AT THE OPEN (#ATO)
SET Index สร้างฐานแนวรับ 1350
เน้นเลือกหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1350-1370 จุด สภาพแวดล้อมวันนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดัน จึงน่าจะทำให้โมเมนตัมการลงชะลอลง เลือก KTB SKY

การปรับลงแรงของ SET Index วานนี้มาจาก 3 ส่วน 1) ประเด็นต่างประเทศจากความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าสหรัฐฯ หลังมีรายงานคุณทรัมป์กำลังพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการรายงานเงินเฟ้อจีนเดือน ธ.ค. ที่ขยายตัว 0.1%YoY ชะลอจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.2%YoY สะท้อนการบริโภคที่ยังฟื้นตัวช้า ซึ่งกดดันต่อดัชนี MSCI Asia Ex Japan วานนี้ปรับลง 0.7% 2) ประเด็นในประเทศจาก Sentiment ลบของหุ้นที่ถูก Force Sell และลามไปที่หุ้นที่วางมาร์จิ้นสูงจาก กลต. เปิดอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อการปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยมาร์จิ้น (ถึงวันที่ 4 ก.พ.68) และ 3) ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกจากภาวะ U.S. Bond Yield สหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือน

ประเมินแรงกดดันจาก 3 ปัจจัยข้างต้น ในระยะสั้นยังคงมีอยู่ แต่ก็ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับยังไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาเพิ่มเติมจึงน่าจะโมเมนตัมในการปรับลงจะชะลอลง โดยในเชิงกลยุทธ์ยังมองแนวรับระดับ 1350 จุด ซื้อขายบน PER68 ที่ 14.36 เท่าเป็นระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปีเป็นจุดทยอยสะสม โดยชอบหุ้นที่จ่ายปันผลสูงอย่าง KTB KKP TASCO และ BCP และหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก CHINA+1 อย่าง CCET หุ้นที่ได้ประโยชน์การลงทุนภาครัฐฯ CK TASCO SKY หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว AAV และหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Yield Steepening อย่าง TLI
สำหรับประเด็นที่ติดตามวันนี้ การรายงานตัวเลขการจ้างนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.55 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานคาดที่ 4.2% หากออกมาตามคาดหรือต่ำกว่าคาดไม่มาก เชื่อว่าตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก

Market Summary
SET Index ปรับลงแรง 24.75 จุดหรือคิดเป็น -1.8% เป็นการลงในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มปิโตรฯที่ลงแรง -6.8% จาก Spread ที่ฟื้นช้าและตัวเลขเงินเฟ้อจีนเดือน ธ.ค. ที่ฟื้นช้า กลุ่มท่องเที่ยว -3.6% จากประเด็นความปลอดภัย แม้ดาราจีนถูกส่งกลับประเทศแล้วก็ตาม กลุ่มที่กังวลต่อประเด็น Force Sell ทั้งที่เกิดอยู่ RS -30% และเคยเกิดปีก่อน JMT -17% JMART -12% กลุ่มที่บวก คือ อิเล็คทรอนิกส์ DELTA +0.7% กลุ่ม PF&REIT +0.11%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ KTB SKY

SKY
ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุน
ด้าน IT ของภาครัฐฯ
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SKY โดยคาดว่ากำไรหลักในปี 68 จะเติบโต 56% YoY จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารสนามบินและการลงทุนของภาครัฐ ราคาเป้าหมายอิงวิธี SoTP อยู่ที่ 30.10 บาท แบ่งเป็น 1) 23.60 บาทจากบริการที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน และ 2) 6.50 บาท จากธุรกิจ SI (System Integration)
ทั้งนี้ เพื่อตอบข้อกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้ของ SKY เราขอชี้แจงว่า งบประมาณการลงทุนทางด้าน IT ของ 5 หน่วยงานภาครัฐ (ประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) กรมท่าอากาศยาน การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมศุลกากร) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20% YoY ในปีงบประมาณ 68 โดยปัจจัยบวกที่จะหนุนราคาหุ้น (Re-rating Catalyst) อาจมาจากการชนะโครงการในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 68
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.10 บาท

KTB
กำไรดี ปันผลเด่น
เราเลือก KTB เป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ แนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจน มีสำรองหนี้สูญสูงและอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
เราคาดกำไร 4Q67 อยู่ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท หดตัว -9%QoQ จาก Cost of fund ที่เพิ่มขึ้นและ OPEX สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ขยายตัว 66%YoY เด่นสุดในกลุ่มธนาคารจาก Credit Cost ที่ลดลง 38%YoY ขณะที่ สัดส่วน NPL ลดลง 4 bpsQoQ มาที่ 3.79% ขณะที่กำไรปีหน้า เราคาดเติบโต 6% และเชื่อว่ามีโอกาสเพิ่ม Dividend Payout Ratio เพิ่ม ROE ให้สูงขึ้น
ด้าน Valuation ซื้อขาย PBV ต่ำเพียง 0.68 เท่า คาดการจ่ายปันผลสูงที่ 5.3%/5.9% ในปี 67/68 เป็นปัจจัยจำกัด Downside ราคาหุ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท

KEY FACTOR
เงินเฟ้อจีน เดือน ธ.ค. ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือน +0.1% YoY ชะลอลงจาก +0.2% YoY ในเดือนก่อนหน้า เป็นไปตามที่ Consensus คาดการณ์ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัวได้ดีขึ้น +0.4%YoY เป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 6 เดือน สะท้อนภาพรวมเงินเฟ้อที่ชะลอลงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหาร เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ทั้งปี 2567 เงินเฟ้อจีนขยายตัวต่า +0.2% ยังอยู่บนความเสี่ยงภาวะเงินฝืด ผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีไม่มากนัก
ในวันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะให้น้ำหนักไปที่ชุดข้อมูลภาคแรงงาน เดือน ธ.ค. ชุดสุดท้ายของสหรัฐฯ (รายงานคืนนี้)ประกอบด้วย 1) การจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่ง Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น +1.65 แสนตำแหน่ง ชะลอลงจาก +2.27 แสนตำแหน่ง 2) อัตราการว่างงาน ซึ่ง Consensus คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2% ทั้งนี้ ตลาดการเงินล่าสุดยังสะท้อนภาพที่ระมัดระวัง

EYES ON
10 ม.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงาน สหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ