Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

512

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 3 ม.ค.68 ปิด +4.91 จุด อยู่ที่ 1,384.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,604 ลบ. ต่างชาติซื้อ 479 ลบ. รายย่อยซื้อ 35 ลบ. พอร์ตโบรกขาย13 ลบ. และสถาบันขาย 501 ลบ.  NVDR มียอดซื้อสุทธิ 96 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,GULF,ADVAANC,SCB,CCET และยอดขายหุ้น PTTEP,DELTA,BCP,CPALL,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,165 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TGE,TIPH,JTS โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 27,971 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 1,564 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 6,118 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.80%, S&P500 +1.26%, Nasdaq +1.77% นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย & เทคโนโลยี เช่น Tesla, Nvidia และ Microsoft +1.1% รับแผนลงทุนมูลค่า 8 หมื่น ล.ดอลลาร์ในปี 68 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.49% จากแรงขายกลุ่มที่พึงพาอุปสงค์จีน เช่น เหมื่องแร่, สินค้าหรูหรา และผู้ผลิตรถยนต์ กอปรกับบริษัทผลิตสุรา & เบียร์ในยุโรปปรับลดลง หลังสหรัฐเตือนเกี่ยวกับมะเร็งบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

Market View

  • DJIA -0.60%, S&P500 -0.47%, Nasdaq -0.51% WoW จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี & สินค้าฟุ่มเฟือย โดย US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 6% หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่ม Growth สหรัฐ กอปรกับนักลงทุนรอประเมินนโยบายของทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ซึ่งนโยบายของทรัมป์ แม้ว่าจะเป็นบวกต่อกำไร บจ. แต่ก็อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐทรงตัวระดับสูง สัปดาห์นี้ติดตาม PMI/ISM ภาคบริการสหรัฐ ธ.ค., JOLTs ตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ พ.ย. คาด 7.65 & ต.ค. 7.744 ล.ราย, ADP การจ้างงานภาคเอกชน ธ.ค. คาด 143,000 & พ.ย. 146,000 ราย , Fed Minutes ธ.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ธ.ค. คาด 150,000 & พ.ย. 227,000 ราย และอัตราว่างงาน ธ.ค. คาดทรงตัวที่ 4.2% รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายๆ ท่าน
  • Stoxx 600 ยุโรป +0.20 % WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซที่ปรับขึ้นตาม Brent +3.3% WoW หลังยูเครนปิดท่อส่งก๊าซจากรัสเซีย ส่งผลให้กลุ่มยุโรปต้องนำเข้าก๊าซจากเยอรมัน, อิตาลี ที่มีต้นทุนแพงกว่า โดยนักลงทุนยังรอประเมิน ม.การค้าของทรัมป์ ที่ต้องการให้สหภาพยุโรปนำเข้าน้ำมัน & ก๊าซจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาวะขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อสหภาพยุโรป สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคบริการยูโรโซน ธ.ค. คาด 4 & พ.ย. 49.5, CPI & PPI ยูโรโซน ธ.ค. และยอดค้าปลีกยูโรโซน พ.ย.                
  • MSCI Asia Pacific X.Japan -1.03% WoW หลังดัชนีเซี่ยงไฮ้ -5.5%, ฮั่งเส็ง -1.64% WoW จากความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์อาจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่อัตรา 60% โดย ปธ.จีนเผยเตรียมใช้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุก เพื่อลดผลกระทบจาก ม.กีดกันการค้าของสหรัฐ ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +1.5% WoW ฟื้นตัวจากวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ หลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม ปธ.ยุล ที่ถูกสภา ฯ ลงมติถอดถอน และอยู่ระหว่างการไต่สวน สัปดาห์นี้ติดตาม Caixin PMI ภาคบริการจีน ธ.ค., CPI & PPI จีน ธ.ค. และยอดปล่อยสินเขื่อใหม่จีน
  • SET -1.19% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 28 หมื่น ลบ. +4.56 % WoW ต่างชาติขาย 1,140 ลบ. สถาบันซื้อ 260 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 23 ลบ. และรายย่อยซื้อ 883 ลบ. WoW โดยกลุ่มที่ปรับลดลง คือ อิเล็กทรอนิกส์ -5.68% WoW หลัง DELTA ถูกแรงขายจากความกังวลจะถูกเรียกเก็บภาษี Global Minimum Tax ที่ 15% จากปัจจุบันบริษัทจ่ายภาษีที่อัตรา 5.5% ซึ่งคาดจะส่งผลลบต่อกำไรบริษัทปีนี้ราว -10% ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว -2.8% WoW ก็ถูกแรงขายทำกำไร จากคาดการณ์กำไรปีนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตราลดลง เป็นผลจากฐานกำไรที่สูงของปีก่อน ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ เกษตร +2.0% WoW ได้ปัจจัยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ช่วยหนุนกลุ่มเกษตรส่งออก เช่น กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง, ปาล์ม ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี +0.69% WoW จากความหวังเชิงบวกต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ และกลุ่มธนาคาร +0.42% WoW จากแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มที่จ่ายปันผลสูง เช่น SCB, KTB โดยภาพรวม Fund Flow ต่างชาติในกลุ่ม TIP สัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิ -48.2 ล.ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอประเมินผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้ ก.พาณิชย์จะรายงาน CPI ไทย ธ.ค. คาด +1.4% & พ.ย. +0.95% YoY   

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,370 – 1,380 แนวต้าน 1,390 – 1,400 อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากนโยบายใหม่ของทรัมป์ และรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ จากรัฐบาล แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,CPAXT,MALEE,RBF/ กลุ่ม High Dividend เช่น SCB,KTB,ADVANC,INTUCH,SIRI
  • PCE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N/A) งวด 9M67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท +103%YoY ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรปกติในงวด 4Q67 จะยังดีขึ้น QoQ จากราคา CPO ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ช่วยชดเชยปริมาณขาย B100 ที่ถูกกระทบจากการปรับสัดส่วนเป็น B5 ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.67 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะรักษาระดับได้และผันผวนน้อยกว่าคนอื่นเนื่องจากธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ โดยทั้งปี 67 ผู้บริหารคาดรายได้จะเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 68 แม้ในประเทศจะถูกกระทบจาก B5 แต่จะได้ประโยชน์จากตลาดส่งออกในช่วง 1H ที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจากนโยบายปรับส่วนผสมไบโอดีเซลของอินโดนีเซียเพิ่มเป็น B40 ส่วน PCE เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่มี Market Share อันดับ 1 ของไทย มีความได้เปรียบการแข่งขันที่ตอนนี้ไทยยังไม่มีการเก็บ export tax
  • TEGH* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 4.63 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานปกติ 4Q67 ยังดูดีต่อเนื่อง YoY จากราคายางและน้ำมันปาล์มที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้คาดว่าสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR (ซึ่งราคาขายจะสูงกว่ายางปกติ/ 3Q67 สัดส่วนยางแท่ง EUDR อยู่ที่ราว 32%) จะสูงขึ้นด้วยแม้ EU เลื่อนการบังคับใช้ออกไปปี69 แต่ลูกค้ายังสั่งซื้ออยู่ ด้าน TEGH เองวางแผนขยาย Capacity ปี68 ในธุรกิจ Crude Palm Oil +51%, ธุรกิจ Organic Waste Management +18%, ธุรกิจ Biogas +48%, และ ธุรกิจ Electricity +44%   ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TEGH* จะอยู่ที่ระดับ 526 ลบ.(+145%YoY) และ 611 ลบ.(+16%YoY)

 

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.พ. +$0.83 อยู่ที่ $73.96 / บาร์เรล, Brent มี.ค. +$0.58 อยู่ที่ $76.51/บาร์เรล โดย WTI +5%, Brent +3.3% WoW นักลงทุนคาดหวังเชิงบวกต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ จะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมัน กอปรภาวะอากาศหนาวในสหรัฐ & ยุโรป

 

Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-14.30 อยู่ที่ $2,654.70 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.6% จากความกังวลนโยบายของทรัมป์ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้น

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -48.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -33.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -15.77 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.79 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.52 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.63 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +43 จุด อยู่ที่ 1,072

(+) BitCoinเช้านี้ +0.20% อยู่ที่ 98,411 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)Caixin PMI ภาคบริการจีน ธ.ค. คาด 51.4 & พ.ย. 51.5

(0)PMI ภาคบริการยูโรโซน ธ.ค. คาด 51.4 & พ.ย. 49.5

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

06 ม.ค.     สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สรุปผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์

แนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 1/68

08 ม.ค.     ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)

09 ม.ค.     สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แถลง "สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ปี

2567 และแนวโน้มปี 2568"

สัปดาห์ที2  กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

                สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก

                หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

ต่างประเทศ

06 ม.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ธ.ค.)

07 ม.ค.     US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ธ.ค.) 

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (พ.ย.)

08 ม.ค.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ธ.ค.)

09 ม.ค.     US รายงานการประชุมของ FOMC

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

10 ม.ค.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)

                US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ธ.ค.)

                US อัตราการว่างงาน (ธ.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio January 2025: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้