วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย ตามทิศทางตลาดต่างประเทศแม้ว่าผลการประชุมเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% แต่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจากเดิม 4 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,377.53 จุด -21.42 จุด-1.53% มูลค่าการซื้อขาย 49,259.21 ลบ. Program Trading -2,838.83 ลบ. ต่างชาติ +102.03 ลบ.TFEX -5,243 สัญญา ตราสารหนี้ +12,364.99 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 42,342.24 จุด เพิ่มขึ้น 15.37 จุด หรือ +0.04% แม้ดีดตัวขึ้นกว่า 400 จุดแต่ลดช่วงบวกและปิดตลาดบวกเล็กน้อยหลังทรุดลงกว่า 1,000 จุดในวันพุธเนื่องจาก FED ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งในปีนี้และปีหน้า
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 GDP 3Q67 +3.1% เพิ่มขึ้นจาก +2.8%ของตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 จาก +3% ใน 2Q67 และ 1.4% ใน 1Q67ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและการพุ่งขึ้นของการส่งออก
+ สหรัฐเปิดเผยดัชนีชี้น าเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.3% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -0.1% จากระดับ -0.4% ในเดือนต.ค.
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ220,000 ราย ต่ ากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 229,000 ราย
+ สหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 4.8%MoM สู่ระดับ 4.15 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.09 ล้านยูนิต ยอดขายบ้านพุ่งขึ้น 6.1%YoY ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี
+ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6%
+ ก.คลังเตรียมเสนอมาตรการ Easy e-Receipt ให้ครม.อนุมัติสัปดาห์หน้า ลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าบริการสูงสุด 50,000 บาท เริ่มใช้ ม.ค.68
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่69.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก FED และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงในปีหน้า
- สหรัฐดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ -16.4 ในเดือนธ.ค.ต่ าสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2566 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ +3.0 จากระดับ -5.5 ในเดือนพ.ย. ดัชนีมีค่าเป็นลบบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวจากค าสั่งซื้อใหม่ลดลง
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6-3 ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75% สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบ 8 เดือน และตัวเลขค่าจ้างดีดตัวขึ้นมากกว่าคาด
+/- FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 91.4% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค. 2568 เพิ่มจาก
77.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้เคลื่อนไหว Sideway Down จากแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศโดยมีแรงขายในหุ้น CPALLและ CPAXT อย่างไรก็ตาม GDP
ประจำ3Q67 ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสู่ 3.1% ซึ่งสูงกว่าครั้งก่อนเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,370-1,385 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ปรับดัชนีFTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธ.ค. 67 : FTSE SET Large Cap เข้า MINT ออก EA FTSE SETMid Cap เข้า CCET EA ออก BLAND BYD MINT ORI SPCG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์สำหรับคำนวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWADออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSPTASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG