สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 ธันวาคม 2567)------บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TAKUNI เปิดเผยว่า ตามรายงานงบการเงินไตรมาส 3 ประจำปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ของบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) บริษัทขอเรียนชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับหน้ารายงานผู้สอบบัญชี ดังนี้

การจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญบริษัท เอ็นริช เวนเจอร์ จำกัด (“EN”)

ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ได้มีมติให้บริษัทจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท เอ็นริช เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทร่วมที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20.00 ทั้งนี้ ภายหลังการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ EN ดังกล่าว เป็นการสิ้นสภาพบริษัทร่วมของ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

-วัน เดือน ปี ที่เกิดรายการ : 30 เมษายน 2567

- คู่สัญญา และความสัมพันธ์กับบริษัท :
ผู้ซื้อ : 1. บริษัท เอ แอสเสท จำกัด 2. บริษัท เอ็นริช เอสเตท โฮลดิ้ง จำกัด
ผู้ขาย : บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ความสัมพันธ์กับระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย : ไม่มี

 

-ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ และ มูลค่าขนาดรายการ : การจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญ โดยบริษัทจะจำหน่าย เงินลงทุนทั้งหมด จำนวน 360,000 หุ้น หรือร้อยละ 20.00 ของทุนจดทะเบียน EN มูลค่า 40,064,400 บาท ให้แก่ บุคคลข้างต้น ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลเกี่ยวโยงกัน โดยบริษัทได้จำหน่ายหุ้นสามัญ EN ให้แก่ บริษัท เอ็นริช เอสเตท โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 270,000 หุ้น มูลค่า 30,048,300 บาท และบริษัท เอ แอสเสท จำกัด จำนวน 90,000 หุ้น มูลค่า 10,016,100 บาท

 

-เหตุผลที่มีการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าว : บริษัทมีการปรับกลยุทธ์หลักของกลุ่มธุรกิจ โดยเพิ่มการขยายสัดส่วนการ ลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น และให้สอดคล้องกับกระแสของ Mega Trend ประกอบกับแนวโน้มในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตที่ลดลงนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด 19

 

 

-ความคืบหน้าในการรับชำระเงินจากการจำหน่ายเงินลงทุน : บริษัทและคู่สัญญาทั้ง 2 ราย ตกลงกำหนดงวดการ ชำระเงิน ในงวดที่ 1 คือ วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดชำระเงินในงวดที่ 1 บริษัทได้มีการติดตามทวงถามพร้อมเรียกดอกเบี้ยผิดนัดชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โดยคู่สัญญาขอเลื่อนกำหนดการชำระเงินงวดที่ 1 เป็นวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ซึ่งบริษัทได้รับรับชำระเงิน ค่าหุ้นดังกล่าวจากคู่สัญญาพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชำระแล้ว

 

 

การจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท รักษาความปลอดภัย การ์เดี่ยนโกลบอล จำกัด (“GGS”)

ตามที่บริษัทได้แจ้งการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท รักษาความปลอดภัย การ์เดี่ยนโกลบอล จำกัด โดยมีผลทำ ให้สิ้นสภาพเป็นบริษัทย่อย และบริษัทรับรู้เป็นเงินลงทุนอื่น ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้โอนหุ้นให้แก่ผู้ซื้อตามสัดสัดส่วนที่มีการชำระเงิน เนื่องจากตามสัญญาตกลงโอนหุ้นให้แก่ผู้ซื้อต่อเมื่อผู้ซื้อชำระค่าหุ้นตามเงื่อนไขแต่ละงวดครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่าง ติดตามทวงถามการชำระค่าหุ้นจากผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยปรึกษากับทีมกฎหมายอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามการรับชำระค่าหุ้นให้ ครบถ้วน อีกทั้งบริษัทมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการติดตามการชำระค่าหุ้นต่อไป

 

 

ข้อพิพาทที่บริษัทถูกฟ้องร้องให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายและการโอนหุ้น บริษัทถูกบุคคล 2 ราย (“โจกท์”) ฟ้องร้องให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายและโอนหุ้นในบริษัท รักษาความปลอดภัย

การ์เดี่ยนโกลบอล จำกัด (“GGS”) ซึ่งเป็นนิติกรรมขณะที่บริษัทเข้าซื้อเงินลงทุนใน GGS โดยได้รับหมายเรียกคดีแพ่งจากศาลจังหวัด นนทบุรี โดยเปิดหมายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 และบริษัทได้ยื่นคำให้การต่อสู้คำฟ้องของโจทก์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ศาล จังหวัดนนทบุรีได้ชี้สองสถานเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 และนัดสืบพยานในวันที่ 2-5 กันยายน 2568 ปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่าง การพิจารณาของศาลจังหวัดนนทบุรี

มาตราการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่เข้าลงทุน บริษัทมีนโยบายการลงทุนในกิจการที่สามารถเอื้อประโยชน์กับบริษัท ซึ่งกำหนดอำนาจการอนุมัติ พิจารณา เป็นลำดับขั้น อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันโดยกำหนดนโยบาย ดังนี้

1) การลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทจะต้องมีอำนาจควบคุมหรือกำหนดนโยบายบริหาร โดยคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งให้ ประธานกรรมการบริหาร /กรรมการผู้จัดการ หรือกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทย่อย เพื่อกำหนดนำนโยบายและแนวปฎิบัติต่าง ๆ ให้บริษัทย่อยนำไปปฏิบัติเกิดการควบคุมให้การปฏิบัติงานและการบริหาร เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

 

2) การลงทุนในบริษัทร่วม บริษัทจะต้องมีสิทธิในการส่งตัวแทนของบริษัทเข้าร่วมเป็นกรรมการตามสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อ ร่วมกำหนดนโยบายที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งดูแลและตรวจสอบการบริหารให้เป็นไปตามกลยุทธ์ที่ร่วมกันกำหนด 3) การบริหารความเสี่ยง บริษัทมีการประเมินความเสี่ยงขององค์กรอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกไตรมาส รวมถึงการ ประเมินความเสี่ยงทางด้านการเงิน การติดตามลูกหนี้ เพื ่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และรายงานต่อคณะกรรมการ บริษัท เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางการบริหารความเสี่ยง การลดความเสี่ยงของบริษัท

 

การพิจารณาให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทที่เข้าลงทุน บริษัทกำหนดนโยบายและการทำรายการระหว่างกัน โดยมีแนวทางรายการรับหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงิน จะต้อง เป็นไปด้วยความจำเป็น มีความสมเหตุสมผล มีข้อตกลงและเงื่อนไขที่เป็นธรรม ตลอดจนก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท สำหรับ รายการค้ำประกันอันเนื่องมาจากความจำเป็นในการขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งถือ เป็นเงื่อนไขปกติของสถาบันการเงินในการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจ โดยการค้ำประกันไม่ว่าจะเป็นในทางตรงหรือการวางสินทรัพย์ค้ำประกัน บริษัทต้องไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการค้ำประกัน และต้องไม่ทำให้บริษัทเสียประโยชน์แต่อย่างใด สำหรับรายการรับการค้ำประกัน จะต้องเป็นไปตามความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายให้คณะกรรมการตรวจสอบเป็นผู้พิจารณาและให้ความเห็น เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นต่อการทำรายการรับหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับ รายการให้และรับการค้ำประกัน โดยให้ทำรายการเสมือนทำกับบุคคลภายนอก รวมถึงพิจารณาราคาที่เป็นธรรมในการทำรายการ และ ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และข้อบังคับ ประกาศ คำสั่งหรือข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน