สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 มกราคม 2568)--------บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี จำ(มหาชน)KSS เปิดเผยว่า Global Minimum Tax อธิบดีกรมสรรพากรเผยว่า ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่มมีผล 1 ม.ค.2025 ป็นบริษัทที่มีรายได้รวม > 750 ล้านยูโรต่อปี
KSS ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ 1. กลุ่มส่งออกอาหาร คือ TU (Effective tax rate 7-8%) ส่วนที่คาดจะกระทบคือ บริษัทในเครือที่อยู่ในไทยราว 35% ที่ได้รับ BOI โดยรวมคาดกระทบต่อประมาณการกำไรปกติปี 2025F จำกัดในกรอบ 3-8% 2.) ชิ้นส่วนคือ DELTA (Effective tax rate 5.5%) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2025 F มี downside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15% 3.) กลุ่มโรงไฟฟ้า บางส่วนปัจจุบัน Effective Tax Rate อยู่ราว 5-10% หากนับเฉพาะผลกระทบภาษี คาดกำไรสุทธิจะกระทบอยู่ระหว่าง 5-10%
ทั้งนี้ ในส่วนรายละเอียดรายตัว คาดมีช่องทางบริหารจัดการได้ GULF จากการลงทุน ตปท. ของบริษัท มองฐานรายได้และกำไรที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจหลักและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ New Co จะทำให้ผลกระทบ จำกัดและบริหารจัดการภาษีภายในได้ BGRIM มีลงทุนต่างประเทศ และเป็นการ Conso คาดกระทบ ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าที่กระทบน้อย คือ GPSC ส่วนมากรับรู้เป็น equity income ส่วน RATCH และ EGCO กระทบน้อยจากฐานภาษีสูงใกล้เคียง 15%
4.) กลุ่ม Packaging SCGP มีธุรกิจที่เวียดนาม (14% ของรายได้) ที่อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติม แต่มองผลกระทบต่อภาพรวมจำกัด ประเมินเป็นจิตวิทยาลบอ่อนๆ
กลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบ ส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนตั้งแต่ต้น - กลางเดือน ธ.ค. 24 แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น
เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC