Prima Marine (PRM)
เตรียมตัวโค้งสุดท้ายก่อนสดใสในปีหน้า
กำไรปกติ 3Q67 ชะลอตัว QoQ จากการปรับปรุงกองเรือ

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) วิเคราะห์PRM รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 450 ลบ. หักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 74 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 523ลบ. (-18% QoQ, +51% YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ราว 550-600 ลบ. รายได้รวมที่ 2.2 พันลบ. เติบโต 18% YoY จากจำนวนเรือที่มากขึ้น 3 ลำเทียบ 3Q66 แต่ลดลง 9% QoQ จากธุรกิจขนส่งน้ำมัน ระหว่างประเทศที่นำเรือ Aframax ไปปรับเปลี่ยนเป็นเรือกักเก็บและขนถ่ายน้ำมัน (FSO) และเปลี่ยนเรือ VLCC 1 ลำ ทำให้หยุดให้บริการไป 23 วัน รายได้ธุรกิจ COC ที่หายไปกดดัน GPM รวม QoQ เช่นกันแต่ Utilization Rate ของธุรกิจกักเก็บน้ำมัน (Floating Storage Unit – FSU) ที่สูงขึ้นจาก 51.5% ใน 3Q66 เป็น 82.4% หนุนให้ GPM รวมเติบโต YoY อยู่ที่ 36.3% (-260bps QoQ, +642bps YoY) PRM มีรายการขาดทุน อัตราแลกเปลี่ยนจากการประเมินมูลค่าตลาดของสัญญาซื้อขายสกุล USD ล่วงหน้าเพื่อเตรียมซื้อ Crew Boat ค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่าใน 4Q67 จะทำให้บริษัทกลับมามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เตรียมกองเรืออีก 1 ไตรมาสก่อนลยเตมทในป 2568

4Q67 เข้าสู่ช่วง High Season ของภาคการท่องเที่ยว คาดธุรกิจขนส่งน้ำมัน ในประเทศเร่งตัวขึ้นตาม กิจกรรมการขนส่งน้ำมัน Jet A-1 ธุรกิจเรือบริการนอกชายฝั่งจะกลับมาดำเนินงานได้มากขึ้นหลังนำ Crew Boat เข้าอู่แห้งใน 3Q67 ที่เป็นช่วงมรสุม ส่วนธุรกิจ FSU คาดทั้งรายได้และ Utilization Rate ได ประโยชน์ต่อเนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แม้ธุรกิจหลักได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจ านวนเรือให้บริการที่มากขึ้นแต่บริษัทนำเรือ VLCC 1 ลำ, เรือ AWB 1 ลำ และเรือ FSU 1 ลำที่มีแผนเข้าอู่ในปี 2568 มาเข้าอู่ใน 4Q67 แทนราว 1 เดือนเพื่อที่จะให้บริการได้อย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทำให้เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q67 ทรงตัว QoQ แต่ยังเติบโต YoY จากฐานต่ำ

ขยายกองเรือหนุนการเติบโตระยะยาว
PRM ได้ซื้อเรือ FSU 1 ลำใน 4Q67 อยู่ระหว่างการปรับปรุงเตรียม COD ใน 1Q68 ส าหรับธุรกิจ OSV บริษัทจะรับ Crew Boat 2 ล าใน 1Q68 อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจางานเรือบริการนอกชายฝั่งกับ Adnoc บริษัทพลังงานต้นน้ำรายใหญ่ในตะวันออกกลาง คาดได้ลงนามสัญญาและ COD Hybrid Crew Boat อีก 2 ลำภายใน ธ.ค. 2567 หากดีลนี้ สำเร็จจะเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกธุรกิจไปต่างประเทศ นอกจากนี้ เรือ Aframax ที่ดัดแปลงมาเป็น FSO จะกลับมาให้บริการในเดือน ธ.ค. 2567 ในสัญญาระยะยาวให้ PTTEP เป็นอีกแรงหนุนให้ธุรกิจ OSV เติบโตในปี 2568

กลับมาให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10.20 บาทต่อหุ้น
PRM มีแผนขยายกองเรืออย่างต่อเนื่อง หากรับเรือตามแผนและได้ลงนามสัญญากับ Adnoc คาดจะมีกองเรือรวม 69 ลำในปี 2568 เราประเมิน Capacity ที่มากขึ้นจะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้และผลประกอบการตามอุตสาหกรรมพลังงานต้นน้ำ ท าให้คาดก าไรปกติปี 2567-2679 ที่ 2.2 พันลบ. (+21%YoY), 2.4 พันลบ. (+10% YoY) และ 2.6 พันลบ. (+6% YoY) ตามลำดับ ซึ่งประมาณการดังกล่าวยังไม่รวมแผนการรับเรืออีก 6 ลำในปี 2569

เรากลับมาให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 10.20 บาท/หุ้น อิง PER Multiple ที่ 10.5x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ในระยะสั้นสามารถเก็งกำไรดีลงานนอกชายฝั่งกับ Adnoc ที่คาดลงนามสัญญาภายใน ธ.ค. 2567 ในระยะกลาง-ยาวผลประกอบการมีแรงหนุนจาก แผนการขยายกองเรือแบบเชิงรุกมากขึ้นถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย

ความเสี่ยงสำคัญ: ลูกค้าบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด, ภัยธรรมชาติ, เรือเข้าอู่แห้งนอกแผน, การหยุดชะงักทางธุรกิจของลูกค้า, ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น