วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเวลาซื้อขาย โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ท าให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap และแรงขายในหุ้น Top จากความกังวลต้นทุนโครงการ CFP เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,365.07 จุด -12.46 จุด -0.90%มูลค่าการซื้อขาย 60,033.65 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -66.60 จุด -4.65%) Program Trading-1,683.42 ลบ. ต่างชาติ -2,117.59 ลบ. TFEX +3,415 สัญญา ตราสารหนี้ +3,766.09 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 498.02 จุด หรือ +1.18% เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้คลายความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ลดลง2.25%
+สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ +0.12% ปิดที่69.46 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดเงินดอลลาร์อ่อนค่า และกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันโลกในปี 2567 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงราว 2.5%
+ รัฐบาลสหรัฐฯ รอดชัตดาวน์หลังจ่กวุฒิสภาอนุมัติร่างกม.งบประมาณชั่วคราวท าให้รัฐบาลสหรัฐฯ ทำการต่อไปได้จนถึงกลางเดือนมี.ค. 68 แต่ร่ากฎหมายนี้ไม่ได้รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้อง
+ WHO ออกแถลงการณ์ร่วมชี้ไข้หวัดนก (H5N1) ยังมีความเสี่ยงต่ำต่อระบบสาธารณสุขโลก
+การประชุม ครม.สัปดาห์นี้ ก.คลังเตรียมเสนอการออกสลากการกุศลวงเงิน 10,000ล้านบาทเพื่อน าไปใช้ในโครงการ 1 อ าเภอ 1 ทุนการศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษาในต่างจังหวัดตามนโยบายรัฐบาล มาตรการ Easy E-receipt วงเงิน 50,000 บาท(15 ม.ค.-28 ก.พ.2568) รวมทั้งแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 2569-73รักษาการขาดดุลที่ระดับเดิมหรือลดลงเพื่อรักษาสมดุลการคลัง และยังคงสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 70% ตามกรอบวินัยการเงินการคลังเดิม
+ EXIM BANK คาด GDP ปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัว จากการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนและการบริโภค ควบคู่กับความต้องการจากต่างประเทศในภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ
-สหรัฐฯ ให้งบประมาณสนับสนุนด้านการป้องกันประเทศมูลค่า 571.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งอนุมัติการขายอุปกรณ์ด้านการทหารมูลค่า 265 ล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน ขณะที่จีนเพิ่มแรงกดดันทางทหารต่อไต้หวัน
-นักวิชาการมองตลาดการเงินโลกในปี 2568 จะมีความผันผวนสูงมากจากทิศทางดอกเบี้ย ภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการกีดกันและสงครามทางการค้า ภาษีและหนี้สาธารณะฟองสบู่ในตลาดการเงิน มีความไม่แน่นอนสูงและคาดการณ์ได้ยาก
-มูดีส์ฯ อยู่ระหว่างพิจารณาจัดอันดับเครดิตประเทศไทยโดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงทางการคลังที่เพิ่มขึ้น การขาดดุลทางการคลังต่อ GDP ว่าจะมีแนวโน้มลดลงหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยรายงานในช่วงต้นปี 2568
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสรีบาวด์หลังดัชนี PCE สหรัฐปรับตัวขึ้นเพียง 2.4% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มในปี 2025 นอกจากนี้ในวันที่ 24 ธ.ค. ครม.เตรียมพิจารณามาตรการEasy E-receipt เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มองกรอบดัชนี 1,360-1,380 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ปรับดัชนีFTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธ.ค. 67 : FTSE SET Large Cap เข้า MINT ออก EA FTSE SETMid Cap เข้า CCET EA ออก BLAND BYD MINT ORI SPCG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์สำหรับคำนวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWADออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSPTASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG