาดจีน, Tesla -3.36% ฯลฯ

(*) US Econ : 1.) ยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) +1.4 หมื่นรายจากสัปดาห์ก่อน ที่ 2.17 แสนราย สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.1 แสนราย ค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ 2.127 แสนราย (MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims ที่เพิ่มขึ้นเกิน 5 หมื่นราย มักเป็นสัญญาณของเศรษกิจถดถอย และจากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง) 2.)ยอดค้าปลีกสหรัฐ(Retail sales) เดือน ธค. +3.9% ชะลอ Prev. +4.12% แต่ +0.4%m-m ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.6% prev. +0.8% โดยรวมยอดค้าปลีกซึ่งเป็น leading indicator ของการจับจ่ายใช้สอยหรือการบริโภคซึ่งคิดเป็น 60-70% ของ GDP สหรัฐ ตัวเลขที่ออกมา สะท้อนภาพเศรษฐกิจ US เริ่ม Soft landing

(*/+) Chip stocks : TSMC ผู้ผลิตชิปขั้นสูงรายใหญ่ที่สุดในโลกของไต้หวันประกาศ กำไร 4Q24 +57%y-y ที่ 374.6 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ 1.60 พันล้าน$ ) ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 369.8 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 1.3% แรงหนุนจากยอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นของชิปขั้นสูงขนาด 3-nanometer TSMC มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น NVIDIA , Apple, และเป็นตัวชี้วัดของอุตสาหกรรมชิปและความต้องการ AI โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกหนุนคาดการณ์งบกลุ่มชิ้นส่วนในไทยคาดจะออกมาดีตาม มองบวกต่อหุ้นชิ้นส่วนไทย อาทิ DELTA (เก็งกำไร) , HANA

(*)Japan : คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่า(BOJ)เผยว่า BOJ จะหารือในสัปดาห์หน้าเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ครั้งใหม่เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรายไตรมาส มองเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดย KSS ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Neutral

(*) To monitor : ฝั่งจีน 17 ม.ค. ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 4 คาด +5.0%y-y vs prev. +4.6%y-y และติดตามดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีน ธ.ค. ฝั่งยุโรป 17 ม.ค. ติดตามรายงานเงินเฟ้อ CPI ธ.ค. คาดเงินเฟ้อทั่วไป +2.4%y-y, +0.3%m-m vs prev. +2.2%y-y, -0.3%m-m, เงินเฟ้อพื้นฐาน +2.4%y-y vs prev. +2.2%y-y ฝั่งสหรัฐ 20 ม.ค. ถ้อยแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ CNN รายงานทรัมป์อาจใช้คำสั่งประธานาธิบดีตามกฎหมาย IEEPA เพื่อประกาศใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า (Tariff)

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับลงแรงต่อ อิง อายุ 2 ปีปรับลง -3 bps อยู่ที่ 4.23% และอายุ 10 ปีปรับลง -4 bps มาอยู่ที่ 4.61% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน โรงไฟฟ้า ส่วน Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่ามาบริเวณ 108.7 จุด

(*/-) Oil : ราคาน้ำมันดิบชะลอการขึ้น Brent -0.83%d-d ปิดที่ USD 81.35/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.70%d-d ปิดที่ USD 78.68/barrel

(-) World Container Index (WCI) : WCI พลิกลงครั้งแรกหลังจากสัปดาห์ก่อนปรับเพิ่มขึ้นทำ New high ในรอบ 3 เดือน ล่าสุด -3%w-w อยู่ที่ 3855 เหรียญต่อ 40 ft และปรับขึ้นเกือบทุกเส้นทางเรือ ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้)

 

What happened in Thailand?

(*) SET Index SET Index วันทำการล่าสุดปรับตัวลดลง -0.61 จุด หรือ -0.54% กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, CCET) กลุ่มขนส่ง (AOT) ตลาดยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีน กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CRC, HMPRO) ตอบรับกระแสจับจ่ายคึกคักขึ้น หลังมาตรการ Easy E-Receipt เริ่มมีผล กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE, INTUCH) US Bond Yield ดิ่งแรง หลังรายงานเงินเฟ้อ หนุนหุ้น High Yield กลับมาน่าสนใจขึ้น ขณะที่กำหนดประมูลคลื่นช่วงกลางปีมีความชัดเจน สร้างความคาดหวังต่อ Upside กำไร จากการประมูลคลื่นเดิมกลับมาด้วยต้นทุนที่ถูกลง

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ขายหุ้น -50.4 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -19.9ล้านเหรียญฯ TFEX Net long 5,466 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าแข็งค่า 34.55+/- บาท

(*/+) AUTO: BOI หารือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เล็งจัดทำสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยบริษัทของไทยมากขึ้น หวังช่วยเอสเอ็มอี กระตุ้นจ้างงาน ประเมินเป็นบวกต่อผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่อาจจะได้รับคำสังซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนหุ้นยานยนต์ประเมินเป็นกลาง เนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่ากิจการ SMEs ทั้งนี้ กลุ่มน่าจะได้ประโยชน์ทางบวก คาดอยู่ที่ธนาคารที่มีฐานสินเชื่อ SMEs สูงๆ อาทิ KBANK SCB BBL (ระยะสั้นเน้นตั้งรับ จากภาพจิตวิทยาลบ US Bond Yield ที่เริ่มปรับลง)

(*/+) Digital Tech: คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ลงทุนงบ 800 ล้านบาท จับมือกับ IT One และ SAP เพื่อพลิกโฉมระบบสารสนเทศ สร้างประวัติศาสตร์ โรงพยาบาลรัฐแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ใช้ RISE with SAP Private Cloud Edition เต็มรูปแบบเพราะตอนนี้การใช้ระบบสารสนเทศเดิมอาจจะมีข้อจำกัด หรือไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลต่างที่มีจำนวนมาก เราประเมินสัญญาณ Digital Adoption ที่เริ่มขยายสู่อุตสาหกรรมการแพทย์ จากเดิมที่กระจุกตัวในกลุ่มธนาคาร การเงิน ค้าปลีก มองจิตวิทยาบวกหุ้น Digital Tech อาทิ BBIK, BE8

(*) SSO: กรณีข่าวประกันสังคม(SSO) เตรียมพิจารณานโยบายลงทุนใหม่ ผลกระทบแท้จริง "เป็นกลาง" ต่อตลาดหุ้นไทย เราประเมินวานนี้ ตลาดวิตกกับประเด็นนี้มากเกินไปและมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยคำสั่งดังกล่าวไม่ใช่การลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย แต่เป็นการโอนการบริหารจากเดิม(กรณีหุ้นรายตัวโอนไปเช่นกัน) จากกองทุนประกันสังคมเอง ไปลงทุนผ่านการบริหารจัดการของ Asset Management ในประเทศ(บลจ.)

(*/-) Utilities : กกพ. มีมติให้สำนักงาน กกพ. นำเสนอทางเลือกให้ภาคนโยบายทบทวนและปรับปรุง เงื่อนไขการสนับสนุนทั้งในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และ Feed in Tariff (FiT) ผ่านการอุดหนุนราคารับซื้อไฟฟ้าในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) เพื่อให้การอุดหนุน Adder และ Feed in Tariff (FiT) สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และทำให้ค่าไฟสามารถปรับลดลงได้ทันทีประมาณหน่วยละ 17 สตางค์ จากค่าไฟฟ้าในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท

เชิงกลยุทธ์ แม้ทางพื้นฐานเราประเมินกระทบ GULF, GPSC, BGRIM, BCPG, EGCO, RATCH จำกัด โดยหากมีการลด Adder หรือ FiT ลง 0.17 บาท จะกระทบหุ้นพลังงานหมุนเวียน เช่น GUNKUL, EA, SPCG, SSP, WEH อย่างไรก็ดี ทิศทางดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงกฎระเบียบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยรวมประเมินจิตวิทยาลบกลุ่มโดยรวม เชิงกลยุทธ์ เน้นหุ้นกระทบจำกัด และมีโอกาสได้ประโยชน์จากการดึงเม็ดเงินลงทุน Data Center ดีขึ้นหากค่าไฟถูกลง เน้น GULF

(*) To monitor: ปัจจัยภายในวันนี้ (17 ม.ค.) ติดตาม นายกฯ เตรียมเปิดตัว "บ้านเพื่อคนไทย"ขณะที่สัปดาห์หน้าติดตาม

1.) รายงานกำไร 4Q24F กลุ่มธนาคาร 20-21 ม.ค. ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มธนาคารที่เราศึกษา ประเมิน กำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 4.90 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +15% y-y เพราะ i) การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ ii) การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ขณะที่กำไรลดลง -11% q-q เพราะ i) การลดลงของ yield on loan ii) การลดลงของเงินลงทุน(FVTPL) iii) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล โดยทางพื้นฐานเราชื่นชอบ KBANK และ KTB มากสุด

2.) 21 ม.ค. ประชุม ครม. และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ แนะนำติดตามโมเมนตัมนักท่องเที่ยวจีน หลังปรากฎกระแสทางลบต่อความปลอดภัยท่องเที่ยว

 

Daily Strategy : ADVANC, INTUCH, CPALL

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "แกว่งตัวในกรอบ" ประเมินตลาดหุ้นโลกวันนี้น่าจะเป็นการรอติดตามการสาบานเข้ารับตำแหน่งคุณ Trump ในวันที่ 20 ม.ค. อย่างไรก็ดี ข้อดีฝั่ง EM คือ ตลาดปรับสถานะลดความเสี่ยงมาล่วงหน้าแล้ว ทำให้ความผันผวนอยู่ในช่วงปลาย กลยุทธ์วันนี้ จึงแนะนำอยู่กับหุ้นกลุ่ม Domestic ที่มีประเด็นหนุน คือ ในธีม Peaking Yield (เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า สื่อสาร High Yield หนี้สูง) และหุ้น Domestic อิงภาคบริโภคที่กระแสคึกคักตลอดงวด 1H25F

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)

•Jan 2025 Stock Picks : ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, BTS, GULF, MALEE

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

Strategy Update: ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ 2025 ปีมะเส็ง

ใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนปี 2025 (วันขึ้นปีใหม่ของจีน) ปีนี้ตรงกับวันที่ 29 ม.ค.2025 โดยเป็นเทศกาลที่จะเกิด 1.)ความคึกคักการจับจ่ายเนื้อสัตว์, อาหารและผลไม้เพื่อไหว้บรรพบุรุษ 2.) วันหยุดยาวของผู้ที่มีเชื้อสายจีน (จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง) ออกไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ และการรับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัว ฯลฯ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนการใช้บริการในไทยทั้งทางด่วน, ปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า, สายการบิน, โรงแรม รวมถึงการซื้อสินค้า อาทิ เสื้อผ้า ฯลฯ 3.)เทศกาลการแจกเงินและ ทอง ในธรรมเนียมคนจีน ถือว่าเป็นการเสริมสิริมงคลสำหรับผู้ให้และผู้รับ ฯลฯ โดยรวมหากอิง ม. หอการค้าไทย ประเมินการจับจ่ายในช่วง "ตรุษจีน"ปีนี้ เม็ดเงินสะพัด 3.2%y-y อยู่ที่ 109,313 ล้านบาท (ยังไม่ได้รวมกันใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามาราว 8 แสน - 1 ล้านคน)

KSS ประเมินกระแสการเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน ปี 2025 ที่มีความน่าสนใจ โดย KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นไทยในช่วงตรุษจีนย้อนหลัง 6 ปี (ปี 2019-2024) พบว่า ก่อนเทศกาลตรุษจีน 2 และ 1 สัปดาห์ SET Index +0.81% และ +0.23% ตามลำดับ Sector ที่ได้ประโยชน์กับเทศกาลตรุษจีนปรับขึ้นในทางเดียวกัน และกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นสุดหากซื้อก่อน 2 สัปดาห์ และความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนบวกเกิน 50% คือ กลุ่มการเงิน +2.73% กลุ่มขนส่ง +1.59% กลุ่มเกษตร +1.4% กลุ่มสื่อสาร +1.33% กลุ่มอาหาร +1.21% กลุ่มค้าปลีก +1.03%

กลยุทธ์การลงทุน KSS แนะนำเก็งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน เน้น กลุ่มการเงิน AEONTS (TP-140), KTC (TP-55) กลุ่มขนส่ง AOT (TP-64.5) กลุ่มเกษตร CPF(TP-30) GFPT (TP-14.5) กลุ่มสื่อสาร ADVANC (TP-305) และกลุ่มค้าปลีก CPALL (TP-70)

 

Strategy Update: คาด Global Minimum Tax กระทบจำกัดกว่าตลาดกังวล โอกาสลงทุนหุ้น Infra Tech

จากกรณี ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. ภาษีขั้นต่ำ หรือ Global Minimum Tax 15% สำหรับ บ. ข้ามชาติที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี และ ร่าง พ.ร.ก. กองทุนส่งเสริมการแข่งขัน เป็นกองทุนสนับสนุนเงินที่ บ.ข้ามชาติที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2025 ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัย KSS จึงได้ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากมาตรการดังกล่าวที่มีต่อบริษัทที่อาจจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม โดยเราใช้เกณฑ์ 1) รายได้ปี 2023 สูงกว่าระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2) อัตราภาษี Effective Tax Rate ประเมินโดย Bloomberg ต่ำกว่าระดับ 15.0% หากใช้สมมติฐานกรณีเลวร้าย คือ ให้ทุกบริษัทเสียภาษีเพิ่มเป็น 15% โดยไม่ได้รับผลชดเชยด้านอื่น พบว่า กำไรปี 2025F ของบริษัทที่จะถูกกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างมีนัยยะ ได้แก่ EA (คาดกำไรปี 2025F จะลดลง -11.96%) GULF (-11.82%) HANA (-10.37%) AH (-10.09%) DELTA (-9.5%) TU (-3.28%) ขณะที่หากรวมเป็นผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรตลาดจะอยู่ราว -8.6 พันล้านบาท หรือ -0.7% ของกำไรตลาดปี 2025F ที่เราประเมิน 96 บาท

 

ในเชิงกลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว EA (YTD2025 Return +0.5%) GULF (-6.3%) HANA (+0.4%) AH (-3.07%) CK (-4.69%) DELTA (-4.92%) TU (-3.08%) แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป หากราคาปรับลงมา ได้แก่ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• AOT (Buy, TP25F-64.5): เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น Buy (เดิม Trading Buy) คงราคาเป้าหมาย (TP25F) 64.50 บาท เรามองราคาหุ้น AOT ลดลงสะท้อนความกังวลประเด็น นทท.จีน มากไป และเรายังมอง Positive ต่อแนวโน้มกำไร 1Q25F (ต.ค.-ธ.ค.24) โตต่อเนื่อง (+23%yy +32%qq) ตามการฟื้นของปริมาณการเดินทาง และกำไร 2Q25F มีแนวโน้มโตต่อเนื่องตามฤดูกาล นอกจากนี้ ยังมี Upside risk จากอีกหลายโครงการที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้

• SAV (Buy, TP25F-27.75): เราคงคำแนะนำ Buy ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (TP25F) เป็น 27.75 บาท (เดิม 25.75 บาท) เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q24F คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็น 132 ลบ. (+97%yy +4%qq) ตามการฟื้นของปริมาณเที่ยวบิน แนวโน้มกำไร 1Q25F โตต่อตามฤดูกาล ลุ้นเซ็น MOU งานบริหารจราจรทางอากาศให้ประเทศลาวใน 1Q25F หนุนเที่ยวบินโตก้าวกระโดด 2-3 เท่าตัว

• CPAXT (Neutral, TP25F-30): Management gave bullish 2025 guidance which includes: 1) sales growth of high single digit, 2) gross margin improvement of 0.6ppt yoy, and 3) 50 new stores. We factor in the guidance and increase core profit by 2% in 2025F. We, thus, increase our TP by 28% to THB30, and upgrade to NEUTRAL. We think CPAXT's EPS growth of 31.7% in 2025F is priced-in.

• SYNEX(Buy, TP25F-17.8): The first key driver for SYNEX in 2025 has been released. Nintendo recently released the first-look video of Nintendo Switch 2 and confirmed that it will be sold within this year. We believe This would be one of its various key driver for SYNEX's growth in 2025. Maintain BUY with the same TP of Bt17.80

 

 

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เฟด คงดอกเบี้ย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย พัก แบบปรับฐาน ในเช้าวันนี้ หลังจากวานนี้ ดัชนฯพุ่งแรง ประกอบกับ เฟด ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้