Market Wrap-Up
- SET วันที่ 20 ธ.ค.67 ปิด -12.46 จุด อยู่ที่ 1,365.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,033 ลบ. ต่างชาติขาย 2,117 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 178 ลบ. สถาบันซื้อ 90 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,205 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 868 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,AOT,PTTEP,TOP,BEM และยอดขายหุ้น KBANK,SCC,BTS,DELTA,BANPU มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,433 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SPRC,OR,STECON โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,415 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 21,063 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 3,766 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.18%, S&P500 +1.09%, Nasdaq +1.03% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา ฯ +1.8% และดัชนี Russell 2000 หุ้นขนาดเล็ก +0.9% หลังรายงาน US PCE พ.ย. +2.4% & คาด +2.5% YoY และการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย. +0.4% & คาด +0.5% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.88% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ -4.1% ขณะที่กลุ่มอสังหา ฯ +1.4%
Market View
- DJIA -2.25%, S&P500 -1.99%, Nasdaq -1.78% WoW หลังเฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ย 25% ตามคาดอยู่ที่ 4.25% - 4.5% แต่ลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปีหน้าจาก ก.ย. คาดไว้ 4 ครั้ง เหลือเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจ & ตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่า และคาดเงินเฟ้อสหรัฐปี 67, ปี 68 คาดที่ 2.4% และ 2.5% สูงกว่าเดิมคาดไว้ที่ 2.3%, 2.1% ตามลำดับ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง แต่วันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว หลังรายงาน US Core PCE พ.ค. +2.8% น้อยกว่าคาดที่ +2.9% YoY ช่วยลดความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐ กอปรสภาคองเกรสสหรัฐได้ผ่านร่างบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่จะใช้งบได้ถึงวันที่ 14 มี.ค. 68 เพื่อเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค., คำสั่งซื้อสินค้าคงทน พ.ย.,ยอดขายบ้านใหม่ พ.ย., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ S&P/CS ดัชนีราคาบ้านสหรัฐ ต.ค.
- Stoxx 600 ยุโรป -2.75 % WoW ลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วน BOE อังกฤษมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 75% หลังรายงาน CPI อังกฤษ พ.ย. อยู่ที่ 2.6% & ต.ค. 2.3% YoY ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาจากเงินเฟ้อของภาคบริการ โดยตลาดคาด BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในปีหน้า ดัชนียังถูกกดดันจากทรัมป์ต้องการให้ EU ซื้อน้ำมัน & ก๊าซจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อชดเชยยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ มิฉะนั้นอาจถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU สัปดาห์นี้วันพุธ - พฤหัสตลาดหุ้นยุโรปหยุดในเทศกาลคริสต์มาส
- MSCI Asia Pacific X.Japan -3.1% WoW ปรับลดลงตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ หลังเฟดคาดจะลดดอกเบี้ยในปีหน้าเพียง 50% จากเดิมคาดจะลด 1.0% ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.52% และ Dollar Index แข็งค่าอยู่ที่ 107.62 ซึ่งเป็นผลลบต่อ Fund Flow ชะลอการลงทุนในตลาดเอเชีย ขณะที่ BOJ มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.25% แม้ว่าเงินเฟ้อญี่ปุ่น พ.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.9% & ต.ค. 2.3% YoY แต่ BOJ ต้องการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อลดความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ
- SET -4.65% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 0 หมื่น ลบ. +31.6 % WoW สถาบันขาย 7,577 ลบ. ต่างชาติขาย 4,233 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,109 ลบ. และรายย่อยซื้อ 12,918 ลบ. WoW โดยกลุ่มค้าปลีก -11.4% WoW หลัง CPAXT ประกาศลงทุนใน The Happitat ของกลุ่มบริษัทในเครือ MQDC ส่งผลให้กลุ่มสถาบันกังวลต่อมาตราฐานด้าน ESG & CG ของบริษัท ส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์, ท่องเที่ยว และขนส่งที่เป็นกลุ่ม Global Play ก็ปรับลดลง หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวได้ช้า ขณะที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้า กอปรกับ กนง.มีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.25% ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, อิเล็ก ฯ และไอซีที จากปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี SET ปัจจุบันเทรดที่ F/PE 15.5 X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ 16.0 X โดยมี Earning Yield Gap ที่ 4.8% ดังนั้นสัปดาห์นี้ประเมินดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัว กอปรคาดได้แรงหนุนจาก Fund Flow ของกองทุน Thai ESG, SSF, RMF ช่วยหนุน ประเด็นที่ต้องติดตามวันอังคาร ประชุม ครม.อนุมัติ ม.Easy E-Receipt และ ม.แจกเงินสดเฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ / วันพุธ ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. คาด +9.0% & ต.ค. +14.6% YoY
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 – 1,360 แนวต้าน 1,375 – 1,380 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว จาก Valuation ที่อยู่ในโซนถูก กอปรดัชนีอยู่ในภาวะ Oversold แนะนำซื้อเก็งกำไร CRC,BJC,HMPRO,COM7,SYNEX,CBG,OSP คาดได้ประโยชน์จาก Easy E-Receipt/ กลุ่ม Big Cap เช่น ADVANC,INTUCH, GULF,CPALL,BH,BDMS ที่มูลค่าทางปัจจัยพื้นฐานอยู่ในโซนน่าลงทุน
- OSP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 26.25 บาท) แนวโน้มกำไร 4Q67 จะกลับมาเติบโต QoQ, YoY หนุนจากรายได้กลุ่มเครื่องดื่มและ personal care ที่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้คาดมีกำไรจากการขายโรงงานแก้วในพม่า 130 ล้านบาท สำหรับปี 68 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต high single digit การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำให้รักษาระดับ GPM ได้ ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรปี 67-68 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท -13%YoY และ 3.2 พันล้านบาท +54%YoY
- NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 90 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 135 ลบ. +84%YoY +2%QoQ แม้จะเป็น Low Season แต่มีปัจจัยพยุงรายได้บางส่วนมาจากสินค้าใหม่ๆที่ได้รับความนิยม เช่น แซนวิชไส้ทาร์ตไข่ ขณะที่ 4Q67 จะเข้าสู่ High Season กำไรปกติมีโอกาส +YoY +QoQ และมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค/ สินค้าออกใหม่ เช่น ช็อกโกแลตดูไบ นอกจากนี้ NSL ยังมี Story การลงทุนใน ธุรกิจสินค้าจากมะพร้าว/ข้าวโพดอ่อน ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 493 ลบ. (+43%YoY) และ 565 ลบ.(+15%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.พ. +$0.08 อยู่ที่ $69.46 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$0.06 อยู่ที่ $72.94/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI , Brent -2.5% ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า ซึ่งเป็นผลลบต่อสัญญาน้ำมัน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า กอปรกับเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้า อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันตลาดโลกชะลอตัว
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+$37.0 อยู่ที่ $2,645.10 /ออนซ์ สัญญาทองคำ -0.9% WoW หลังเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้า โดยสัญญาทองคำฟื้นตัวในวันศุกร์ หลังข้อมูล US PCE พ.ย. ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ Dollar Index กลับมาอ่อนค่า -0.73%
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -447.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -123.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -253.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -69.92 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.532 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +14 จุด อยู่ที่ 990
(-) BitCoinเช้านี้ -2.94% อยู่ที่ 94,387 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
27 ธ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 ธ.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ธ.ค.)
24 ธ.ค. US ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ย.)
26 ธ.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio December 2024: SAV, SYNEX*, CRC, WHA, SHR
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th