Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

518

 

 

"Selective Play"

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1395/1400 จุด รับ1380/1375 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งตัว รายงานภาคแรงงานผสมผสาน ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP) ต่ำกว่าคาด แต่ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ดีกว่าคาดและลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ ทำให้ตลาดรอรายงานกระทรวงแรงงาน 10 ม.ค. ทั้งนี้ จุดบวกเล็กๆ คือ แม้รายงานประชุม Fed จะกังวลต่อผลกระทบนโยบาย Trump ต่อเงินเฟ้อและมีกระแสข่าวคุณ Trump เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินเศรษฐกิจขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเทศ 10% จีน 60% ตามที่หาเสียงไว้ แต่ US Bond Yield 10 ปี ไม่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ บ่งชี้ตลาดปรับสถานะล่วงหน้า ภายในเป็นบวกสัญญาณเม็ดเงินลงทุนรัฐฯ+เอกชน อาทิ การเดินหน้าแก้ไขสัญญารถไฟ 3 สนามบิน, บ้านเพื่อคนไทยเเปิดลงทะเบียน 20 ม.ค. ประเดิมโครงการแรกคอนโด 45 ชั้น นอกจากนี้ ประเด็นบวกเฉพาะตัว AWS เริ่มให้บริการ Cloud จาก Data Center ในไทย ผสาน Delta ไต้หวันรายงานยอดขาย ธ.ค. 24 เด่น +6%m-m, +22%y-y หนุนกระแส Infra Tech คาดตลาดวันนี้ Sideways to Sideways/Up หุ้นเด่นนำตลาดในส่วนหุ้น Domestic อิงภาพบวกงบลงทุนรัฐ+เอกชนค่อยๆเข้ามา ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมา, หุ้น Infra Tech และ Dividend Plays วันนี้แนะนำ DELTA, ADVANC, CPALL เด่น

 

 


Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1395/1400 จุด รับ 1380/1375 จุด

What happened around the world?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow jones +0.25% และดัชนี S&P500 0.14% และดัชนี Nasdaq -0.07% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มหลักๆที่ปรับขึ้นคือ Healthcare, Materials, Consumer staples ฯลฯ ส่วน Sector ที่กดดัชนีคือ ICT, Energy, Utilities ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ Microstrategy -2.8% ปรับลงต่อตามราคาเหรียญ Bitcoin, กลุ่ม Tech ยังปรับลงต่อจากทิศทาง Bond yields สหรัฐที่แกว่งขึ้น อาทิ AMD-4.3% รับข่าวสหรัฐจะควบคุมการส่งออกชิป

(+)DELTA : DELTA Taiwan รายงานยอดขาย ล่าสุด เดือน ธ.ค. +6%m-m และ +20%y-y อยู่ที่ 38.7 พันล้านเหรียญฯ หลักๆมาจากหนุนจากการเพิ่มขึ้นในหมวดฝั่ง Data center และ Network device , Solar Car CDUs+15%m-m โดยรวมทำให้คาดการณ์ทิศทาง Delta ในไทยจะดีตาม เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น DELTA ( แนะนำ Trading)

(*)US Econ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาในโทนแข็งแกร่ง อิง ยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) -1 หมื่นรายจากสัปดาห์ก่อน ที่ 2.01 แสนราย ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.14 แสนราย (MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims จากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง) สะท้อนยังห่างไกลความเสี่ยง 2.) การจ้างงานภาคเอกชน(ADP Employment) เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 1.22 แสนราย (ต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน และเป็นการปรับลงติดต่อ 2 เดือน) แย่กว่าตลาดคาด 1.39 แสนราย อย่างไรก็ตามตลาดให้น้ำหนักกับรายงาน Non farm payrolls วันศุกร์นี้มากกว่า

(*) Fed minute : รายงาน Fed minutes เมื่อคืนใจความสำคัญ คือ คณะกรรมการ Fed ส่วนใหญ่มีมุมมองที่จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย จากมุมมองท่ามกลางความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค. โดยรวมมุมมองตลาดยังคาดในปี 2025 Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ตามเดิมและใกล้เคียง Dotplot ในรอบล่าสุด สะท้อนผ่าน CME Fed watch tool คาดโอกาสการลดดอกเบี้ยในปี 2025 ครั้งแรกคือรอบ พ.ค.25 ด้วยโอกาส 59.8% และคงดอกเบี้ยไปจนถึงการประชุมรอบ พ.ย. และคาดจะลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีในรอบ ธ.ค.25 ด้วยโอกาส 59.6%

(*/-) US Tariff : รายงานจาก CNN ที่อ้างจากแหล่งข่าวใกล้ชิดเมื่อวันพุธ Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉินหลังรับตำแหน่ง โดยจะจัดเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลก 10% รวมถึงอัตราภาษีสินค้าจากจีน 60% (เป็นประเด็นเดิมที่เคยหาเสียง และระดับภาษีใกล้เคียงที่ตลาดคาด) KSS มอง 1.) ประเด็นลบดังกล่าวได้สะท้อนไปในดัชนีหุ้นทั่วโลก หุ้นจีน และ SET Index ระดับนึงแล้ว 2.) ระยะสั้นอาจเป็นจิตวิทยาบวกต่อกระแสการย้ายฐานการผลิต บวกต่อ หุ้นกลุ้มนิคม เน้น AMATA, WHA และบวกต่อกลุ่มเดินเดินเรือ แต่ในทางตรงกันข้ามเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่ม Global Play อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มชิ้นส่วน ฯลฯ

(*/-) US Tech : Bloomberg รายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีปัจจุบันคือ Joe biden จะควบคุมการส่งออกชิป AI ของ Nvidia และ AMD เพิ่มขึ้นก่อนจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลักๆคือป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีส่งไปถึงจีนและรัสเซีย ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นเอเซียเหนือเช้านี้และลบต่อหุ้นกลุ่ม Semiconductor รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนไทย

(*/+) China Stimulus : รัฐบาลจีนยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อ 1.) Bloomberg รายงานว่าบรรดามณฑลชายฝั่งทะเลของจีน ได้ลดราคาไฟฟ้าพลังความร้อนอ้างอิงลงประมาณ 10%y-y 2.) คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) และกระทรวงการคลังจีน ผู้บริโภคจะได้รับเงินอุดหนุน 15% สำหรับการซื้อโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และนาฬิกาอัจฉริยะที่มีราคาไม่เกิน 6,000 หยวน KSS มองบวกต่อตลาดหุ้นจีน เน้นสะสมหุ้น China Play นำโดย SCC IVL PTTGC

(*) To monitor :ฝั่งสหรัฐ 10 ม.ค. ติดตามรายงานภาคการจ้างงานสหรัฐฯ ธ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ธ.ค.24 ตลาดคาด 1.53 แสนตำแหน่ง vs prev. 2.27 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน ธ.ค. 24 ตลาดคาด 4.2% ทรงตัวจาก prev. ที่ 4.2%

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับขึ้นต่อรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง อิง อายุ 2 ปี แกว่งตัวใกล้เคียงเดิม อยู่ที่ 4.28% และอายุ 10 ปีปรับขึ้น 2 bps อยู่ที่ 4.693% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB BBL KBANK และประกันชีวิต BLA TLI ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อขึ้นมาบริเวณ 108.9 จุด

(*/-) Oil : ราคาน้ำมันดิบชะลอการขึ้นพลิกลง อิง น้ำมัน Brent -1.4%d-d ปิดที่ USD 76.1/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.3%d-d ปิดที่ USD 73.3/barrel มองเป็นจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อหุ้นน้ำมัน PTTEP, PTT โดยยังประเมินโมเมนตัมราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้น เน้น trading หุ้น PTTEP

 

What happened in Thailand?

(*) SET Index SET Index ลดลง 3 จุด (-0.23%) ปิดที่ 1,388 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.5 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 365บริษัท, จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น 123 บริษัท) กังวลดอกเบี้ยลงช้าหลัง US Bond yield เร่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ คือ กลุ่มโรงกลั่น & ปิโตรฯ (TOP, SPRC) ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS) ส่วน Sector ที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA) กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH) เก็งกำไรงบ 4Q24 โตเด่นรับ High season และมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวจากแผนควบรวมกิจการในเครือ INTUCH + GULF ระยะสั้นมอง INTUCH เด่นสุดเพราะก่อนควบรวมกิจการจะมีเงินปันผลพิเศษ 4.5 บาท + เงินปันผล 2H24 อีก 2 บาท รวม 6.5 บาทให้ Dividend yield 6.7%

(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ขายหุ้น -32.2 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +31.9 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -27,947 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าทรงตัว 34.6+/- บาท

(*/+) Crypto Spending: รมว.คลัง กล่าวถึงการพิจารณาแนวคิดการนำเหรียญดิจิทัลมาใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าว่า เบื้องต้นจะทำการทดสอบในวงจำกัด (sandbox) ทั้งนี้ กระแสประเทศหลักโลกสหรัฐฯ ที่สนับสนุนสินทรัพย์ดังกล่าว และหนุนมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง หากมีระบบรองรับการใช้จ่ายเชื่อว่าจะช่วยหนุนเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในเพิ่มมากขึ้น

(*/+) Soft Power: ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Melco Resorts & Entertainment บริษัทผู้พัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resort: IR) และผู้นำในด้านความลักซูรี่ และความบันเทิงระดับโลก เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในด้านซอฟต์พาวเวอร์บนเวทีโลก ทั้งนี้ Melco มีประสบการณ์อันโดดเด่นในการใช้แพลตฟอร์มวัฒนธรรมระดับพรีเมียม เพื่อเพิ่มอิทธิพลระดับนานาชาติ ซึ่งเห็นได้จากโครงการที่ได้รับรางวัลในมาเก๊า ฟิลิปปินส์ และไซปรัส โครงการเหล่านี้ ได้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างจุดหมายปลายทางเหล่านี้ ให้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมระดับโลก ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงกระแส Soft Power ท่องเที่ยว (AOT) อาหาร (AU, MALEE) มวย (PLANB) บันเทิง (ONEE)

(*/+) AWS: AWS จัดการแถลงข่าวเปิดตัวบริการ Cloud ในส่วน Thailand Region โดยมีบริการเทียบเท่ากับสิงคโปร์ ซึ่งปกติแล้ว AWS Region จะประกอบด้วยอย่างน้อย 3 Availability Zones (AZ) ที่เกิดขึ้นจากดาต้าเซนเตอร์ 1 แห่งหรือมากกว่า ทั้งนี้ จุดน่าสนใจอยู่ที่

1.) ราคาค่าบริการไทยถูกกว่าสิงคโปร์ราว 10-15% ทำให้มีโอกาสที่เห็นการเปลี่ยนมาใช้งาน AWS ในไทยของบริษัทไทย จิตวิทยาบวกต่อบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่าย อาทิ SIS ขณะที่เป็นจิตวิทยาลบ INET ที่คู่แข่งขันเพิ่มขึ้น

2.) การเปิดตัวดังกล่าวเชื่อว่ามีโอกาสหนุนภาพ Digital Transformation ของไทยเกิดเร็วขึ้น จิตวิทยาบวกต่อหุ้นสื่อสาร ADVANC, TRUE ที่การใช้งาน Data จะเร่งขึ้น รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่เกี่ยวโยง และกลุ่ม Digital Tech อาทิ BBIK

3.) จับตาทิศทาง Digital Adoption หากเกิดขึ้นเร่งเหมือนในต่างประเทศ คาดหนุนเม็ดเงินลงทุน Data Center เฟสถัดๆไปในไทยเกิดขึ้นต่อเนื่อง หนุนจิตวิทยาหุ้นในธีม Infra Tech อาทิ WHA, GULF, INSET

(*/+) 3 Airports High Speed Train: รมว. คลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หรือไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินนั้น ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบเวลาเดิมตามขั้นตอนของพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หลังอนุมัติอัยการสูงสุดจะตรวจสอบสัญญาใหม่ 45 วัน ก่อนเสนอ ครม. เห็นชอบ เราประเมินสัญญาณทางบวกโดยเฉพาะความเป็นไปได้แรงหนุนด้านการลงทุนรัฐฯ+เอกชนที่จะมีความสอดประสานเร่งเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจนับจาก 2H25F และจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเชื่อมโยง อาทิ รับเหมา ธนาคาร เน้น SCB, KBANK, KTB

(*/+) Home for Thai: รมว. คลังเปิดเผยว่า เตรียมเปิดขั้นตอนการยื่นแสดงเจตจำนงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ในวันที่ 20 ม.ค. โครงการบ้านเพื่อคนไทยจะนำร่องโครงการบนพื้นที่บางซื่อกม.11 โดยเป็นการก่อสร้างคอนโดมิเนียม 45 ชั้น นอกจากนี้ จะมีโครงการใน 3 พื้นที่ แนวทางการพัฒนาลักษณะดังกล่าวแนวทางดังกล่าวน่าจะช่วยให้ปริมาณงานประมูลกลุ่มรับเหมาเพิ่มขึ้น และรัฐฯน่าจะประบูลกับผู้รับหมาก่อสร้างโดยตรง ประเมินจิตวิทยาบวกหุ้นรับเหมา อาทิ PYLON, CK, STECON ทั้งนี้ Supply ที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นถือเป็นการแข่งขันกับผู้ประกอบการอสังหาฯ เน้นตลาดใกล้เคียงกัน ประเมินลบต่อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว อาทิ LPN PSH

(*/+) TH Tourism: อิงข้อมูลสำนักตรวจคนเข้าเมือง นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1-7 ม.ค. อยู่ที่ 7.16 แสนคน เพิ่มขึ้น +18%y-y ประเมินบ่งชี้ภาพบวกโอกาสนักท่องเที่ยวทั้งปี 2025F จะเดินหน้าสู่เป้าหมาย Krungsri Research ที่ 40 ล้านคน (+12.6%y-y) จิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ อาทิ AOT BTS CPALL

(*) SSF: FETCO เตรียมเข้าหารือกระทรวงการคลัง เรื่องการขอต่ออายุมาตรการภาษีของกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ประเมินเป็นกลาง-บวกอ่อนๆต่อตลาด ทั้งนี้ หากมีการต่ออายุจะช่วยให้ตลาดมีกองทุนสนับสนุนลงทุนระยะยาวคล้ายภาพปีก่อน (กองทุน RMF, THAIESG และ SSF) แต่หากไม่มีการต่ออายุ คาดเม็ดเงินสลับไปยังทางเลือกอื่น โดยเฉพาะ ThaiESG ที่รัฐฯปรับปรุงเกณฑ์ใหม่

 

 

Daily Strategy : DELTA, ADVANC, CPALL

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Sideways to Sideways/Up" ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นการรอรายงานภาคแรงงาน 10 ม.ค. แต่มีจุดบวกเล็กๆ คือ แม้รายงานประชุม Fed จะระบุถึงความกังวลเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าเป้าหมาย รวมถึงมีกระแสข่าวคุณ Trump เตรียมประกาศเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินเศรษฐกิจขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเทศ 10% จีน 60% แต่ US Bond Yield 10 ปี ไม่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ US Bond Yield 10ปี ไม่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ระยะสั้นทำให้คาดว่าหุ้นนำจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยบวกรายกลุ่มรายตัว ประเมิน 1.) หุ้นเด่นอยู่ในฝั่ง Domestic แผนรัฐฯที่กำลังเร่งผลักดันเม็ดเงินลงทุนรัฐฯ+เอกชน จะหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมา 2.) หุ้นเด่นที่อยู่ในฝั่ง Infra Tech หลัง AWS เริ่มให้บริการ Cloud ผ่าน Data Center ที่ลงทุนในไทยแล้ว น่าจะหนุนปริมาณ Traffic โครงข่ายในประเทศดีต่อกลุ่มสื่อสาร & Digital Tech Consult ผสาน DELTA ไต้หวัน ไต้หวันรายงานยอดขาย ธ.ค. 24 เด่น +22%y-y, +6%m-m หนุนงวด 4Q24 +14%y-y, +2%q-q

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
•Jan 2025 Stock Picks : ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, BTS, GULF, MALEE

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

Strategy Update: คาด Global Minimum Tax กระทบจำกัดกว่าตลาดกังวล โอกาสลงทุนหุ้น Infra Tech

จากกรณี ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. ภาษีขั้นต่ำ หรือ Global Minimum Tax 15% สำหรับ บ. ข้ามชาติที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี และ ร่าง พ.ร.ก. กองทุนส่งเสริมการแข่งขัน เป็นกองทุนสนับสนุนเงินที่ บ.ข้ามชาติที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2025 ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัย KSS จึงได้ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากมาตรการดังกล่าวที่มีต่อบริษัทที่อาจจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม โดยเราใช้เกณฑ์ 1) รายได้ปี 2023 สูงกว่าระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2) อัตราภาษี Effective Tax Rate ประเมินโดย Bloomberg ต่ำกว่าระดับ 15.0% หากใช้สมมติฐานกรณีเลวร้าย คือ ให้ทุกบริษัทเสียภาษีเพิ่มเป็น 15% โดยไม่ได้รับผลชดเชยด้านอื่น พบว่า กำไรปี 2025F ของบริษัทที่จะถูกกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างมีนัยยะ ได้แก่ EA (คาดกำไรปี 2025F จะลดลง -11.96%) GULF (-11.82%) HANA (-10.37%) AH (-10.09%) DELTA (-9.5%) TU (-3.28%) ขณะที่หากรวมเป็นผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรตลาดจะอยู่ราว -8.6 พันล้านบาท หรือ -0.7% ของกำไรตลาดปี 2025F ที่เราประเมิน 96 บาท

 

ในเชิงกลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว EA (YTD2025 Return +0.5%) GULF (-6.3%) HANA (+0.4%) AH (-3.07%) CK (-4.69%) DELTA (-4.92%) TU (-3.08%) แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป หากราคาปรับลงมา ได้แก่ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• Industrial Estate (Neutral): The secretary-general of EECO has view that investments in Thailand would be good in 2025-2026 (Bt100b each). They will focus in EEC in five focused clusters (12 industries), which currently has 12 projects (Bt150b) under approval process (data centers and semiconductors). They will tailor-made the incentives and more benefits offering if the operations start quicky. Supporting their plan, they will make it available for land (>30,000 rai in pipeline), personnel training, more completed infrastructures and supportive laws. We anticipate WHA and AMATA to post >2,500 rai land sales (greater than their targets) and ROJNA 1,100-1,200 rai in 2024. And we look for stable land sales this year. We maintain BUY rating for WHA, AMATA and ROJNA.

• AEONTS (Buy, TP-140): เรามีมุมมอง slightly positive ต่อกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 789 ลบ. เพิ่มขึ้น +12%y-y ลดลง -4% q-q ดีกว่าเราและตลาดคาด จาก i) มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนที่พม่า 94 ลบ. ii) ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ต่ำกว่าคาด จากลูกหนี้ชำระหนี้ดีขึ้น โดยเราคงคำแนะนำ BUY ที่ TP 140 บ. เพราะ i) เห็นพัฒนาการเชิงบวกด้านคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้เราคาดว่ามีโอกาสเห็นการกลับมาเติบโตของสินเชื่อรวมใน 4Q25F-FY2026F ii) ความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด จาก ณ 3Q25 มีสำรองพิเศษเหลือประมาณ 500-550 ลบ. iii) มาตรการของ ธปท. และภาครัฐ คาดจะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้

• BCH (Buy, TP-19): เราปรับคำแนะนำเป็น Buy สำหรับ BCH เนื่องจากคาดกำไรปี 25F เติบโต +23%y-y เด่นตามทิศทางรายได้ และมีความชัดเจนค่ารักษาประกันสังคม ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขายเทียบเท่า Forward PE ปี 25F เฉลี่ย 24 เท่า ต่ำกว่าระดับ Mean ที่ 25 เท่า มองว่าตอบรับแนวโน้ม 4Q24F และการปรับกำไรปี 24F-26F ลง -6%-7% ไปแล้ว รวมทั้งมองว่า BCH ควรถูก Re-rated PE ขึ้นสะท้อนการกลับมาเติบโตของกำไรในปี 25F และคาด 1Q25F กำไรกลับมาเติบโต y-y และเติบโตสูง q-q

• GULF (Neutral, TP-60.5): GULF has achieved COD for five solar and battery projects and HKP unit 2, but we have already factored into our earnings forecasts. We rate GULF 'Neutral' due to limited upside but expect a 15% 2-year (2024-26F) CAGR in earnings. Upside catalysts include a potential 40.44% ADVANC stake, which could increase the 2-year CAGR to 20%, and the utilization of up to Bt300b in debt capacity, potentially boosting earnings by 50-70% in respective SCOD years.

 

 


2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้