Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

485

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 13 ธ.ค.67 ปิด -8.22 จุด อยู่ที่ 1,431.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,324 ลบ. ต่างชาติขาย 484 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 95 ลบ. สถาบันซื้อ 162 ลบ. และรายย่อยซื้อ 227 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,585 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,VGI,CCET,CPN,KTB และยอดขายหุ้น DELTA,BEM,ADVANC,TOP,BDMS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,464 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TIDLOR,DCC,FORTH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 29,118 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 4,489 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,594 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.20%, S&P500 -0.003%, Nasdaq +0.12% ได้แรงหนุนจากดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ +3.2% นำโดย Broadcom +24% หลังรายได้ไตรมาสสูงกว่าคาด จากอุปสงค์ความต้องการใช้ชิป AI ตลาดหุ้นยุโรป -0.53% จากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์ นำโดย Novo Nordisk -3.9% หลังชาวอังกฤษหันไปซื้อยาลดความอ้วนของบริษัทคู่แข่ง Eli Lilly  

Market View

  • DJIA -1.82%, S&P500 -0.64%, Nasdaq +0.34% WoW ได้ปัจจัยหนุนหลังข้อมูล US CPI พ.ย. 2.7% YoY เป็นไปตามคาดการณ์ ส่งผลให้ CME FedWatch ชี้โอกาส 96% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 25% ในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ ขณะที่ข้อมูล US PPI พ.ย. 3.0% สูงกว่าคาด 2.6% YoY บ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐอาจลดลงได้ยากในระยะถัดไป ดังนั้นตลาดจึงคาดมีโอกาส 78.3% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 29 ม.ค. 68 และปีหน้าคาดจะลดดอกเบี้ยได้เพียง 2 ครั้ง จากเดิมคาดไว้ 3 ครั้ง สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลตลาดอสังหา ฯ สหรัฐ ,วันพุธผลการประชุมเฟด และวันศุกร์ US PCE พ.ย. คาด 2.5%
  • Stoxx 600 ยุโรป -0.80% WoW หลัง ECB มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 25% เป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนที่ฟื้นตัวช้า กอปรกับกังวลต่อนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยคณะกรรมการ ECB 4 ท่านยังหนุนให้ลดดอกเบี้ยต่อในปีหน้า และเทรดเดอร์คาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีหน้าราว 1.12% ส่วนประเด็นการเมืองของฝรั่งเศส ปธ.มาครงได้แต่งตั้งนายฟรองซัวร์ เบย์รู หัวหน้าพรรคสายกลาง เป็นนายก ฯ คนใหม่ เพื่อดำเนินงานผ่านร่างงบประมาณ ขณะที่ Moody’s ได้ปรับลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสจาก Aa2 ลงอยู่ที่ Aa3 หลังสถานะการเงินสาธารณะอ่อนแอลง สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการ ธ.ค., CPI ยูโรโซน พ.ย.                  
  • MSCI Asia Pacific X.Japan -0.19% WoW ระหว่างรอผลการประชุมเฟด ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.36% WoW หลังผลการประชุม CEWC จีนยังไม่มีการเปิดเผย ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยรัฐบาลจีนวางเป้าจะรักษาการเติบโตปีหน้าที่ระดับ 5% ส่วนดัชนีนิเกอิ +1.02% WoW หลังตลาดคาดการประชุม BOJ วันที่ 19 พ.ย. จะยังคงดอกเบี้ย ระหว่างรอดูการขยายตัวของค่าจ้างและนโยบายการค้าของทรัมป์ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน เช่น ราคาบ้าน, ผลผลิตภาคอุตฯ, ยอดค้าปลีก, อัตราว่างงาน และอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน
  • SET -1.40% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 84 หมื่น ลบ. -6.1% WoW ต่างชาติขาย 5,908 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 12 ลบ. รายย่อยซื้อ 3,373 ลบ. และสถาบันซื้อ 2,523 ลบ. WoW โดยกลุ่มที่ปรับลดลง คือ รพ. -3.98% จากความกังวลผู้ป่วยชาวต่างชาติของ รพ.ขนาดใหญ่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนกลุ่มพลังงาน -3.4% ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ หลัง IEA คาดปีหน้าตลาดน้ำมันยังอยู่ภาวะอุปทานล้นตลาด ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ กลุ่มปิโตรเคมี +2.1% นำโดย IVL คาดได้ประโยชน์จาก ม.ลดภาษีนิติบุคคลสำหรับกิจการในสหรัฐ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.09% หลัง CEO Nvidia ประกาศร่วมลงทุนด้าน Cloud services ในไทย และกลุ่มธนาคาร +0.6% ตอบรับ ม.แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน 1.9 ล.ราย มูลค่าหนี้ 8.9 แสน ลบ. ซึ่งช่วยลดภาระกันสำรองหนี้ของกลุ่มธนาคาร โดยภาพรวมดัชนีถูกกดดันจากแรงขายนักลงทุนต่างชาติ กังวลเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ช้าลงในปีหน้า เป็นปัจจัยหนุน USD. แข็งค่า ซึ่งเป็นผลลบต่อ Fund Flow ในตลาดเกิดใหม่ สัปดาห์นี้วันอังคารติดตามผลการประชุม ครม. ด้านเศรษฐกิจ และวันพุธ การประชุม กนง. ซึ่ง Consensus คาดยังคงดอกเบี้ยที่ 2.25%

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,410 – 1,420 แนวต้าน 1,440 – 1,450 ประเมินดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอผลการประชุมเฟดในวันพุธ ซึ่งหากเฟดไมได้ส่งสัญญาณเชิงตึงตัวในช่วงต้นปีหน้า คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวจากแรงซื้อจากเม็ดเงินกองทุน Thai ESG แนะนำทยอยซื้อ KBANK,SCB,KTB,TTB,MTC,KTC ได้ประโยชน์จาก ม.แก้ไขหนี้ครัวเรือน/ เก็งกำไร SAWAD,BANPU,COM7,CCET คาดมีโอกาสเข้า SET50 ในรอบ 1H/68
  • IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.25 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 5 พันล้านบาท ฟื้นจากที่ขาดทุนสูงใน 2Q67 ที่มีการตั้งด้อยค่าและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสินทรัพย์ ด้านผลการดำเนินงานหลักมีปัจจัยหนุนจาก spread เริ่มฟื้นตัวและต้นทุน OPEX รวมลดลง ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 คาดประคองตัว QoQ แม้ปริมาณขายลดลงตามฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตได้ YoY จากฐานที่ต่ำและกลยุทธ์ลดต้นทุน ส่วนในปี 68 ตลาดคาดพลิกเป็นกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท จากปี 67 ที่ขาดทุน 1.81 หมื่นล้านบาท จากการผ่านช่วง asset optimization นอกจากนี้คาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากต้นทุน feedstock และนโยบายของสหรัฐ รวมถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
  • SHR* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.23 บาท) ผลการดำเนินงาน 3Q67 ขาดทุนลดลง QoQ ส่วนภาพ YoY มีแรงกดดันจาก SG&A ที่สูงขึ้น(โฆษณา/โปรโมชั่น) และ Equity Income ที่ขาดทุนสูงขึ้นจากโรงแรม SO/Maldives(ซึ่งพึ่งเปิด พ.ย.66) อย่างไรก็ตาม คาดว่า 4Q67 SHR จะสามารถกลับมามีกำไรได้ QoQ ตาม High Season ธุรกิจโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ได้แรงหนุนจาก 1.จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1ต.ค.-8ธ.ค.67 ที่ +20%YoY และ 2.จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามัลดีฟส์ 1ต.ค.-10ธ.ค.67 ที่ +6%YoY ทั้งนี้ตลาดคาด Profit ปี67 และ68 ของ SHR* ที่ 152 ลบ.(+90%YoY) และ 349 ลบ.(+130%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ม.ค. +$1.27 อยู่ที่ $71.29 / บาร์เรล, Brent ก.พ. +$1.08 อยู่ที่ $74.49/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +5%, Brent +6% ได้แรงหนุนหลัง EU ใช้ ม.คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย & อิหร่าน ขณะที่ IEA คาดอุปสงค์ความต้องใช้น้ำมันตลาดโลกปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล.บาร์เรล/วัน จากเดิมคาดที่ 990,000 บาร์เรล/วัน

 

Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-$33.60 อยู่ที่ $2,675.80 /ออนซ์ ถูกแรงขายกำไร หลังสัญญาทองคำได้ปรับขึ้นรับคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันพุธนี้

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -347.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -174.37 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -168.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.146 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.393 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -4 จุด อยู่ที่ 1,051

(+) BitCoinเช้านี้ +4.6% อยู่ที่ 106,096 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

18 ธ.ค.     ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

                ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 6/2567

สัปดาห์ที3  ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

สัปดาห์ที4  กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

                สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

16 ธ.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ธ.ค.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ธ.ค.) 

17 ธ.ค.     US ดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) (พ.ย.)

18 ธ.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (พ.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 ธ.ค.     US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย           

                US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (พ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

20 ธ.ค.     US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (พ.ย.)

               

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio December 2024: CPALL, SAV, SYNEX*, CRC, WHA

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้