Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

506


รอดูการปรับลดประมาณการกำไรปี 67-68

หลังการประกาศงบ 3Q67 ซึ่งมีฐานกำไรต่ำมากเพียง 1.99 แสนล้านบาทเราเริ่มเห็นการปรับลดประมาณกำไรบริษัทจดทะเบียนลงมาระดับหนึ่งโดยตัวเลข BLOOMBERG CONSENSUS ตัวเลข EPS ปี 2567 อยู่ที่87.6 บาท/หุ้น เทียบเท่ากับกำไรสุทธิมรา 1.074 ล้านล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าในงวด 4Q67 ต้องทำกำไรมากถึง 3.55 แสนล้านบาท ซึ่งเรามองว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนปี 2568 BLOOMBERG CONSESNSU คาด EPS ที98.6 บาท/หุ้น ซึ่งมองว่ามีความเสี่ยงต่อการปรับลดลงเช่นกัน ทั้งนี้ในภาวะที่เห็นการปรับลดประมาณการกำไรมักจะเห็น SET INDEX ผันผวนทิศทางลง ส่วนปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นความกังวลเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในมุมของสงคราม และการค้าระหว่าประเทศ ซึ่งเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเสี่ยงเนื่องจากสัดส่วน GDP ราว 70% มาจากการส่งออกตลาดหุ้นไทยที่ TURNOVER ต่ำกว่า 70% ถือว่าอยู่ในภาวะที่ไม่มีเสถียรภาพ ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานก็มีความเสี่ยง วันนี้คาดกรอบ 1420 –1435 จุด TOP PICK เลือก CPALL, PLANB และ WHA

 

การค้าโลกดูน่ากังวลในยุค TRUMP 2.0
ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ บวกกับการปลี่ยนแปลงการเมืองโลก กำลังเป็นเรื่องที่ตลาดการเงินกลับมาใหน้ำหนัก มากกว่าการเติบโตเศรษฐกิจโลก ไดยพัฒนาการของเหตุการณ์กำลังนำไปสู่ยุค DEGLOBALIZATION (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)ซึ่งหลายๆ ประเทศมีความจำเป็นที่จะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
สังเกตจากการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ที่มีการกระจายออกนอกประเทศพัฒนา พร้อมกับเห็นความพยายามในการรวมกลุ่ม BRICS+ เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่ขึ้นกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยล่าสุดประเทศสมาชิกในกลุ่ม BRICS+ สูงขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่ซ้อนทับกลุ่ม OECD ขณะที่ไทย เป็น 1ใน 13 พันธมิตร เพื่อปูทางสู่การเป็นสมาชิกในอนาคต (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม INVEST PLUS ประจำเดือน ธ.ค. 2567)

 

อย่างไรก็ตาม การกลับมาของ TRUMP 2.0 คงเป็นเรื่องยากที่หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาคการค้าโลก จากการเดินหน้านโยบายลดขาดดุลทางค้าสหรัฐฯ และล่าสุดประกาศตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินกลุ่ม BRICS 100% หากออกเงินสกุลใหม่ทดแทนDOLLAR
ส่วนภาคการส่งออกบ้านเรา อาจไม่ได้เติบโตมากนักและมีโอกาสชะลอตัวลงได้ หากเกิด TRADE WAR ระหว่างสหรัฐฯ-จีน เฉกเช่นในอดีต โดยช่วงนั้นตัวเลขภาคส่งออกและบริการของไทย ลดลงอย่างชัดเจนในแง่ %YOY ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าส่งออกต่อ GDP ในกลุ่มประเทศเอเชีย พบว่า “ไทย” พึ่งพาการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน69% ต่อ GDP (ข้อมูลปี 2023) ซึ่งสูงสุดในภูมิภาค


ขณะที่ สหรัฐขาดดุลกับไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ 1.68 หมื่นล้านเหรียญ (อันดับ 13ของโลก) ในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 3.7 หมื่นล้านเหรียญ (อันดับ 11 ของโลก) นอกจากนี้ไทยมีสัดส่วนตลาดที่ทำ FTA น้อยกว่าคู่แข่งในภูมิภาค แม้จะล่าสุดจะปิดดีลความตกลงการค้าเสรีกับ EFTA ได้เพิ่มเติม ซึ่งความเสี่ยงต่อภาคการส่งออก ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่อาจกดดันให้ GDP GROWTH ปี 2568 ของไทยไม่ได้เติบโตแรงมากนัก


สรุป ในระยะข้างหน้า ยังมีความเสี่ยงสงครามการค้ารออยู่ หลัง TRUMP ประกาศจะเดินหน้านโยบายลดขาดดุลทางค้าสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งใน 20 ม.ค. 68

เศรษฐกิจไทย 4Q67 ถึง 2568 ยังคาดหวังการเติบโตได้ดี
หลังจากที่ IMF ปรับคาดเศรษฐกิจไทย คาด +2.7%YOY ในปีนี้ และ +2.9%YOY ในปีหน้า ลุ้นการลดดอกเบี้ย + นโยบายการคลัง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนความเสี่ยงที่กังวล คือ ความเสี่ยงทางการค้า หนี้เอกชนสูง ห่วงหนี้ครัวเรือน ซึ่งหากนำประมาณการของ IMF มาเทียบกับประมาณการของหลายสำนักเศรษฐกิจที่ประเมินGDP ไว้ก่อนหน้านั้น พบว่า มีอัตราเติบโตใกล้เคียงกัน โดยค่าเฉลี่ยของตัวเลขคาดการณ์ GDP ไทยของสำนักเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ที่ 2.6%YOY ในปีนี้ จึงทำให้ GDP4Q67 ต้องเติบโตอย่างน้อย +3.5%YOY ถึงจะโตเท่าประมาณการที่ตั้งไว้


ขณะที่ปีหน้าค่าเฉลี่ยของตัวเลขคาดการณ์ GDP ไทยของสำนักเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ที่3.1%YOY ในปีหน้าซึ่งยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยของภาครัฐฯ ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 + ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท จะเข้าที่ประชุม ครม. 3 ธ.ค. 67 ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400 บาท/วัน ล่าสุด ครม. ไฟเขียวแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 แทนตำแหน่งที่ว่าง ประกอบด้วย ร.อ. สาโรจน์ คมคาย(ร.น. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) และ อัครุตม์ สนธยานนท์ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการไตรภาคี เมื่อครบองค์ประชุมจะมีการนัดหารือเพื่อพิจารณาเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ในลำดับถัดไป ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยระยะถัดไป ยังมีโอกาส
เติบโตได้ตามเป้าหมายของหลายสำนักเศรษฐกิจ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นDEGLOBALIZATION พื้นฐานดีอาทิ CRC, MAJOR, MTC, ADVICE, CBG, SIRIเป็นต้น

สรุป SET INDEX ในช่วงสั้นคาดถูกกดดันจาก SENTIMENT VOLUME ที่เบาบางส่วนภาพระยะกลาง-ยาวยังดูดี จากปัจจัยขับเคลื่อนในเชิงนโยบายของภาครัฐฯ ทั้งโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 + ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท รวมถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้น
DEGLOBALIZATION พื้นฐานดี อาทิ CRC, MAJOR, MTC, ADVICE, CBG, SIRIเป็นต้น

คาดเม็ดเงินมีโอกาสหมุนมาหุ้น FREE FLOAT สูงมากขึ้น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกลต. แนะนำผู้จัดการกองทุนควรจะพิจารณาการนำดัชนีที่ปรับด้วย FREE FLOAT อย่าง SET50FF และ SET100FF มาใช้เป็น BENCHMARKแทนดัชนีเดิม จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างตลาดทุนไทยให้มีเสถียรภาพและน่าเชื่อถือในระยะยาวประเด็นดังกล่าว ถือเป็น SENTIMENT ลบ และกดดันหุ้นขนาดใหญ่ FREEFLOAT ต่ำเริ่มย่อตัวลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา อาทิ GULF -2.8%, INTUCH -2.8%, DELTA -0.7% ฯลฯ

 

ภายใต้เม็ดเงินผลักดันตลาดฯ มีจำกัด คาดว่าจะมีเม็ดเงินสถาบันฯ หมุนจากหุ้นFREE FLOAT ต่ำที่ขึ้นมาเยอะ สลับเข้ามาในหุ้น FREE FLOAT สูง ที่ราคาLAGGARD ได้

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหุ้นใหญ่ FREE FLOAT สูง ราคา LAGGARD อาจได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หากกองทุนเริ่มพิจารณานำดัชนีที่ปรับด้วย FREE FLOATมาใช้เป็น BENCHMARK มากขึ้น คือ BDMS, BBL, CPN, SCC, BH, MINT,TISCO, LH, TU, BANPU, TCAP, CENTEL, KKP, CK, KCE

 


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้