Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

341

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังลุกไม่ค่อยขึ้น
เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตั

Market Strategy
SET Index คาดพักตัวตามกรอบ 1420-1435 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นโลกที่รอท่าทีผลการประชุมธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ ส่วนปัจจัยในประเทศยังขาดแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ จึงอยู่ในช่วงเก็งกำไรหุ้นรายตัว วันนี้เราเลือก CK และ SKY เป็นหุ้นเด่น
ปัจจัยต่างประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯพักตัวในกรอบแคบ หลังจากนักลงทุนเริ่มลดสถานะก่อนการประชุม FED ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง +1.5% หนุนจากความกังวลต่อ Supply จากประเด็นยุโรปจะคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียและ อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศสกล่าวต่อ UN พร้อมกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านจากประเด็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ (ทั้งนี้อิหร่านมีกำลังการผลิต 3.36mbp ซึ่งเป็นการส่งออก 1.7 mbpd เทียบกับความต้องการใช้น้ำมันดิบของโลกปี 68 OPEC+ คาด 105.3 mbp) ระยะสั้นเป็นบวกต่อกลุ่ม PTTEP SPRC และ BCP
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ประเด็นหลักจะอยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางต่างๆ เริ่มจาก 1)การประชุม กนง. (วันที่ 18 ธ.ค.) คาดคงดอกเบี้ยฯ 2) การประขุม FED (รู้ผลเช้ามืดวันที่ 19 ธ.ค.) คาดลดดอกเบี้ยฯ 25 bps 3) การประชุม BOJ และ BOE (รู้ผลวันที่ 19 ธ.ค.) คาดคงดอกเบี้ยฯ ทั้งนี้จุดที่สนใจน่าจะเป็นการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินในปีหน้า จึงเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนบางส่วนอยู่ในช่วงรอความชัดเจนส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์อยู่ในแกว่งออกด้านข้าง
ประเด็นอื่นๆ ในสัปดาห์นี้คาด ตลท. จะมีการประกาศหุ้นที่เข้าคำนวณ SET50/100รอบ 1H68 ซึ่งเรามีการคาดการณ์หุ้นเข้าออกดังต่อไปนี้
หุ้นที่คาดเข้า SET50 : SAWAD COM7 BANPU CCET
หุ้นที่คาดออก SET50 : TIDLOR BCP EA CENTEL
หุ้นที่คาดเข้า SET100 : CCET JTS PR9 COCOCO
หุ้นที่คาดออก SET100 : RBF TIPH TOA MBK
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าถูกเข้าคำนวณ
ในดัชนี ซึ่งหุ้นที่เรายังคงคำแนะนำซื้อในเชิงปัจจัยพื้นฐาน
คือ COM7 CCET และ PR9

 

Market Summary
SET Index ปรับลง -8.22 จุด หรือ -0.6% โดยกลุ่มที่กดดันหลักมาจากกลุ่มเล็คทรอนิกส์ DELTA -2.6% กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC -1.2% BGRIM -0.9% จาก U.S. Bond Yield ที่เด้งขึ้น กลุ่มยางพารา กลุ่ม ร.พ. BH -2.8% BDMS -1.6% หลังกังวลต่อรายได้ผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศหลังผ่าน High Season ส่วนกลุ่มที่หนุนตลาดกลุ่ม ธ.พ. +0.4% กลุ่มขนส่ง ฺBEM +3.4% BTS +3.5% รัฐบาลเดินหน้าเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CK SKY


SKY รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวเติบโตและการใช้จ่ายด้านไอทีของรัฐบาล
SKY จะได้รับประโยชน์จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในสนามบินของไทยและการลงทุนด้านไอทีของรัฐบาล โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทั้งสองนี้คาดว่าจะนำไปสู่การเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่ง 61%/56% ในปีงบ 67/68 ตามลำดับ
ปัจจัยที่หนุนการเติบโตปี 68 ที่ 56% จากบริการผู้โดยสารและ AOTGA รวมถึงการเติบโตใหม่หลายด้าน 1) รายได้จากโครงการ SI เพิ่มขึ้น 213% 2) บริการสแกนไบโอเมตริกซ์ที่สนามบินของ AOT (2 บาท/ผู้โดยสารขาออก) และ 3) รายได้จาก CUPPS ที่ 7 สนามบินของกรมท่าอากาศยาน โดยการเติบโตของรายได้จาก SI ในปี 68 ส่วนใหญ่มาจากโครงการรัฐบาลที่ล่าช้าในปี 67
Upside ส่วนเพิ่มมาจากโครงการให้บริการภาคพื้นดินที่อาคาร SAT-1 ของสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกำหนดประมูลในเดือนมี.ค. 68 อีกหนึ่งอัพไซด์สำหรับปี 68-69 คือการเพิ่มการใช้งานคลาวด์ของรัฐบาล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.40 บาท

 

CK ลุ้นความคืบหน้าโครงการภาครัฐ
หนุนราคาหุ้นช่วงปลายปี
ปัจจุบันมี Backlog 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งเรายังคาดหวังจะได้งานเพิ่มจากบริษัทลูก BEM ในปี 68 คือ 1) โครงการทางด่วนสองชั้นมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท คาดได้ข้อสรุปและเสนอให้ ครม. ได้ภายในต้นปี 2568 และ 2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ งาน M&E มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท คาดได้ข้อสรุปปลายปี 67 และ เสนอ ครม. อนุมัติใน 1Q68 จะทำให้มีงานเพิ่มเป็น 2.8 แสนล้าน หนุนรายได้ 4-5 หมื่นล้านบาท ช่วง 5-6 ปีข้างหน้า
คาดกำไรปี 2567/68/69E จะเติบโตโดดเด่น 30% / 15% / 24% YoY ตามลำดับ โดยเฉพาะปี 2569 กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 2,711 ล้านบาท
คาดหลายโครงการเตรียมเสนอให้ ครม. อนุมัติ เพื่อเปิดประมูลในช่วงปลายปี 67 และ ปี 68 รวมมูลค่า 7 แสนล้านบาท เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และ สนามบินสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.50 บาท

 

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่ การประชุม FOMC วันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดให้น้ำหนัก 93% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25bps ในขณะเดียวกันน่าจะจับตาไปที่การเปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะบ่งชี้ ทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน หลังการเข้ารับตำแหน่งของ Donald Trump ที่มีนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย ตลาดคาด 1) GDP ปี 2568 ของสหรัฐฯ +2.1% เทียบกับประมาณการล่าสุดของ Fed ที่ +2.0% 2) เงินเฟ้อ +2.4% ในปี 2568 สูงกว่าประมาณการของ Fed ที่คาด +2.1%
นอกจากนี้น่าจะมีการปรับมุมมองดอกเบี้ยที่ตึงตัวมากขึ้น โดยการส่งสัญญาณดอกเบี้ยระยะยาวของ Fed ขยับเข้าใกล้มุมมองตลาดที่ปรับมุมมองนำไปแล้วในช่วงก่อนหน้า คาดลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2568 มากกว่า Dot Plot ล่าสุดบ่งชี้การลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง หรือ 1.0%

EYES ON
16 ธ.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
17 ธ.ค. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
18 ธ.ค. การประชุม FOMC, การประชุม กนง.
19 ธ.ค. GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 3)

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้