ระยะสั้นหวังได้แค่WINDOW DRESSING
ท่าที่ของประธาน FED สะท้อนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายจากนี้ไปว่า น่าจะปรับลดลงได้น้อย และลงได้ช้า โดยในปี 2568 อาจเห็นการปรับลดลงเพียง 2 ครั้ง เหตุเพราะยังมองภาพเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแรง ขณะที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ปธน.อาจมีหลายนโยบายที่กระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้กลับมาแต่อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่งยังเห็นเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวกลับในอัตราที่ค่อนข้าช้า ความหวังส่วนใหญ่อยู่ที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล ส่วนในบ้านเราอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.67 ออกมาต่ำเพียง0.95% YOY ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตามยังไม่น่าที่จะทำให้กนง. ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วๆ นี้ สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยยังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจน สิ่งที่พอคาดหวังเชิงบวกได้ในช่วงปลายปีคงเป็นการทำ WINDOW DRESSINGภาพใหญ่ของ SET INDEX อยู่ในภาวะที่ขาดแรงกระตุ้นทางปัจจัยพื้นฐานโดยสิ่งที่พอหวังเป็นแรงขับได้มีเพียง WINDOW DRESSING กรอบวันนี้1446-1458 จุด TOP PICK เลือก INTUCH, PLANB และWHA

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูเติบโตเด่นกว่าใคร
วานนี้ POWELL กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา NEW YORK TIMES DEALBOOKSUMMIT เผยภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังดูแข็งแร่งในเดือน ก.ย. 67 ทั้งในมุมตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเชิงลบลดลง ส่วนเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งระยะข้างหน้า แม้จะมีการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อไป แต่อาจอยู่ในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป (ไม่รีบลดดอกเบี้ยเร็ว)ขณะที่ FED WATCH TOOL คาด FED จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ลงอีก 1ครั้ง มาอยู่ที่ 4.5% และปีหน้าอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 4.0% ในปี 2568 ซึ่งสูงกว่าประมาณการล่าสุดของ DOT PLOT ที่คาดไว้3.5%

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศษฐกิจสหรัฐฯ ดูสวนทางกับเศษฐกิจอีกหลายประเทศซึ่งล่าสุดมีสัญญาณจาก “จีน” โดยล่าสุดหนังสือพิมพ์ PEOPLE'S DAILY เผยว่า
• จีนยอมรับได้ หากเศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่า 5% เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง “บูชาความเร็ว”
• จุดมุ่งเน้นของเศรษฐกิจจีนอยู่ที่การพัฒนาเชิงคุณภาพ ควบคู่กับการเติบโตเชิงปริมาณที่สมเหตุสมผล
• นอกจากนี้ จีนอาจเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในอนาคต ทั้งการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศ “ยังคงอ่อนแอ และการรักษาเสถียรภาพการลงทุนก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ”

นอกจากนี้ การเลื่อนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันของ OPEC+ ออกไปอีก 3 เดือนจนถึงเม.ย. 2568 พร้อมกับขยายเวลายกเลิกมาตรการลดกำลังผลิตออกไปอีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี 2569 ถือเป็นภาพสะท้อนเศรษฐกิจโลกซบเซา จาก DEMAND ดูแผ่วลงด้วย

สรุป POWELL ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางเศรษฐกิจ USแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูสวนทางกับอีกหลายๆประเทศ

ตลาดทรงๆ มูลค่าซื้อขายอาจเบาลงอีกในช่วงที่เหลือของปี
เดือน ธ.ค. 24 (MTD) มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยเฉลี่ยไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาต่อวัน ถือว่าเบาบางเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ โดยมากกว่าเดือน ก.ค. 24 ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท เพียงเดือนเดียวเท่านั้น

หากศึกษามูลค่าซื้อขายตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าซื้อขายมักเบาบาง ในเดือนที่มีวันหยุดเยอะ อาทิ เม.ย., ก.ค., ต.ค. และ ธ.ค. เป็นต้น และมักจะค่อยๆ ลดลงใกล้จุดต่ำสุดในช่วงโค้งท้ายของปีหรือในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเสมอ

และหากพิจารณา 15 วัน ที่มูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทยต่ำสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า เป็นวันซื้อขายในปี 2024 นี้ ถึง 10 วัน และช่วงวันใกล้ๆ คริสต์มาส 4 วัน แสดงว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ มีโอกาสเห็นมูลค่าซื้อขายเบาบางลงไปอีก ทั้งจากมูลค่าซื้อขายปีนี้ที่ต่ำกว่าปีอื่นๆ บวกกับมูลค่าซื้อขายมักเบาบางสุดๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

แสดงให้เห็นว่าช่วงที่เหลือของปี มูลค่าซื้อขายที่มีโอกาสเบาบางลง กดดันให้เม็ดเงินน่าจะไม่เพียงพอต่อการผลักดันหุ้นทั้งตลาดที่มี MARKET CAP กว่า 18 ล้านล้านบาท ดังนั้นน่าจะเห็นการสลับหรือหมุนกลุ่มการลงทุน

กลยุทธ์แนะนำ เก็งกำไรหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จากกระแส NVIDIA อย่าง GULF,TRUE, INTUCH, ADVANC, WHA, AMATA, สะสมหุ้นปันผลสูงที่มักขึ้นได้ดีในช่วงนี้ถึงช่วงต้นปีหน้า KTB, SCB, TISCO, AP, LH, SPALI

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์