Market Wrap-Up
- SET วันที่ 27 ธ.ค.67 ปิด +3.66 จุด อยู่ที่ 1,401.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,889 ลบ. สถาบันซื้อ 1,451 ลบ. ต่างชาติขาย 79 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,038 ลบ. และรายย่อยขาย 333 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 780 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,IVL,SCC,ADVANC,CCET และยอดขายหุ้น KBANK,BCP,BDMS,KTB,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 980 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ ACE,COM7,DCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 30,434 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 14,266 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 559 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.77%, S&P500 -1.11%, Nasdaq -1.49% โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.66%, เทคโนโลยี -1.41%, บริการสื่อสาร -1% ถูกกดดันหลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 629% สูงสุดในรอบ 7 เดือน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.67% ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +1.4%, บริการสุขภาพ +1% และธนาคาร +1.3% นำโดย ธ.เครดิต อากริโกล, บีเอ็นพี พาริบาส์
Market View
- DJIA +0.36%, S&P500 +0.70%, Nasdaq +0.75% WoW ได้แรงหนุนในช่วง Santa Claus Rally โดยกลุ่มเทคโนโลยี+2.25% WoW เช่น Tesla, Microsoft, Alphabet แต่ยังถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 629% สูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้าจากเดิม 4 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% กอปรกับ รมว.คลังสหรัฐ เจเน็ต เยลเลน ชี้ระดับหนี้จะถึงเพดานหนี้ใหม่ในช่วงวันที่ 14 – 23 ม.ค. 68 ซึ่งต้องใช้ ม.พิเศษ บ่งชีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ สัปดาห์นี้ติดตาม ยอดสัญญาขายบ้านรอปิดการขาย พ.ย., S&P/C-S ดัชนีราคาบ้านสหรัฐ 20 เมือง ต.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, PMI/ISM ภาคการผลิตสหรัฐ ธ.ค.
- Stoxx 600 ยุโรป +1.0 % WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์, บริการสุขภาพ โดยตลาดหุ้นยุโรปปีนี้ +5.2% YTD ปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดสหรัฐ สาเหตุมาจากปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย - ยูเครน, อุปสงค์จากตลาดจีนที่ฟื้นตัวช้า และรอประเมินนโยบายการค้าของทรัมป์ หลัง EU ถูกกดดันให้นำเข้าน้ำมัน & ก๊าซเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรป สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ธ.ค.
- MSCI Asia Pacific X.Japan +1.4% WoW นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.95% WoW หลังรัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรพิเศษในปีหน้ามูลค่า 3 ลล.หยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปร World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปีหน้าอยู่ที่ 5% & เดิมคาดที่ 4.1% YoY ส่วนดัชนีนิเกอิ +4.0% WoW ได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอยู่ที่ 157.8 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นส่งออกญี่ปุ่น ขณะที่ BOJ ส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ หลัง Tokyo Core CPI ธ.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.4% & พ.ย. 2.2% YoY สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น, จีน ธ.ค.
- SET +2.67% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 1 หมื่น ลบ. -38.0 % WoW สถาบันซื้อ 4,584 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,389 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 2,265 ลบ. และรายย่อยขาย 3,708 ลบ. WoW โดยดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินของกองทุนประหยัดภาษี กอปรได้ปัจจัยหนุนจาก Season Effect ของ Santa Claus Rally ในตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. +8.2% YoY ดีกว่าคาดที่ 7 – 9% ส่งผลให้ส่งออกไทยปีนี้คาด +5.2% YoY และปีหน้าคาดจะขยายตัว 2 – 3% YoY โดยกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนีคือ กลุ่ม Domestic Play เช่น ท่องเที่ยว, ไอซีที, ไฟแนนท์ และค้าปลีก ที่ได้ปัจจัยหนุนจาก ม.ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน, ม.แจกเงินสด 1 หมื่นบาทให้กับผู้สูงอายุเกิน 60 ปี และ ม.Easy E-Receipts ที่สามารถหักค่าลดหย่อนภาษีจากรายการซื้อสินค้า & บริการ 3 หมื่นบาท และสินค้า OTOP 2 หมื่นบาท ในช่วงวันที่ 15 ม.ค. – 28 ก.พ. 68 โดยภาวะการซื้อขายวันนี้ คาดจะได้ปัจจัยหนุนจากการทำ Window Dressing และการรีบาลานท์ SET50 ที่จะนำ BANPU, CCET, COM7, SAWAD และ SET100 คือ CCET, COCOCO, JTS, PR9 เข้าคำนวณดัชนีในรอบ 1H/68
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,390 แนวต้าน 1,405 – 1,410 คาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินของกองทุนประหยัดภาษี และการทำ Window Dressing แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC,CRC,COM7,SYNEX ได้ประโยชน์ ม.กระตุ้นกำลังซื้อ / ไอซีที ADVANC,INTUCH,TRUE คาดรายได้การใช้ข้อมูลสูงขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเก็งกำไร SCC,SCGP,PTTGC,BCP,BANPU,LH,AP,SIRI มีโอกาสทำ Window Dressing
- CBG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 92.50 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 3Q67 อยู่ที่ 734 ล้านบาท เติบโต +7%QoQ, +40%YoY ได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศของเครื่องดื่ม energy drink และรายได้รับจ้างจัดจำหน่ายสุราข้าวหอม-เบียร์คาราบาว ประกอบกับต้นทุนเศษแก้วและพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนแนวโน้ม 4Q67 คาดกำไรเติบโตได้ต่อ QoQ, YoY โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต +20% ในปี 68 คาดส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มเป็น 26% ในสิ้นปี และ 29% ในปีหน้า ผ่านกลยุทธ์เดิมที่ราคาขาย 10 บาท/ขวด ประเมินแนวโน้มต้นทุนการผลิตลดลงจาก raw mat และการประหยัดต่อขนาด ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 8 พันล้านบาท +46%YoY และ 3.2 พันล้านบาท +13%YoY โดยยังมี upside จากการกลับไปทำตลาดในจีน
- TEGH* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 4.63 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานปกติ 4Q67 ยังดูดีต่อเนื่อง YoY จากราคายางและน้ำมันปาล์มที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้คาดว่าสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR (ซึ่งราคาขายจะสูงกว่ายางปกติ/ 3Q67 สัดส่วนยางแท่ง EUDR อยู่ที่ราว 32%) จะสูงขึ้นด้วยแม้ EU เลื่อนการบังคับใช้ออกไปปี69 แต่ลูกค้ายังสั่งซื้ออยู่ ด้าน TEGH เองวางแผนขยาย Capacity ปี68 ในธุรกิจ Crude Palm Oil +51%, ธุรกิจ Organic Waste Management +18%, ธุรกิจ Biogas +48%, และ ธุรกิจ Electricity +44% ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TEGH* จะอยู่ที่ระดับ 526 ลบ.(+145%YoY) และ 611 ลบ.(+16%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.พ. +$0.98 อยู่ที่ $70.60 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$0.91 อยู่ที่ $74.17/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI , Brent +1.4% หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4.2 ล.บาร์เรล กอปรกับคาดหวังเชิงบวกต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-22.0 อยู่ที่ $2,631.90 /ออนซ์ สัญญาทองคำ -0.5% WoW หลังเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่า และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.629% ซึ่งเป็นปัจจัยลบกดดันสัญญาทองคำ
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +52.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +40.40 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +8.01 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.67 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 34.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.625 %
(0) ดัชนี BDI ปิดทำการในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
(-) BitCoinเช้านี้ -1.63% อยู่ที่ 93,573 ดอลลาร์สหรัฐ
(+)PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น ธ.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 49.6 & พ.ย. 49.0
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที2 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(ม.ค.)
ต่างประเทศ
31 ธ.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน
02 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ธ.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
03 ม.ค. US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (ธ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio December 2024: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th