Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: SCB EIC หั่นศก.โลก-ไทย ลง รับผลกระทบนโยบาย Trump 2.0

526

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 25 พฤศจิกายน 2567 )-------SCB EIC หั่นศก.ไทยปีหน้าเหลือโต2.4%  จาก 2.6%  รับผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 พร้อมประเมิน เศรษฐกิจโลกในปี 2025 จะขยายตัวต่ำลงเหลือ 2.5% (เดิม 2.8%) จากผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 เป็นหลัก


SCB EIC   เศรษฐกิจโลก จะเริ่มเผชิญความท้าทายจากผลของนโยบาย Trump 2.0 ในปีหน้า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงอยู่ที่ 2.7% ตามที่ประเมินไว้เดิม โดยจะเติบโตชะลอลงแบบ Soft landing ในช่วงที่เหลือของปี แต่เครื่องชี้เร็วเริ่มสะท้อนความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นมากหลัง Trump ชนะการเลือกตั้ง SCB EIC ประเมินว่า Trump จะมีอำนาจฝ่ายบริหารที่คล่องตัวขึ้น เนื่องจาก Republican sweep ทั้งสภาบนและล่าง ท่ามกลางระบบตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงมาก อย่างไรก็ดี การกลับมาครั้งนี้ Trump จะต้องเผชิญบริบทโลกที่มีสภาพเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศท้าทายขึ้นกว่าสมัยแรก เช่น เงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงกว่า รวมถึงเกิดสงครามยูเครนและอิสราเอล ซึ่งอาจกระทบประสิทธิผลการดำเนินนโยบายชุดใหม่ของสหรัฐฯ ได้ SCB EIC จึงประเมินว่า Trump จะดำเนินนโยบายชุดใหม่อย่างมีกลยุทธ์ โดยเร่งดำเนินนโยบายในประเทศตามที่หาเสียงไว้ แต่อาจไม่ได้ทำนโยบายกีดกันการค้าแบบสุดโต่ง



SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2025 จะขยายตัวต่ำลงเหลือ 2.5% (เดิม 2.8%) จากผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 เป็นหลัก โดยมองสมมติฐานนโยบาย Trump 2.0 ในกรณีฐานไว้ดังนี้ คือ 1) สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนเฉลี่ย 20pp (percentage points) และสินค้าประเทศอื่นเฉลี่ย 10pp ขณะที่ประเทศอื่นจะตอบโต้สหรัฐฯ กลับในอัตราภาษีเท่ากัน ด้านยุโรปกับจีนจะขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันเฉลี่ย 10pp ทั้งนี้การขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจะแตกต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศและประเภทสินค้า 2) สหรัฐฯ จะลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ผ่านการต่ออายุ Tax Cut and Job Act อีก 10 ปี (ถึงปี 2034) 3) สหรัฐฯ จะออกนโยบายควบคุมผู้อพยพ ซึ่งจะทำให้ยุโรปหันมาใช้นโยบายนี้ด้วย 4) ชุดนโยบายสำคัญ Trump 2.0 จะเริ่มกระทบเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ถึงระยะปานกลาง 5) ประเทศต่าง ๆ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Trump 2.0




SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้หลังตัวเลขไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่เคยประเมินไว้ แต่นโยบาย Trump 2.0 จะกดดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีหน้า SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2024 เป็น 2.7% (เดิม 2.5%) จากผลมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวสูงตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวดีในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากอานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จึงมีโอกาสสูงกว่า 36 ล้านคนที่เคยประเมินไว้



อย่างไรก็ดี SCB EIC ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2025 ลดลงเหลือ 2.4% (เดิม 2.6%) จากผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 ซึ่งแนวนโยบายจะเร่งให้เกิดปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และทำให้เกิดการกีดกันการค้าที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบผ่านการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก โดยนโยบายกีดกันการค้าของ Trump 2.0 จะทำให้ไทยมีแนวโน้มนำเข้าสินค้าจีนและขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องจับตาประเด็น Unfair trade กับสหรัฐฯ เพราะไทยมีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้นต่อเนื่อง และอาจเข้าข่ายเกณฑ์ด้านอื่นอีกด้วย สำหรับการลงทุนภาคเอกชนไทยในระยะข้างหน้าจะมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของ Trump 2.0 ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนชะลอแผนการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของนโยบาย Trump ที่อาจขยายนโยบายกีดกันการค้าไปกลุ่มประเทศอื่น ๆ ด้วย และอัตราภาษีนำเข้าที่จะเก็บเพิ่มยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะมีนโยบายการคลังที่คาดว่าจะทยอยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาผลกระทบจาก Trump 2.0 ได้บางส่วนในปีหน้า

 


SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบ ธ.ค. นี้ ตามการสื่อสารของ กนง. ที่เน้นรักษา Policy space เพื่อบริหารความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจการเงินไทยในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อีกครั้งในการประชุมรอบเดือน ก.พ. 2025 เพื่อผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมและสินเชื่อยังคงชะลอตัวและเริ่มสร้างความกังวลมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 ขณะที่ภาวะการเงินโลกในปีหน้าจะผ่อนคลายลงจากปีนี้ได้บ้าง ตามทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย



เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าเร็วจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยอาจอ่อนค่าไปอยู่ที่ราว 34.80-35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังตลาดประเมินว่า Trump จะขึ้นภาษีนำเข้า และประเทศอื่น ๆ อาจตอบโต้กลับ ซึ่งจะทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกราว 3-4% และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ สำหรับปี 2025 เงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นจากภาวะ Risk-on ที่จะทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดเอเชียและไทย รวมถึงทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยมองกรอบเงินบาทอยู่ที่ราว 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2025

 

///จบ///

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SSP สุดปลื้ม! คว้ารางวัล Sustainability Disclosure Recognition 2024

SSP สุดปลื้ม! คว้ารางวัล Sustainability Disclosure Recognition 2024

TMILL รับรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน Sustainability Disclosure Award ประจำปี 67

TMILL รับรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน Sustainability Disclosure Award ประจำปี 67

"LEO COLDBOTIC" เปิดประสบการณ์ใหม่ ที่สุดแห่งนวัตกรรมการจัดเก็บไวน์ ในงาน "THE WINE JOURNEY OF TOMORROW

"LEO COLDBOTIC" เปิดประสบการณ์ใหม่ ที่สุดแห่งนวัตกรรมการจัดเก็บไวน์ ในงาน "THE WINE JOURNEY OF TOMORROW

มัลติมีเดีย

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้