สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(26 พฤศจิกายน 2567)-------- บริษัท ไทยวา จํากัด (มหาชน)TWPC เปิดเผยว่า ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 ของ บริษัท ไทยวา จํากัด (มหาชน) ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศ ไทย ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ (“บริษัทย่อยใหม่”)
ชื่อบริษัทย่อย ชื่อบริษัทจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
ทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม1 ล้านบาท
ประเภทธุรกิจ ประกอบกิจการค้า ผลิต และจําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทําจากมันสําปะหลัง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
โครงสร้างการถือหุ้นแรกเริ่ม บริษัทถือหุ้นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน
วันที่จัดตั้งบริษัท
คาดว่าจะจัดตั้งเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคมของปี 2568
ในเบื้องต้น บริษัทขอเรียนแจ้งว่า ภายในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 Fuji Nihon Corporation (“FNC”) ซึ่งเป็น บริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายญี่ปุ่นและมีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange (TSE)) คาดว่าจะเข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นในบริษัทย่อยใหม่ในสัดส่วนหุ้นร้อยละ 49 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยใหม่ โดยการลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงที่บริษัทจะเข้าทํากับ FNC ต่อไป (“ธุรกรรม”)
ภายหลังจากที่ FNC ได้ลงทุนในบริษัทย่อยใหม่ดังกล่าวแล้ว บริษัทจะถือหุ้นร้อยละ 51 ของหุ้นทั้งหมดของ บริษัทย่อยใหม่ ซึ่งบริษัทย่อยใหม่ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทอยู่
บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า FNC เป็นที่ยอมรับในด้านความเชี่ยวชาญในการผลิตและจัดจําหน่ายน้ำตาลทราย บริสุทธิ์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาล โดยธุรกิจหลักของ FNC ยังรวมถึงการผลิตและจําหน่ายอินนูลินและสารเติม แต่งอาหาร โดยความร่วมมือระหว่างบริษัทและ FNC ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของไทยว่าในการนําเสนอนวัตกรรมอาหารไปสู่ลูกค้าทั่วโลก
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังนับเป็นก้าวสําคัญของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของไทยว่าในการเป็นผู้นําธุรกิจเกษตร และอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ขยายโอกาสไปยังตลาดอื่น ๆ และใช้ ประโยชน์จากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับการดําเนินงานปัจจุบันเพื่อขยายเครือข่ายการกระจายสินค้า ตลอดจนช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของไทยวาให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ หากบริษัทเห็นว่ามีความคืบหน้าประการใดที่สําคัญสําหรับการทําธุรกรรม บริษัทจะรายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบ