สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 พฤศจิกายน 2567)-----------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ FSX และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ที่ 'BBB+(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)'
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท: อันดับเครดิตภายในประเทศของ FSS พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตรวมของทั้งกลุ่ม ฟิทช์ใช้วิธีการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าว เนื่องจาก FSS เป็นกิจการหลักของกลุ่ม โดยมีสัดส่วนประมาณ 99% ของรายได้รวมของกลุ่มในครึ่งปีแรกของปี 2567 และทั้งสองบริษัทมีความเชื่อมโยงระหว่างกันอย่างใกล้ชิด
FSX เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มและมีสัดส่วนการถือหุ้นของ FSS ที่ 99.7% นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงและผสานการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง FSX และ FSS ทั้งในด้านกลยุทธ์และด้านการเงิน
อันดับเครดิตของบริษัทโฮลดิ้งอยู่ในระดับเดียวกันกับบริษัทที่เป็นกิจการหลักของกลุ่ม: อันดับเครดิตของ FSX อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของ FSS เนื่องจากฟิทช์มองว่าความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของ FSX ย่อมส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ FSS ด้วยเช่นกัน อีกทั้งฟิทช์ยังคาดว่า FSX จะสามารถรักษาอัตราส่วน Double Leverage ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 120% ได้ในระยะปานกลาง ควบคู่ไปกับนโยบายการบริหารสภาพคล่องที่ยังคงมีความระมัดระวัง
มีการพึ่งพาสภาวะตลาดหลักทรัพย์: อันดับเครดิตของ FSS พิจารณาถึงการที่กลุ่มมีเครือข่ายธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจที่ต้องพึ่งพาปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง โดยรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 60% ของรายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 2567 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 36% ฟิทช์ยังคงมองว่าผลประกอบการของ FSS จะยังคงมีความอ่อนไหวในระยะยาว (through the cycle) ต่อความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ แม้ทางบริษัทจะมีความพยายามในการกระจายรายได้ไปยังธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจ wealth management
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงยากลำบาก: บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่อ่อนแอ มูลค่าซื้อขายที่ลดลง และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ต่ำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ลดลงประมาณ 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และการเสนอขายหุ้นใหม่ (IPO) ก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้สัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของปริมาณธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 น่าจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณธุรกรรมในตลาดมีแนวโน้มที่จะยังคงมีความผันผวนและหากสภาวะการซื้อขายยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลกดดันโครงสร้างเครดิตของบริษัทหลักทรัพย์ได้
ยังคงมีแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร: สภาวะตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยได้กดดันรายได้และความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัท ตั้งแต่ปี 2567 โดยอัตราส่วนของกำไรจากการดำเนินงาน ต่อส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (อัตราต่อปี) ยังคงติดลบที่ -11.4% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 จาก -7.1% ในปี 2566 ทั้งนี้สภาวะตลาดโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 น่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทอาจจะยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักและยังคงผันผวนเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นที่มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า เนื่องมาจากการพึ่งพาธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
มีสัดส่วนหนี้สินและสภาพคล่องที่ยอมรับได้: การบริหารจัดการเงินทุนของกลุ่มบริษัท ได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มทุนจำนวน 1,075 ล้านบาท เมื่อเดือน กรกฎาคม 2567 นอกจากนี้อัตราส่วน net adjusted leverage ที่ 2.5 เท่า ในครึ่งปีแรกของปี 2567 (2.4 เท่า ณ สิ้นเดือน ธันวาคม ปี 2566) ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในการช่วยรองรับความผันผวนของรายได้และความเสี่ยงด้านการเงิน ในขณะที่อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินกู้ยืมระยะสั้น อยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2567 ควบคู่ไปกับความเข้าถึงการระดมเงินทุนจากตลาดทุนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงของการรีไฟแนนซ์ของเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนดในระยะสั้นได้
ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
FSS
อันดับเครดิตของ FSS อาจได้รับการปรับลดอันดับ หากความสามารถในการทำกำไรยังคงอ่อนแอ ซึ่งอาจเนื่องมาจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ยังคงไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้ หากบริษัทมีการขยายธุรกิจไปในธุรกิจที่มีระดับการยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับผลการดำเนินงาน หรือเงินกองทุนของบริษัท
การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วน net adjusted leverage ที่สูงกว่า 5 เท่าเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ยังอาจส่งผลในเชิงลบต่อโครงสร้างเครดิตของบริษัทได้ ทั้งนี้การพิจารณาดังกล่าวจะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ด้วยเช่นกัน
FSX
อันดับเครดิตของ FSX อาจเปลี่ยนแปลงไปตามมุมมองของฟิทช์ในการพิจารณาโครงสร้างเครดิตของกลุ่มบริษัทเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต
ทั้งนี้การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวยังอาจเกิดขึ้นได้ หากฐานะการเงินของบริษัทโฮลดิ้งปรับตัวด้อยลงเมื่อเทียบกับ FSS โดยเหตุการณ์ดังกล่าว อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ อัตราส่วน Double Leverage Ratio ที่มากกว่า 120% อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตของ FSX นอกจากนี้สัดส่วนของขนาดสินทรัพย์ของ FSS ต่อกลุ่มบริษัทที่ลดลงต่ำกว่า 75% อาจจะส่งผลให้มุมมองของฟิทช์ต่อโครงสร้างเครดิตของ FSX เมื่อเทียบกับ FSS นั้นเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลให้วิธีการพิจารณาอันดับเครดิตโดยรวมของกลุ่มอาจไม่เหมาะสม และอาจนำไปสู่อันดับเครดิตที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองบริษัทได้
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
FSS
การปรับอันดับเครดิตอาจเกิดได้จากการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งในด้านรายได้ รวมไปถึงการมีสัดส่วนของแหล่งรายได้ประจำ (recurring income) ที่มีเสถียรภาพและเพิ่มมากขึ้น ในระยะปานกลางถึงระยะยาว ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้น และมีความผันผวนน้อยลงตลอดวัฏจักรธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตาม โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัด เมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ท้าทายในช่วงที่ผ่านมา
FSX
การปรับตัวดีขึ้นของโครงสร้างเครดิตของกลุ่ม เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของ FSX ได้รับการปรับเพิ่มอันดับได้ พร้อมกันนี้ อัตราส่วน double leverage ของบริษัทจะต้องอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 120% ควบคู่ไปกับการที่บริษัทสามารถรักษาการบริหารสภาพคล่องที่เหมาะสม และมีสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องที่เพียงพอต่อระดับหนี้สินระยะสั้น