ปี 2567 บจ. ซื้อหุ้นคืน ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
ผลของการซื้อขายที่มีการกระจุกตัวอยู่ในหุ้นแค่บางตัว (ส่วนน้อย) ทำให้มีหุ้นจำนวนมากที่หลุดรอดสายตา ซึ่งสัปดาห์ก่อนเราได้ให้ภาพของหุ้นใน SET 100 ซึ่งมีมากถึง 34 บริษัทที่มีค่า PBV ต่ำกว่า 1 เท่า ปฎิกริยาที่ตามมาก็คือการประกาศซื้อคืนหุ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นกับบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพั้นฐาน เราได้มีการเก็บข้อมูลเรื่องมูลค่าการซื้อคืนหุ้นพบว่ายอดซื้อคืนสะสมในปี 2567ปัจจุบันอยู่ที่ 10,828 บล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 23 ปี (สูงสุดปี 2563 อยู่ที่ 22,671 ล้านบาท) ล่าสุด CK ได้ประกาศซื้อคืนหุ้น ส่งผลทำให้ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปัจจัยอื่นที่น่าติดตาเป็นเรื่องการมาเยือนของ CEO NVIDIA ซึ่งถือเป็นกระแสทางบวกต่อหุ้นในกลุ่ม นิคมฯ, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร และ รับเหมางาน ITปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ ยังไม่เห็นปัจจัยในทางบวก หรือ ลบชัดเจน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง คาด SET INDEX น่าจะผันผวนในกรอบ 1432-1450 จุด TOP PICK เลือก INTUCH, PLANB และWHA

สัญญาณเศรษฐกิจยังดูดี อาจทำให้ FED ลดดอกเบี้ยล่าช้า
วานนี้ สหรัฐฯ เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือน พ.ย. 67 เริ่มจาก ISMMANUFACTURING PMI ล่าสุดออกมา 48.4 แม้จะอยู่ในโซนซบเซา (PMI < 50) แต่อยู่ในระดับสูงกว่าตลาดคาดที่ 47.7 โดยมีแนวโน้มดีขึ้นและทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนซึ่งสอดคล้องกับ S&P GLOBAL US MANUFACTURING PMI ล่าสุดออกมา 49.7สูงกว่าตลาดคาดที่ 48.8 ด้วยแรงหนุนหลักๆ จาการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายที่เอื้อต่อภาคธุรกิจของว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ TRUMPเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่ส่งสัญญาณถดถอยอย่างมีนัยฯ ทำให้ตลาดการเงินมีมุมมองว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่าคาด ขณะที่ FED WATCH TOOLล่าสุดคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้ง สู่ระดับ 4.0% ในปี 2568 ขณะที่คาดการณ์ของ DOT PLOT ประเมินดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปลายปีหน้าจะอยู่ที่ 3.5%

ส่วนบ้านเรา ในการประชุม กนง. วันที่ 18 ธ.ค. 67 เชื่อว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% หลังภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัว ด้วยแรงหนุนของภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาคการบริโภคเอกชนจากอานิสงค์โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส (กลุ่มเปราะบางราว 14.5 ราย) คาดช่วยผลักให้เงินเฟ้อไทยค่อยๆ ขยับขึ้นเข้าใกล้กรอบเป้าหมาย 1-3% ซึ่งจะยังเป็นไปตามที่ ธปท. ได้ประเมินไว้สรุป เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่ส่งสัญญาณถดถอยอย่างมีนัยฯ ทำให้ตลาดการเงินมีมุมมองว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าคาด และมีโอกาสเห็นการคงดอกเบี้ยในบ้านเราไว้ที่ 2.25% ยาวนานขึ้นกลยุทธ์ลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี อิงเศรษฐกิจทะยอยฟื้นตัว KBANK BBLSCB CPALL CPAXT CRC HMPRO ADVANC AOT ERW STECON CK

ภาคการลงทุนคึกคัก ต้อนรับ CEO NVIDIA
“เจนเซ่น หวง” CEO NVIDIA เตรียมเยือนประเทศไทย ในงาน “AI VISION FORTHAILAND” วันที่ 4 ธ.ค.67 ซึ่งการมาเยือนไทยในครั้งนี้ คาดมาเพื่อประกาศ
แผนการลงทุนในไทย โดยร่วมมือกับบริษัทสัญชาติไทยอย่าง SIAM AI ในฐานะNVIDIA CLOUD PARTNER (NCP) โดยประเด็นดังกล่าวน่าจะหนุนให้ยอด BOI และFDI เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยฯ(ยอด BOI 9 เดือนแรกอยู่ที่ระดับ 5.5 แสนล้านบาท เติบโต38%YOY) เสริมแรงกับ ผลของการหลีกหนีความเสี่ยง TRADE WAR 2.0 โดยเมื่อตอน TRADE WAR 1.0 ระหว่างสหรัฐฯ-จีนในปี 2018 หนุนให้ยอด BOI เร่งตัวขึ้นในปี 2019 กว่า 116%YOY

ขณะที่ในมุมของ SET INDEX มีโอกาสสูงที่จะเห็นการตอบรับในเชิงบวก กล่าวคือเมื่อครั้งที่ MICROSOFT และ GOOGLE ประกาศแผนลงทุนในไทย SETINDEX มักดีดตัวรับกระแสดังกล่าวเสมอ

หากเปรียบเทียบช่วง CEO NVIDIA เยือนอนโดฯ ในงานประชุม AI DAY 2024 ณ 14พ.ย. 67 หลังจากนั้นหุ้น TECH อินโดฯ ขนาดใหญ่ อย่าง GOTO GOJEK บวก 20%ใน 1 สัปดาห์ถัดมา

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนหลังจากที่ NVDIA ที่จะเข้ามาลงทุนสร้าง DATA CENTER จะสร้าง SENTIMENT เชิงบวกให้กับกลุ่มนิคมฯ เนื่องจากเป็นด่านแรกในการสร้างโรงงาน โดยทั้ง AMATA และ WHA มีจุดเด่นทั้งเรื่องที่ดินและกลุ่มลูกค้า(CUSTOMER PROFILE) โดย AMATA มีที่ดินรอพัฒนารวมกันกว่า 13,700 ไร่, ใน3Q67 เพิ่งเซ็นสัญญากับลูกค้า DATA CENTER สัญชาติสิงคโปร์ 1 ราย ขนาด 32ไร่ และ 4Q67 มีโอกาสที่จะเซ็นสัญญากับกับลูกค้า DATA CENTER อีก 2 ราย ขนาดรวมกัน 120 ไร่ เช่นเดียวกับ WHA ที่มีแผนสร้างที่ดินเพิ่มในช่วงปี 2567 –2570 รวมทั้งสิ้น 9160 ไร่ และ 3Q67 เพิ่งเซ็นสัญญากับ GOOGLE ขนาด 400 ไร่ เข้ามาส่วนหุ้นกลุ่มอื่นที่รับกระแสบวกต้อนรับ CEO NVIDIA เยือนไทย ได้แก่

กลุ่มโรงไฟฟ้า : GULF, BGRIM, GPSC, WHAUP
สื่อสาร : ADVANC,TRUE, INTUCH
รับเหมาสื่อสาร : AIT, INSET, ICN, ITEL, INET, NETBAY

หุ้นไทยหลายตัวถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ก็เริ่มเห็นหุ้นถูก และการทยอยซื้อหุ้นคืนเพิ่มขึ้น
หุ้นไทยปีนี้หลายตัวลงมาลึก และมีหุ้น VALUATION ถูกเพิ่มขึ้นหลายบริษัท สะท้อนได้จากหุ้นในดัชนี SET100 มีหุ้นที่ปีนี้ให้ผลตอบแทนติดลบถึง 65 บริษัท (ลบมากสุด -นอกจากนี้ยังเห็นปริมาณเม็ดเงินในการทยอยซื้อหุ้นคืนปีนี้ 2024YTD สูงขึ้นเรื่อยๆรวมอยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท (1105 TRANSACTIONS) สูงกว่า ปี 2023 ที่ 6.8พันล้านบาท, ปี 2022 ที่ 8.0 พันล้านบาท, ปี 2021 ที่ 793 ล้านบาท

กลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก และที่ประกาศ และมีการทยอยซื้อหุ้นคืนในช่วงนี้ ดังนี้
1. หุ้นพื้นฐานดี P/BV <1 ราคาลงลึก IRPC, PTTGC, BANPU, RCL, TOP,BBL, STA, SCC, AP, KBANK
2. หุ้นที่ประกาศ และมีการทยอยซื้อหุ้นคืนในช่วงนี้ คือ CK, MAJOR, KKP

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์