Market Wrap-Up
- SET วันที่ 23 ธ.ค.67 ปิด +21.84 จุด อยู่ที่ 1,386.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,625 ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,249 ลบ. สถาบันซื้อ 507 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 416 ลบ. และรายย่อยขย 2,341 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,428 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,TOP,TRUE,SCC,CPALL และยอดขายหุ้น BDMS,BH,GULF,BCP,PTTGC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,878 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ ACE,BCP,BEM โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,541 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 23,604 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,032 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.16%, S&P500 +0.73%, Nasdaq +0.98% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +1.35%, เทคโนโลยี +1.26% นำโดยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven ขณะที่กลุ่มอุปโภค -0.57%, วัสดุ -0.12% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ธ.ค. ลดลงอยู่ที่ 104.7 & คาด 113.8 & พ.ย. 112.8 และยอดขายบ้านใหม่ พ.ย. +5.9% & ต.ค. -14.8% MoM ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.14% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +1.4% หลังหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ +5.7% รับข่าว FDA สหรัฐอนุมัติยารักษาโรคเลือด
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร , เทคโนโลยี หลังข้อมูล US Core PCE พ.ค. +2.8% น้อยกว่าคาดที่ +2.9% YoY ช่วยลดความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐ กอปรสภาคองเกรสสหรัฐได้ผ่านร่างบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่จะใช้งบได้ถึงวันที่ 14 มี.ค. 68 เพื่อเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายชะลอตัวในช่วงคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐวันนี้จะเปิดทำการครึ่งวัน และปิดทำการในวันที่ 25 ธ.ค.สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ S&P/CS ดัชนีราคาบ้านสหรัฐ ต.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ นำโดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ +5.7% หลัง FDA สหรัฐอนุมัติให้ขายยารักษาโรคเลือด ส่วนรายงาน GDP อังกฤษ Q3/67 ไม่ขยายตัว เมื่อเทียบกับ Q2/67 +0.4% QoQ โดย BOE คาด GDP Q4/67 จะขยายไม่มาก ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ว่าที่ ปธ. ทรัมป์ต้องการให้ EU ซื้อน้ำมัน & ก๊าซจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อชดเชยยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ มิฉะนั้นอาจถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU สัปดาห์นี้วันพุธ - พฤหัสตลาดหุ้นยุโรปหยุดในเทศกาลคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ก็ฟื้นตัวตามดัชนีหุ้นสหรัฐ โดยนักลงทุนคลายความกังวลต่อทิศทางการลดดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า หลังข้อมูล US PCE พ.ย. ต่ำกว่าคาด โดยดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.19% รับข่าวการควบรวมกิจการระหว่าง Honda & Nissan คาดจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปีหน้า ขึ้นเป็นค่ายรถยนต์อันดับ 3 ของโลก เพื่อรับรองการแข่งขันกับ EV จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม BOJ Minutes เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า
- SET วานนี้ +1.6% ปริมาณการซื้อขาย 4.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,249 ลบ. สถาบันซื้อ 507 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 416 ลบ. และรายย่อยขาย 2,341 ลบ. โดยหุ้น Big Cap. ในกลุ่มไอซีที, ค้าปลีก, รพ., ขนส่ง และไฟแนนท์ เริ่มฟื้นตัว หลังสัปดาห์ก่อนนักลงทุนต่างชาติขายปรับพอร์ต จากความกังวลเฟดจะชะลอตัวการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่า ซึ่งเป็นผลลบต่อ Fund Flow ในตลาดหุ้นกลุ่มอาเซียน โดยดัชนี SET ยังได้ปัจจัยจากหุ้นกลุ่ม Domestic Play และท่องเที่ยว ตอบรับ High Season ในช่วงปีใหม่ – ตรุษจีน โดย ททท.คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าไว้ที่ 39 ล.คน และไทยเที่ยวไทยจำนวน 200 ล.คน/ครั้ง ซึ่งคาดรายได้จากการท่องเที่ยวปีหน้า +7.5% YoY ส่วนบอร์ดแรงงานวานนี้มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำใน 17 กลุ่มจังหวัดในอัตรา 7 – 55 บาท โดยมี 4 จังหวัด 1 อำเภอที่ปรับขึ้นสูงสุด 400 บาท คือ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.เกาะสมุย วันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.คาดจะอนุมัติ ม.Easy E-Receipt และ ม.แจกเงินสดเฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ ส่วนวันพุธ ก.พาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. คาด +9.0% & ต.ค. +14.6% YoY
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,370 – 1,380 แนวต้าน 1,400 คาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่ม Domestic Play และท่องเทียวในช่วง High Season รวมถึง ม.ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, Easy E-Receipt และ ม.แจกเงินสดเฟส 2 แนะนำซื้อเก็งกำไร CRC,HMPRO,COM7,SYNEX,OSP,MINT,ERW,AAV,BA,AWC,CPN คาดได้ประโยชน์จาก Easy E-Receipt / ADVANC,INTUCH, GULF,CPALL,BH,BDMS มูลค่า Fair Value อยู่ในโซนไม่แพง
- AWC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.82 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 3Q67 ที่ 1 พันล้านบาท -9%QoQ, +0.3%YoY มีกำไรหลัก 288 ล้านบาท +42%QoQ, +129%YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ และสมุย ส่งผลให้อัตราการเข้าพัก (Occ Rate) และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (Rev Par) ปรับตัวดีขึ้น ส่วนธุรกิจพื้นที่เช่าประคองตัว ส่วนแนวโน้ม 4Q67 มีบวกต่อเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว เริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดโรงแรมใหม่ช่วงเดือน ธ.ค.-ต้นปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาด Core profit ในปี 67-68 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท 2.6 พันล้านบาท +29%YoY
- KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย75 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 74 ลบ. (+4.35%YoY, -0.10%QoQ) ภาพ QoQ ทรงตัวจากสาขาที่เปิดใหม่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ให้ offset ต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะ ค่าเสื่อมฯ D&A 3Q67 อยู่ที่ 73.41 ลบ.(+47.99%YoY, +7.34%QoQ) ทั้งนี้หากตัดปัจจัยดังกล่าวออกไป EBITDA จะ+18.62%YoY, +4.65%QoQ ด้านการดำเนินงานไตรมาสถัดๆไป เราคาดว่าแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายขยายสาขาจะมีน้ำหนักน้อยลง โดยปี68 คาดว่า KLINIQ จะเปิดสาขาใหม่อีกราว 10 สาขา (aggressive น้อยกว่าปีนี้ที่คาดเปิด 20 สาขา/ 9M67 เปิดแล้ว 14 สาขา) ปัจจุบัน เราประเมิน กำไรสุทธิปี67 และ 68ของ KLINIQ ที่ 302 ลบ.( +4.70%YoY) และ 366 ลบ.(+21.17%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.พ. -$0.22 อยู่ที่ $69.24 / บาร์เรล, Brent ก.พ.-$0.31 อยู่ที่ $72.63/บาร์เรล สัญญาน้ำมันถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า กอปรกับกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดในปีหน้า
Gold Update(-)Comex Gold ก.พ.-$16.90 อยู่ที่ $2,628.20 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.39% อยู่ที่ 108.037 และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.536%
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +45.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +65.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -24.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +4.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 34.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.581 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +4 จุด อยู่ที่ 994
(0) BitCoinเช้านี้ทรงตัว อยู่ที่ 94,379 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
27 ธ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 ธ.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ธ.ค.)
24 ธ.ค. US ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ย.)
26 ธ.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio December 2024: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th