"Dividend Play"
KSS Daily Strategy: KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "พยายามสร้างฐาน" ต้าน 1380/1384 จุด รับ 1366/1362 จุด ดัชนี S&P500 +0.58% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Tech หลัง Foxconn รายงานรายได้ 4Q24 ทำจุดสูงสุดใหม่ ผสานกระแสข่าวคุณ Trump อาจใช้นโยบาย Trade War กับสินค้าเพียงบางประเภท (vs เดิมตลาดคาดใช้แบบหว่านแห) ส่วนปัจจัยมหภาคให้ติดตามรายงานภาคแรงงาน ภายในตลาดอยู่ในช่วงสร้างฐานหลังเผชิญแรงกดดันใหม่ต่อเนื่อง แต่ประเด็นการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.7 บาท จากปัจจุบัน 4.15 บาท มีแนวทางให้เอกชนร่วมรับภาระเพียง 0.05 บาท (vs วานนี้ตลาดคาดเอกชนรับภาระส่วนใหญ่) ทำให้ผลกระทบสะท้อนในหุ้นโรงไฟฟ้าที่ดิ่งแรง -1.7% ถึง -8.1% ไปแล้ว มีโอกาสฟื้นตัว ขณะที่ค่าไฟลดลง ม.หอการค้าประเมินค่าไฟลดลงปีละ 1.0 แสนล้านบาท บวกต่อกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ภาคผลิต ผสาน Digital Wallet เฟส 3 ที่น่าจะเริ่มตั้งแต่ มี.ค. 24 จะทำให้กลุ่ม Domestic นำตลาด อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก เช่าซื้อ เด่น + กลุ่ม Dividend Plays วันนี้แนะนำ INTUCH, GULF, KTC เด่น
Daily outlook: "พยายามสร้างฐาน" ต้าน 1380/1384 จุด รับ 1366/1362 จุด
What happened around the world?
(+)US Stock: ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น แรงหนุนจากข่าว ทีมงานของ Trump กำลังพิจารณากลับลำขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเป็นเพียงบางประเภท แม้ดัชนี Dow jones -0.06% (Coca cola -1.52%,JP Morgan -1%, Microsoft +1.1%) แต่ ดัชนี S&P500 +0.58% และดัชนี Nasdaq +1.25% โดย Sector ใน S&P กลุ่มหลักๆที่ปรับขึ้นคือ ICT, IT, Materials ฯลฯ ส่วน Sector ที่กดดัชนีคือ Real estate, Utilities ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ Meta +4.23%,AMD+3.3% NVIDIA +3% ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนไทยวันนี้, Microstrategy +11%ฯลฯ
(+)US Tradewar : หลายสำนักข่าว Reuters , Washingtonpost Bloomberg พาดหัวข้อข่าวสำคัญประเด็นเรื่องที่ Trump กำลังพิจารณากลับลำขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเป็นเพียงบางประเภท อาทิแบตเตอรี่, เหล็ก, อะลูมิเนียม, ทองแดง, พลังงาน, แร่สำคัญชนิดต่างๆ ยา ฯลฯ ทำให้ตลาดประเมินเป็นพัฒนาการบวก ถือว่าผ่อนคลายจากก่อนหน้าที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะจัดเก็บภาษีนำเข้าในสินค้าทุกประเภทอัตตรา 10% ทั่วโลก และจัดเก็บกับจีนในอัตรา 60% อย่างไรก็ตาม Donald Trump ออกมาปฎิเสธจากข่าวดังกล่าว KSS ประเมินหากเกิดขึ้นจริงมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน และบวกต่อ SET Index โดยรวมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก เน้น CPF และบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ PTTEP กลุ่มปิโตรเคมี อาทิ IVL
(+) Vietnam GDP : เวียดนามรายงาน GDP Growth 4Q24 +7.55%y-y (ทั้งปี 2024 +7.1%y-y) และรายงานยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. 2024 +9.3%y-y KSS มองบวกต่อตัวเลขและหากประเมิน GDP Growth ปี 2025 สมัชชาแห่งชาติเวียดนาม ตั้งเป้าการเติบโต ที่ 6.5-7% เร่งขึ้นจากปี 2024 คาดโต 6.0%y-y ประเมินหากรัฐบาลเวียดนามต้องการให้เศรษฐกิจโตตามเป้า คาดจะต้องเดินหน้าออกมาตรกากระตุ้นการเงินการคลังเพิ่ม มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจในเวียดนาม อาทิ SNNP, CPF
(+) China PMI : PMI ภาคบริการเดือน ธ.ค. ของจีนอยู่ที่ 52.2 จุด ขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือน เน้นสะสมหุ้น China Play นำโดย SCC IVL PTTGC
(*) Russia – Ukraine War : แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างกลุ่มติดอาวุธฮามาสและอิสราเอล ได้ แต่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.25 KSS ประเมินโทนสงครามที่มีพัฒนาการในทางบวกมากขึ้น มองเป็นปัจจัยกดดันราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน ในระยะกลาง – ยาว
(+) India PMI เศรษฐกิจอินเดียส่งสัญญาณเชิงบวก PMI > 50 จุด สะท้อนภาวะขยายตัว อินเดียรายงาน PMIภาคบริการขั้นสุดท้ายจาก HSBC เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 59.3 จุดสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค. จาก 58.4 ในเดือนพ.ย. ถือเป็นระดับ บวกต่อหุ้นที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกับอินเดีย อาทิ กลุ่มโรงฟ้า : มอง GPSCเป็นผู้มีโอกาสได้ประโยชน์โดยตรงจากมีฐานธุรกิจไฟฟ้าในอินเดียอยู่แล้ว (Avaada) เราประเมินเบื้องต้น ทุกๆ การได้กำลังการผลิตเพิ่ม 100MWe จะเป็น upside ราว 0.3-0.4 บาท/หุ้น กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ อาทิ สายการบิน, สนามบิน, โรงแรม อาทิ AOT, AAV, SPA, MINT ฯลฯ จะได้ประโยชน์ โดยนักท่องเที่ยวอินเดียมีศักยภาพและคิดราวอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ กลุ่มส่งออกอาหาร อาทิ CPF, TU สัดส่วนรายได้จากอินเดียราว 5% ของรายได้รวม
(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 10 ม.ค. ติดตามรายงานภาคการจ้างงานสหรัฐฯ ธ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ธ.ค..24 ตลาดคาด 1.53 แสนตำแหน่ง vs prev. 2.27 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน ธ.ค. 24 ตลาดคาด 4.2% ทรงตัวจาก prev. ที่ 4.2%
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐอิง อายุ 2 ปี แกว่งตัวใกล้เคียงเดิม อยู่ที่ 4.28% และอายุ 10 ปีปรับขึ้น 3 bps อยู่ที่ 4.63% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB BBL KBANK และประกันชีวิต BLA TLI ส่วน Dollar Index ชะลอการอ่อนค่าบริเวณ 108.0 จุด
(*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -0.39%d-d ปิดที่ USD 76.21/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.54%d-d ปิดที่ USD 73.56/barrel
(*/-) Rubber ยาง TOCOM -3.6%d-d ปิดที่ 359JPY/kg (ต่ําสุดในรอบ 2 สัปดาห์) เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานบรรเทาลงเมื่อสภาพอากาศดีขึ้นในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ไทยและเวียดนาม นําไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้น ผสานกับ Demand ความต้องการยางจากประเทศจีนไม่ฟื้น โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มยาง อาทิ STA, NER
What happened in Thailand?
(-) SET Index SET Index วันทำการล่าสุด ปรับลง -12 จุด กลุ่มกดดัน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC, BGRIM) กังวลต่อแนวคิดการลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.7 บาท กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) กังวลผลกระทบจากความเสี่ยงต้องประมูลคลื่นใหม่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มเป็นกำลังให้บริการระยะกลาง-ยาว จากเดิมที่ตลาดประเมิมได้ประโยชน์สูง จากการประมูลคลื่นเดิมกลับมาในต้นทุนทีต่ำลง กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, KCE, HANA) จิตวิทยาบวกหุ้นเทคฯ ต่างประเทศเด่น หลังกระแสการขยายการลงทุนในกลุ่ม AI Data Center ของบริษัทขนาดใหญ่ หลัง Microsoft ประกาศลงทุน AI Data Center ในปี 2025 สูง 80 พันล้านเหรียญฯ (vs CAPEX ปี 2024 ที่ 53 พันล้านเหรียญฯ) ผสาน รัฐบาลขยายความครอบคลุม Trade-in Program ครอบคลุม Smart Devices กลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) จิตวิทยาบวกเงินเฟ้อ ธ.ค. 24 ขยับขึ้นสู่กรอบเป้าหมายของ BOT แม้อยู่ในช่วงขอบล่าง ผสาน ใกล้ช่วงฤดูกาลจ่ายเงินปันผล
(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ซื้อหุ้น 18.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -76.3 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -9,331 สัญญา เงินบาทอ่อนค่า 34.6+/- บาท
(*/+) Digital Wallet: รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ว่าจะเสร็จประมาณช่วงเดือนมี.ค. มองเม็ดเงินส่วนที่เหลือจ่ายให้กับอีกกว่า 30 ล้านคน หรือราว 3.0 แสนล้านบาท คิดเป็น 1.7% ของ GDP ไทย คาดสร้างผลบวกต่อเศรษฐกิจงวด 1Q25F ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นแรงเสริมต่อเนื่องจากมาตรการที่ทยอยออกมาช่วงปลายปี 2024F อาทิ ไร่ละพัน , Digital Wallet เฟส 2 และมาตรการ Easy E-Receipt ประเมินเป็นบวกต่อหุ้น Domestic ในกลุ่มค้าปลีก เน้น HMPRO, CRC ธนาคาร เน้น KBANK, KTB เช่าซื้อ เน้น KTC, AEONTS ที่เชื่อมโยงกับการจับจ่าย และ JMT ที่คาดการเก็บหนี้ดีขึ้น
(*/+) TH CPI : เงินเฟ้อ CPI ไทย ธ.ค. 24 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย +1.23%y-y vs prev. +0.95%y-y เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.79%y-y vs prev. +0.8%y-y ทั้งนี้ เงินเฟ้อดังกล่าวอยู่บริเวณกรอบล่างเป้าหมายเงินเฟ้อ BOT ที่ 1-3%ขณะที่ส่งผลให้ Real Yield เป็นบวกต่อเนื่อง 18 เดือน ผสาน เป็นที่น่าสนใจว่ากระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปี 2025 ที่ 0.3-1.3% หรือมีค่ากลางที่ 0.8% เร่งตัวขึ้นไม่มากจากปี 2024 ที่เพิ่มขึ้น 0.4% บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ (Dubai) ที่ USD70-80bbl (ค่ากลาง USD75/bbl) อัตราแลกเปลี่ยน USDTHB ที่ 34-35 (ค่ากลาง 34.5) และ GDP ที่เติบโต 2.3-3.3% (ค่ากลาง 2.8%) และถือเป็นการคาดการณ์ที่ต่ำกว่าของธนาคารแห่งประเทศไทยที่คาด ที่ 1.1% ในปี 2025 บนสมมติฐานน้ำมันดิบ (Dubai) ที่ใกล้เคียงกัน คือ USD77/bbl และคาดการณ์ GDP ที่ 2.9% ในปี 2025 ภาพเช่นนี้สะท้อนว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2025 ของ ธปท. อาจจะมีความเสี่ยงด้านต่ำ และจะหนุนให้ ธปท. มีจุดยืนด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้ ตามที่ Krungsri Research ประเมิน BOT มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในปี 2025F
เชิงกลยุทธ์ถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET และหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อที่ได้ประโยชน์หากดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลดลง ค้าปลีก อาทิ KTC CPALL HMPRO
(*/+)New law: กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ 6 ร่างกฎหมายสำคัญ ต่อที่ประชุมสภาฯ ในปี 2025 เดินหน้าแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
1.ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ประเมินจิตวิทยาบวกหุ้นในธีม Entertainment Complex เน้น BTS VGI (เก็งกำไร) ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวระยะสั้นหลีกเลี่ยงจิตวิทยาลบดาราจีนหายตัวไปที่ อ.แม่สอด
2. ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พ.ศ....เพื่อเดินหน้าโครงการสลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ หรือ หวยเกษียณ ซึ่งเป็นกลไกใหม่ที่จูงใจให้เกิดการออมภาคสมัครใจ ประเมินหากความครอบคลุมเพิ่มขึ้น อาจหนุนเกิดเม็ดเงินลงทุนระยะยาวภายในก้อนใหม่เพิ่มเติม
3. ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน พ.ศ. .... บวกต่อหุ้นธนาคาร และหุ้น Infra Tech (สื่อสาร) เน้น SCB KBANK ADVANC
4. ร่าง พ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. ....เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันสำหรับผู้ประกอบการ SME ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บวกต่อหุ้นที่มีสินเชื่อ SMEs สัดส่วนสูง อาทิ KBANK (27% ของสินเชื่อ) BBL (18%) SCB (17%) เน้น KBANK
5. ร่าง พ.ร.บ.กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน พ.ศ. .... เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท บวกต่อ BTS
6. ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.... เป็นการขยายเวลาให้เช่าที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปี บวกต่อหุ้นอสังหาฯ ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติอยู่แล้ว อาทิ SIRI
(*/-) Utilities: กรุงเทพธุรกิจรายงานแผนการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.7 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.15 บาท เริ่มมีแนวทางออกมาเพิ่มเติม ล่าสุด ประกอบด้วย 4 ส่วน 1.) ไม่ต่อสัญญาซื้อขายไฟ Adder ปี 2025 ที่จะหมดสัญญาของโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPPs) คาดช่วยลดค่าไฟได้ 0.15-0.2 บาท 2.) ยืดระยะเวลาจ่ายคืนค่า Ft ให้กฟผ. 3.) ยืดระยะเวลาจ่ายค่าก๊าซ กฟผ. และ PTT 4.) ขอความร่วมมือ IPP-SPP ลดกำไร คาดช่วยได้ 0.05 บาท โดยแนวทางการให้เอกชนร่วมรับภาระเพียง 0.05 บาท (vs วานนี้ตลาดคาดเอกชนรับภาระส่วนใหญ่) ทำให้ผลกระทบสะท้อนในหุ้นโรงไฟฟ้าที่ดิ่งลง -1.7% ถึง -8.1% ระดับหนึ่ง ขณะที่กลุ่มอื่นยังมีโอกาสได้ประโยชน์ค่าไฟลดลง อิงม.หอการค้าประเมินผลบวกค่าไฟลดลงปีละ 1.0 แสนล้านบาท อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ภาคผลิต เชิงกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นโรงไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจำกัด อาทิ GULF INTUCH (ควบรวมกับ GULF ในอนาคต) และหุ้นได้ประโยชน์ค่าไฟฟ้าลดลง ค้าปลีก อาทิ BJC, HMPRO, CRC สื่อสาร ADVANC, TRUE
(*) To Monitor : ประเด็นที่ต้องติดตาม
1.) 7-13 ม.ค. ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย เดือน ธ.ค. (ไม่มีคาด) prev. 50.4 จุด มองมีโอกาสเร่งขึ้น หนุนจากภาคท่องเที่ยว จากนักท่องเที่นวชาติชาตเข้ามาเร่ง ผสานกับช่วงปลายปี 2024 หลายเทศกาลทั้งคริสมาสตร์และปีใหม่ โดยรวมคาดหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก BJC, HMPRO
2.) ประชุม ครม. นัดแรกของปี 7 ม.ค. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 'DE" ชงเพิ่มโทษอาชญากรรมออนไลน์ มองเป็นเพียง Sentiment ลบ เรามีมุมมองเป็น กลาง ต่อ ธนาคาร และ กลุ่ม ICT เพราะ 1.ธนาคารมีการพัฒนาระบบ mobile และ internet banking อยู่แล้ว ซึ่งมีอยู่ในงบการลงทุนทางด้าน IT 2.ช่วงที่ผ่านมาธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการเพิ่มคำเตือนก่อนโอน เผื่อเป็นการเตือนลูกค้าในระบบหนึ่ง ดังนั้น หากมีกฎระเบียบที่เพิ่มเติม เรามองว่าธนาคารสามารถปฏิบัติตามได้
Daily Strategy : INTUCH, GULF, KTC
ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "พยายามสร้างฐาน" ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกอ่อนๆ โดยเฉพาะกรณีกระแสข่าวคุณ Trump อาจใช้นโยบาย Tariffs แบบรายสินค้า ผสาน หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ยังนำตลาด เป็นจิตวิทยาบวก หุ้นชิ้นส่วน + สื่อสาร ส่วนภายในแนะนำมองหาโอกาสลงทุนกลุ่มได้ประโยชน์แนวทางลดค่าไฟฟ้าของรัฐฯ อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ภาคผลิต รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีลูกค้า IPPs สูง อาทิ GULF ที่ปรับลงเกินกว่าผลกระทบที่มีโอกาสเกิดจริง และกลุ่มได้ประโยชน์นโยบาย Digital Wallet เฟส 3 ที่คาดเดินหน้าแจกเงินเพิ่มช่วงปลาย 1Q24 ต้น 2Q24 อาทิ ธนาคาร เช่าซื้อ ผสาน หุ้น Dividend Plays
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
•Jan 2025 Stock Picks : ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, BTS, GULF, MALEE
• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
Strategy Update: คาด Global Minimum Tax กระทบจำกัดกว่าตลาดกังวล โอกาสลงทุนหุ้น Infra Tech
จากกรณี ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. ภาษีขั้นต่ำ หรือ Global Minimum Tax 15% สำหรับ บ. ข้ามชาติที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี และ ร่าง พ.ร.ก. กองทุนส่งเสริมการแข่งขัน เป็นกองทุนสนับสนุนเงินที่ บ.ข้ามชาติที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2025 ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัย KSS จึงได้ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากมาตรการดังกล่าวที่มีต่อบริษัทที่อาจจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม โดยเราใช้เกณฑ์ 1) รายได้ปี 2023 สูงกว่าระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2) อัตราภาษี Effective Tax Rate ประเมินโดย Bloomberg ต่ำกว่าระดับ 15.0% หากใช้สมมติฐานกรณีเลวร้าย คือ ให้ทุกบริษัทเสียภาษีเพิ่มเป็น 15% โดยไม่ได้รับผลชดเชยด้านอื่น พบว่า กำไรปี 2025F ของบริษัทที่จะถูกกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างมีนัยยะ ได้แก่ EA (คาดกำไรปี 2025F จะลดลง -11.96%) GULF (-11.82%) HANA (-10.37%) AH (-10.09%) DELTA (-9.5%) TU (-3.28%) ขณะที่หากรวมเป็นผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรตลาดจะอยู่ราว -8.6 พันล้านบาท หรือ -0.7% ของกำไรตลาดปี 2025F ที่เราประเมิน 96 บาท
ในเชิงกลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว EA (YTD2025 Return +0.5%) GULF (-6.3%) HANA (+0.4%) AH (-3.07%) CK (-4.69%) DELTA (-4.92%) TU (-3.08%) แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป หากราคาปรับลงมา ได้แก่ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC
Strategy Update : Dividend Plays 2H24
ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"
Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก
o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%
o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)
กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ
1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)
2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ
พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ
หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),
หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO
โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี
• KBANK (Buy, TP-180): เรามีมุมมอง neutral ต่อกำไรสุทธิ 4Q24F คาดที่ 1.06 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +13% y-y เพราะการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากช่วง 4Q23 มีการตั้งเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคต ขณะที่กำไรลดลง -11% q-q จากการลดลงของเงินลงทุน (FVTPL) และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ตามปัจจัยฤดูกาล สำหรับสินเชื่อรวมคาดเพิ่มขึ้น +1.4% q-q คิดเป็น -0.9% YTD การเพิ่มขึ้น q-q จากสินเชื่อธุรกิจ ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารอยู่ในระดับที่จัดการได้ NPL Ratioที่ 3.25% เพิ่มขึ้นจาก 3Q24 ที่ 3.20% ภาพรวมเราชอบ KBANK และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารคู่กับ KTB (BUY, TP 24 บ.) เพราะเราเห็นพัฒนาการการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ในทางบวก ดังนั้นคาดว่ามีโอกาสเห็นค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) กลับสู่ระดับปกติในปี 2025F ที่ 140-160 bps
• BANK (Neutral): เราคาดธนาคารที่เราศึกษารายงานกำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 4.90 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +15% y-y เพราะ i) การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ ii) การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ขณะที่กำไรลดลง -11% q-q เพราะ i) การลดลงของ yield on loan ii) การลดลงของเงินลงทุน(FVTPL) iii) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) สำหรับเงินปันผล 2H24F คาด dividend yield ที่ 3-7% ภาพรวมปี 2025F เรามองธนาคารได้รับผลกระทบเชิงลบ จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อย่างไรก็ตามเราคาดจะเห็นผลบวกด้านคุณภาพสินทรัพย์ และธนาคารคงมีปันผลน่าสนใจ dividend yield คาดที่ 4-8% ต่อปี ดังนั้นเราคงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL และคง KBANK และ KTB เป็น Top Pick
• Utilities (Neutral): Former prime minister Thaksin Shinawatra recently discussed with Thailand's Energy Minister Mr. Pirapan about slashing household electricity tariff by 11% to Bt3.70 per unit. This could hurt SPP stocks, especially GPSC and BGRIM. If they cut tariff to Bt3.70 per unit (worst-case scenario) and all other conditions are unchanged (e.g., no government subsidy for gas), that could reduce our target price for GPSC and BGRIM by c.10%. We maintain a Neutral rating for the sector and Trading Buy call for GPSC and BGRIM.
2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility
Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE
Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI