AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตัว
เลือกหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นรัฐฯ
Market Strategy
SET Index อยู่ในช่วงพักฐานตามกรอบ 1365-1390 จุด ความผันผวนในระยะสั้นยังคงมีอยู่จากการปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยฯ ของ FED ที่ช้าลง เป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลออก แต่หากประเมินการปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เบาลง อาจสะท้อนแรงขายในตลาดหุ้นบ้านเราที่อาจลดลงตาม ส่วนปัจจัยในประเทศมีความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้น Easy E-Receipt วันนี้เลือก COM7 และ CRC เป็น Top Pick
รายงาน GDP3Q67 ครั้งสุดท้ายขยายตัว 3.1%QoQ Annualized ดีกว่าคาด 2.8%QoQ Annualized หนุนจากภาคบริโภคและการลงทุนของรัฐฯ ด้านการรายงาน Initial Jobless Claim เพิ่มขึ้น 2.2 แสนตำแหน่งดีกว่าตลาดคาด 2.3 แสนตำแหน่ง สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและสนับสนุนมุมมองการลดดอกเบี้ย FED ได้ช้าลง ด้านมุมมองตลาดล่าสุด FEDWATCH Tool คาดลดดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือ 1 ครั้ง จากก่อนประชุม FED คาดลด 2 ครั้ง ผลจากการปรับมุมมองข้างต้น ยังสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นและตราสารหนี้ สะท้อนได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับลงเฉลี่ย -0.05% ส่วน U.S. 10 Yr Bond Yield ปรับขึ้น 5 bps จึงเชื่อว่าแรงกดดันต่อทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังมีอยู่
รมว. คลัง เผยเตรียมเสนอมาตรการ Easy E-Receipt เข้า ครม. เพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้า เรามองเป็นบวกเนื่องจาก การประกาศใช้มาตรการในรอบนี้ที่ช้ากว่ารอบก่อนที่เกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 ทำให้การชะลอกำลังซื้อในช่วง 4Q67 มีไม่มาก ขณะที่การมีมาตรการ Easy Receipt จะช่วยหนุนต่อภาคบริโภคในช่วง 1Q68 โดยหากอิงเงื่อนไขมาตรการเหมือนรอบก่อน (ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท) ที่คลังคาดว่าช่วยกระตุ้น GDP67 +0.18% และเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 7 หมื่นล้านบาท และหากรวมกับมาตรการแจกเงินผู้สูงอายุวงเงิน 4 หมื่นบาทในช่วงตรุษจีน เป็นตัวช่วยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศดีขึ้น ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกมากที่สุดซึ่งเราชอบหุ้นที่ค่าใช้จ่ายต่อบิลสูง อย่าง COM7 HMPRO และ CRC
Market Summary
SET Index ปรับลง -1.5% กลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่มที่โดนกดดันจาก U.S. Bond Yield ที่ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มไฟแนนซ์ปรับลงแรง TIDLOR -6% MTC -6% SAWAD -4.4% กลุ่ม ICT ADVANC -2.8% TRUE -3.6% กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC -1.2% BGRIM -1.6% GULF -2.5% กลุ่มค้าปลีก CPALL -3.5% CPAXT -4.6% กลุ่มOutperform คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์บาทอ่อน HANA +5% KCE +10% ITC +2.3% TU +1.6%
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ COM7 CRC
CRC
กระแสบวก จาก Easy E-Receipt
และคาดหวัง Rotation เงินภายในกลุ่มฯ
คาดว่าผลการดำเนินงานในงวด 4Q67 จะเติบโตได้ต่อจาก 3Q67 ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเฉลิมฉลอง รวมถึงการกลับมาเปิด Central ชิดลม และ Rinascente Milan พร้อมทั้งการขยายสาขา ด้าน SSSG 4QTD ปรับดีขึ้นเป็น -1 ถึง -2% และ SSSG แฟชั่นกลับมาเป็นบวกในระดับกลางเลขหลักเดียว
แนวโน้มกำไร 2568 เราคาดขยายตัว 13.5%YoY เด่นกว่ากลุ่มค้าปลีกที่ขยายตัว 10.6%YoY มุม Valuation ถือว่าซื้อขายที่ PER68E ที่ 21 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ CRC-0.5 S.D
ระยะสั้นได้แรงหนุนจาก 2 ปัจจัย 1) มาตรการ Easy E-Receipt ที่เราเชื่อว่าจะช่วยหนุนต่อกำลังซื้อ 1Q68 และ 2) เราเชื่อว่า CRC อาจได้ประโยชน์จาก Rotation เม็ดเงินจากหุ้น CPALL และ CPAXT ที่ยังมี Overhang เกี่ยวกับประเด็นการลงทุนในธุรกิจ Happitat เนื่องจาก เป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ที่มี Market Cap ขนาดใหญ่คล้ายกัน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.00 บาท
COM7
มีแรงหนุนจาก
Fundamental + Fund Flow
เราคาดกำไรหลัก 4Q67 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% YoY และ 51% QoQ จากรายได้ที่คาดเพิ่มขึ้น 18% YoY และ 31% QoQ การเติบโต QoQ มาจาก ยอดขาย iPhone 16 ที่แข็งแกร่ง และแรงหนุนจากเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท ในปลายเดือน ก.ย. ซึ่งทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 8,000 บาทต่อเครื่องเพิ่มขึ้น
ขณะที่ 1Q68 จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ ทั้งในส่วนมาตรการแจกเงินสดผู้สูงอายุวงเงิน 4 หมื่นล้านบาทที่คาดจะได้ช่วงตรุษจีนและมาตรการ Easy E-Receipt ที่ล่าสุดคลังเผยเตรียมเข้า ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ COM7 ได้กลับเข้าคำนวณใน SET50 รอบ 1H68 ซึ่งเราเชื่อว่าจะได้แรงหนุนจาก Fund Flow ทั้ง Active และ Passive Fund หนุนช่วงโค้งสุดท้ายของปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท
KEY FACTOR
ผลกระทบระยะสั้นจากการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายเข้มงวดของ Fed ส่งผลให้ค่าเงินของ ASEAN กลับมาอ่อนค่าเร่งตัว โดย USDTHB พลิกกลับมาอ่อนค่า 0.145% MTD จากที่เคยแข็งค่ามากที่สุดราว -1.96% ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ตลาดคาดหวังการส่งสัญญาณผ่อนคลาย เช่นเดียวกับมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่ก็อ่อนค่าเช่นกันในช่วง 0.35% - 2.45%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานต่อเนื่องในวันนี้ ประกอบด้วย GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่สาม) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นจากรายงานครั้งก่อนหน้าที่ +2.8% เป็น +3.1% YoY จาก 1) การบริโภคภาคเอกชนที่ถูกปรับขึ้นจาก +3.5% เป็น +3.7% 2) การส่งออก ที่ถูกปรับขึ้นจาก +7.5% เป็น +9.6% ทั้งนี้ แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะถือเป็นข้อมูลในช่วงไตรมาส 3 ที่น้ำหนักต่อบรรยากาศการลงทุนอาจจะมีไม่มาก แต่ตัวเลขที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่ออกมาในช่วงนี้ อาจซ้ำเติม Risk sentiment ตลาดประเทศเกิดใหม่ (EM) ในระยะสั้นได้
EYES ON
19 ธ.ค. GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 3)
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ