AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ออกด้านข้าง
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้าง 1380-1400 จุด สภาพแวดล้อมต่างประเทศ กดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสหรัฐฯลงช้า ด้านปัจจัยในประเทศการประชุม ครม. เห็นชอบ กรอบวงเงินงบปี 69 และมาตรการช่วยเหลือ SMEs แต่ผลต่อตลาดหุ้นมีไม่มาก วันนี้เลือก AAV และ KKP เป็น Top pick
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับฐานลงมาในช่วง -0.42% ถึง -1.1% แรงกดดันจากมาจาก U.S. Bond Yield 10 ปีที่ยังเร่งตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือนอยู่ที่ 4.68% หลังการรายงาน ISM ภาคการบริการเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 54.1 ดีกว่าตลาดคาดและเดือนก่อนที่ 53.5 และ 52.1 และตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS) ที่เพิ่มขึ้น 8.1 ล้านตำแหน่งมากกว่าตลาดคาด 7.73 ล้านตำแหน่ง ทำให้ความกังวลต่อเงินเฟ้อลงช้า FED ลดดอกเบี้ยช้า ยังคงอยู่ สภาพแวดล้อมข้างต้นน่าจะเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาค ส่วนบ้านเรากระทบต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ที่อาจเห็นแรงขายทำกำไรหลังวานนี้ ปรับขึ้นแรง ส่วนกลุ่มที่น่าจะ Outperform ภายใต้ภาวะ U.S. Bond Yield สูง คือ กลุ่มธนาคารและการประกันฯ ซึ่งเราชอบ KTB KKP และ TLI

การประชุม ครม. วานนี้มีมติ 1) เห็นชอบ กรอบงบประมาณปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7%YoY โดยเป็นงบลงทุน 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23% ลดลง 5%YoY โดยลำดับถัดไปนายกฯ จะมอบนโยบายและให้หน่วยงานต่างๆจัดทำคำของบประมาณเพื่อเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันที่ 31 ม.ค.68 ต่อไป ซึ่งเรามองเป็นกลาง จากกรอบงบลงทุนที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2) เห็นชอบเสริมสภาพคล่อง 2 หมื่นล้านบาทดอกเบี้ยต่ำให้กับ SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ โดยแบ่งวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท สำหรับ SMEs ที่ต้องปรับปรุงกิจการและอีก 1 หมื่นล้านบาท สำหรับ SMEs ที่ต้องการขยายกิจการ โดยสามารถขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 30 ธ.ค. 68 เรามองเป็นกลาง เนื่องจาก วงเงินสินเชื่อไม่ได้มาก แต่อาจเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ ต่อธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อ SMEs สูงอย่าง KBANK และ SCB

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นแรง 18 จุด แรงหนุนหลักมาจาก กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จาก DELTA +5% หนุนดัชนีไป 7 จุด จาก Sentiment บวกของหุ้นกลุ่มชิปสหรัฐฯ ตามด้วยกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ดีดจาก Panic Sell วันก่อนยกแผงโดย GULF GPSC และ BGRIM บวกกว่า 2% ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่บวกเด่นคือกลุ่มประกันจาก TLI +3.8% จาก Bond Yield สหรัฐฯทรงตัวสูง กลุ่มธนาคารยังบวกได้ต่ออีก 0.85% โดยแรงซื้อหลักจากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.4 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ AAV KKP

KKP
ตัวเลือกแรกของ
กลุ่มธนาคารขนาดกลาง-เล็ก
คาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 68 สูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 24% YoY ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนี้: (i) ขาดทุนจากการขายที่ลดลง; (ii) ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง (iii) รายได้ค่าธรรมเนียมที่ฟื้นตัว และ (iv) แผนการบริหารทุนที่แข็งแกร่ง เราคาดว่า KKP จะยังคงซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อลดลง
ขณะที่งบ 4Q67 เราคาดกำไรหลักอยู่ที่ 926 ล้านบาท หดตัว -29%QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ปกติค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น แต่ขยายตัวสูงที่ 38%YoY จาก Credit Cost ที่ลดลง -35%YoY ขณะที่ NPL คาดมาอยู่ที่ 4.24% สูงกว่างวดก่อนที่อยู่ 4.14% เล็กน้อย ซึ่งยังเป็นกรอบที่บริหารจัดการได้
Valuation ปัจจุบันไม่แพงเพราะซื้อขายบน P/BV ที่ 0.67 เท่า นอกจากนี้ ยังมีการจ่ายปันผลสูง ซึ่งเราคาดปี 67/68 จ่ายในอัตรา 5.8%/8.2% ตามลำดับ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65.00 บาท

AAV
ลุ้นรีบาวน์กลับ
AAV ถือเป็นผู้นำสายการบินตลาดภายในประเทศ และศักยภาพการเติบโตของรายได้จากเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ๆ นอกจากนี้ AAV ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี (CAGR) ช่วงปี 67-69 โดยในปี 68 คาดกำไรสุทธิ 3.3 พันล้านบาท (+15% YoY) จากรายได้ค่าตั๋วและรายได้เสริมที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวซึ่งเราคาดจำนวนนักเที่ยวปีนี้ที่ 41 ล้านคนเพิ่มขึ้น 15%YoY
สำหรับระยะสั้นประเด็นดาราจีน (ซิงซิง) ที่หายตัวจากการถูกหลอกลวงโดยชาวจีนด้วยกัน ล่าสุดทางการไทยได้ช่วยเหลือกลับมาได้แล้ว จึงเชื่อว่าลดความกังวลต่อมุมมองด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีต่อบ้านเรา
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.40 บาท

KEY FACTOR
เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดย 1)ตลาดหุ้นจีน ดัชนี Shanghai Composite ที่พลิกกลับมาบวก +0.71% หลังมีข่าวทางการจีน ห้ามกองทุนขนาดใหญ่อย่างน้อย 4 แห่ง ขายหุ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องในช่วงต้นปี สะท้อนโอกาสที่จะมีการแทรกแซง พยุงตลาดหุ้นรอบใหม่ 2) ตลาดหุ้น ASEAN ส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก (มีเพียงฟิลิปปินส์ที่ปรับตัวลง) โดยตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมา Outperform และพบว่ามีแรงซื้อในตลาดหุ้นไทย +2.4 พันล้านบาท หรือ ประมาณ 69 ล้านเหรียญฯ แต่อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคยังพบว่ามีแรงขายในประเทศอื่นๆ ดังนั้น จึงสะท้อนว่าตลาดหุ้นโดยรวมยังอยู่บนความไม่แน่นอนประเด็นดอกเบี้ยสูง

คืนนี้ตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ ประจำเดือน ธ.ค. Consensus คาด การจ้างงานภาคเอกชน ของ ADP เพิ่มขึ้น +1.4 แสนตำแหน่ง ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา ที่ +1.46 แสนตำแหน่ง ทั้งนี้ ตลาดคาดหวังจะเห็นตัวเลขออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์และไม่ร้อนแรง

EYES ON
7 ม.ค. เงินเฟ้อ และอัตราการว่างงานของ Eurozone เดือน ธ.ค.
8 ม.ค. การจ้างงานเอกชน ADP
9 ม.ค. เงินเฟ้อของจีน เดือน ธ.ค.
10 ม.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงาน สหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ