Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

509

 


"Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ลุ้นดีดตัว" ต้าน 1458/1463 จุด รับ 1443/1440 จุด ดัชนี S&P500 ปรับลง -0.6% หลังคุณ Powell ประธาน Fed ให้ความเห็น Fed ไม่จำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ย สอดคล้องเงินเฟ้อ PPI ต.ค. 24 +2.4%y-y, 0.2%m-m สูงกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจยังส่งภาพ "Goldilocks to Soft Landing" ทำให้ US Bond Yield 2 ปี เร่ง +7 bps ทำให้ตลาดคาดโอกาสลดดอกเบี้ย ธ.ค. 24 ต่ำลงเหลือ 60% จากเดิมกว่า 80% เป็นจิตวิทยาลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี EM Asia มีปัจจัยหนุน คาดรายงานเศรษฐกิจจีนจะเริ่มเห็นพัฒนาการบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผสานกำไร 3Q24 ช่วงปลายดี รายงานแล้ว 518 บริษัท ระดับต่ำกว่าคาดเหลือ -17% (vs วันทำการล่าสุด -19.3%) และต้นสัปดาห์หน้า มองมีแรงขับเคลื่อนรายงาน GDP งวด 3Q24 ตลาดคาดฟื้นตัว รวมถึงมาตรการ Digital Wallet เฟส 2 เริ่มชัดเจนถึงภาพการแจกกลุ่มถัดไปผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ประเมินราว 3-4 ล้านคน หนุน GDP ได้ 0.15-0.175% ให้น้ำหนัก Domestic Plays (ค้าปลีก ธนาคาร สื่อสาร) กลุ่มส่งออก (อาหาร, ชิ้นส่วน) หุ้น China Plays วันนี้แนะ BBL, BJC, SCB

 


Daily outlook: "ลุ้นดีดตัว" ต้าน 1458/1463 จุด รับ 1443/1440 จุด

What happened around the world ?

(+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกปรับลงอีกครั้งรับ ประธาน Fed Powell ส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย แต่แนวโน้มใหญ่ตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นขาขึ้น Dow jones -0.47%, ดัชนี S&P500 -0.6%, Nasdaq -0.63% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆมีเพียง Sector Energy, IT แต่กลุ่มที่ปรับลง คือ Industrials, Health care, Consumer discretionary ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Walt Disney +6% หลังจากบริษัทเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าตลาดคาดคาด, Tesla -5.8% , Rivian Automotive -14.3% ทั้ง 2 บริษัทผู้ผลิตรถ EV สหรัฐฯ รับข่าวคณะบริหารของทรัมป์วางแผนที่จะยกเลิกการให้เครดิตภาษีมูลค่า 7,500 ดอลลาร์แก่ผู้บริโภคที่ซื้อรถ EV ซึ่งเป็นส่วน 1 ของนโยบาย , Coinbase -2.1%, Microstrategy -0.22% รับราคา Bitcoin ปรับลงต่อ

(*) Fed Powell : ประธาน Fed Jerome Powell กล่าวสุนทรพจน์งานเสวนาที่จัดขึ้นที่ รัฐ Texas เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย Key Highlight คือ 1.) เผย Fed ไม่จําเป็นต้อง 'รีบ'เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต 2.)เศรษฐกิจสหรัฐมองค่อนข้างแข็งแกร่งทําให้เจ้าหน้าที่ Fed มีที่เวลาในการพิจารณาในการเคลื่อนไหวการดำเนินนโยบายการเงิน "อย่างระมัดระวัง" โดยรวมตลาดมองเป็นภาพ Slightly Hawkish เพราะหากอิงมุมมองตลาด Fed watch Tool ล่าสุดลดคาด โอกาส(Probability) การลดดอกเบี้ยในรอบ ธ.ค.24 -25 bps ลงมาอยู่ที่ 60% จากวันก่อนหน้าที่ 80% อย่างไรก็ตาม KSS มองตามเดิมไม่เปลี่ยนคือ เชื่อภาพดอกเบี้ยขาลงในสหรัฐจะดำเนินต่อ หากอิง Dot Plot ที่ Fed วางไว้ช่วงที่เหลือของปีนี้ ดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงได้อีกราว -25 bps ในการประชุม Fed ธ.ค. โดนรวมระยะกลาง -ยาว มองเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้าเน้น GULF กลุ่มการเงิน MTC กลุ่ม ICT (ADVANC) กลุ่มหนี้สูง CPALL, CPAXT

(*) US Econ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังหนุนทิศทางดอกเบี้ยขาลง 1.)ดัชนีราคาฝั่งผู้ผลิต(PPI) เดือน ต.ค. ออกมาตามคาด(Inline) +0.3%m-m prev. +0.2% สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่รายงานกลางสัปดาห์ตามคาด 2.)จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Initial Jobless Claims) - 4 พันรายจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 2.17 แสนราย VS. ต่ำค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์อยู่ที่ 2.20 แสนราย (อิง MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims ที่เพิ่มขึ้นเกิน 5 หมื่นราย มักเป็นสัญญาณของเศรษกิจถดถอย และจากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

(*) To monitor: ฝั่งสหรัฐ 15 พ.ย. ดัชนีค้าปลีก ต.ค. คาด +0.3%m-m vs prev. +0.4%m-m, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.2%m-m vs prev. -0.3%m-m ยุโรป 14 พ.ย. GDP Growth ยุโรป 3Q24 ตลาดคาด 0.9%y-y, 0.4%q-q ฝั่งจีน 15 พ.ย. ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ต.ค. คาด ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม +5.5%y-y vs prev. +5.4%y-y, ดัชนีค้าปลีก คาด +3.8%y-y vs prev. +3.2%y-y, การลงทุนสินค้าค้าทน คาด +3.5%ytd y-y vs prev. +3.4%ytd y-y, การลงทุนภาคอสังหา คาด -9.9%ytd y-y vs prev. -10.1%ytd y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐอิงอายุ 2 ปีพลิกปรับขึ้นอีกครั้ง +7 bps อยู่ที่ 4.35% (ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง) และอายุ 10 ปี ปรับขึ้น -2 bps อยู่ที่ 4.45% (ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน KSS ประเมินแนวต้านสำคัญคือ 4.5% หากทะลุผ่าน มองจะเป็นจิตวิทยาลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่หากไม่ผ่านและปรับลงมองบวกต่อตลาดหุ้น และบวกต่อ ดอกเบี้ยขาลง ( หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) มองเป็นจิตวิทยาบวกหนุนต่อกลุ่มประกันชีวิต อาทิ BLA, TLI. กลุ่มธนาคาร KBANK, KTB ส่วน Dollar Index แข็งค่ามาที่ 106.4 จุด(ระดับการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน) ประเมินหนุนค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่า เป็นปัจจัยลบต่อ Fundflow

(*) World Container Index (WCI) : WCI สัปดาห์ล่าสุดทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน (Flat) อยู่ที่ 3444 เหรียญต่อ 40 ft แต่ยังเห็นปรับขึ้นบางเส้นทางเรือ อาทิ Shanghai - Rotterdam แนวโน้ม WCI ที่เป็นภาพแกว่งตังขึ้นรายสัปดาห์ จากก่อนหน้าปรับขึ้น 2 สัปดาห์ติด ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้)

(*/+) Oil ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว Brent +0.18%d-d ปิดที่ USD 72.41/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.39%d-d ปิดที่ USD 68.7/barrel รับแรงหนุนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับ ตลาดคาดเพิ่ม ขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล มองการขึ้นน้ำมันเป็นเพียงระยะสั้น เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นน้ำมัน PTTEP, PTT

 

What happened in Thailand?

(*/-) SET : SET Index พยายามตั้งฐานแกว่งในกรอบก่อนปิดลบ -1.35 จุดหรือ -0.09% ปิดที่ 1450.12 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) ประเมินตลาดมองระวังก่อนรายงานกำไรงวดบัญชี 4Q24 ซึ่งคาบเกี่ยวช่วงนอกฤดูกาล กลุ่มธนาคาร (KBANK, TTB, SCB, KTB) มองกดดันจากภาพ Fund Flow ไหลออก ส่วน Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ อิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, CCET) มองเงินบาทสลับมาอ่อนค่าเร็วเป็นแรงหนุน ผสาน เป็นกลุ่มที่จำหน่ายสินค้าเกาะไปกับธีม Infra Tech และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, HMPRO) ตอบรับสัญญาณกำไร 3Q24 ดี และมีโมเมนตัมต่อเนื่อง

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายหุ้น -92.1 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -82.0 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -10,680 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าทรงๆ 34.9 บาท

(*/+) Thai Industrial Sentiment: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ต.ค. 24 อยู่ที่ 89.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 87.1 ใน ก.ย. 24 เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ภาครัฐเร่งฟื้นฟูและเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชน รวมถึงโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ส่งผลดียอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี มองบวกต่อหุ้น Domestic ค้าปลีก เน้น CPALL, BJC, HMPRO เช่าซื้อ MTC ธนาคาร KBANK, KTB สื่อสาร ADVANC

(*/+) Infrastructure: รมว. คมนาคม เปิดเผยยังอยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทันภายในปีนี้ เพื่อเป็นส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจ โดยเบื้องต้นจะเสนอ 4 โครงการลงทุนที่มีความพร้อม วงเงินลงทุนรวมกว่า 1.24 แสนล้านบาท พร้อมเสนอ ครม. ภายในปีนี้ และเราคาดประมูลได้ปีหน้า 1.) รถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสีแดง (รังสิต - ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต) 2.) รถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสีแดง (ศิริราช - ตลิ่งชัน - ศาลายา) 3.) ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน 4.) มอเตอร์เวย์ ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง โดยรวมมองเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา อาทิ CK, STEC

(*/+) Fiscal Policy: รมว. คลัง ล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ Navigating Economic Challenges : The Future of Fiscal Policy เน้น 2 ประเด็นเรามองยังสร้างความคาดหวังบวกต่อเศรษฐกิจไทย

1.) ให้ความสำคัญกับระดับการลงทุนของประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น หลังปีที่ผ่านมาการลงทุนลดลงเหลือไม่ถึง 20% ของ GDP จากก่อนหน้านี้ที่ 40% ของ GDP เพื่อสร้างการเติบโตเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว เราประเมินน่าจะนำมาสู่ภาพ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่รัฐฯ +เอกชน ทั้งจากเม็ดเงินในและนอกประเทศที่เร่งปรับลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค เช่น กฎระเบียบรัฐฯ, ต้นทุนพลังงาน เราโครงการที่อยู่ในแผนรัฐบาลจะเร่งขึ้น อาทิ การอนุมัติ Mega Projects, Entertainment Complex, Data Center รวมถึงการดึงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเป็น S Curve ใหม่ๆ เข้ามา อาทิ Semi-Conductor เกษตร+เทคโนโลยีชีวภาพ การบิน+อวหาศ แนวทางดังกล่าวหนุนจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มได้ประโยชน์หากเม็ดเงินลงทุนมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่อง นิคม (WHA, AMATA)

2.) ตามที่รัฐบาลจะนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.67 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น ที่ประชุมจะมีการหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง เช่น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้เดิม (เน้นการกระจายภาระหนี้ออกไป แต่ยอดหนี้ไม่เปลี่ยนแปลง) เรามองหนุนหุ้นกลุ่ม Domestic ค้าปลีก CPALL, BJC, CRC, HMPRO เช่าซื้อ MTC, SAWAD ธนาคาร เน้น KBANK, KTB

(*/+)Infra Tech: ข้อมูลจาก e-Conomy SEA Report 2024 จัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company เจาะลึกเศรษฐกิจดิจิทัลไทย พบว่ามี ประเด็นที่หนุนเราเชื่อมั่นภาพบวกหุ้นในธีม Infra Tech ที่เราแนะนำต่อเนื่อง ดังนี้ ไทยเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล (46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีอัตราการเติบโต 19% มีแรงขับเคลื่อนจาก

1.) ตลาด e-Commerce ไทยมีมูลค่า 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค และเติบโต 19% เป็นอันดับ 2 เช่นกัน

.2.) ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค (10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และโตเร็วที่สุด (32%)

ขณะที่ปัจจุบันเม็ดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน Technology ไทยยังต่ำกว่าภูมิภาค โดยเราประเมินอาจจะมีข้อจำกัดบางส่วนที่รัฐฯกำลังเร่งปรับแก้ หากเป็นไปตามแผนที่รัฐฯวางไว้ ผสาน มุมมอง Gartner ประเมินการเติบโต AI มีความเสี่ยงจำกัดใน 5 ปีข้างหน้า จากข้อจำกัดของกำลังให้บริการโรงไฟฟ้า ซึ่งประเด็นโรงไฟฟ้าเรามองบวกต่อไทยที่มีจุดเด่นกำลังให้บริการเหลือรองรับ

เรามองกระแสลงทุน Data Center ที่เริ่มจุดติดจะเร่งขึ้นไม่ยาก ทำให้ยังแนะนำหุ้นในธีม Infra Tech หลักๆ ต่อเนื่อง กลุ่มต้นน้ำ WHA, AMATA, GULF, GPSC, INSET, LTS (เก็งกำไร) ADVANC กลุ่มกลางน้ำ BBIK, INET (เก็งกำไร วางแนวรับ (6.4/6.2) แนวต้าน (6.75/7.0) Stop Loss 5.9)

(+) Digital Wallet: ความชัดเจน Digital Wallet เฟส 2 เพิ่มขึ้นจากสัญญาณ 1.) รมว. คลังเริ่มกล่าวถึงแนวทางการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มถัดไป คือ ผู้สูงอายุเกิน 60 ปีที่ยังไม่ได้เงินในเฟสแรก (เฟสแรก คือ กลุ่มเปราะบาง) คาดนำหลักการเข้าบอร์ดคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 19 พ.ย. เบื้องต้นคาดว่าใช้เงินไม่มากนัก มองจำนวนผู้เข้าข่ายไม่เยอะ ทั้งนี้ ทีมกลยุทธ์ประเมินน่าจะมีผู้เข้าข่ายได้สิทธิ์ราว 3-4 ล้านคน หรือมีขนาดราว 1 ใน 4 ของเฟส 1 เบื้องต้นคาดบวกต่อ GDP ราว 0.15-0.175% และ 1.3% ของมูลค่าค้าปลีกค้าส่งปี 2023 มองกลุ่มดังกล่าวที่ส่วนใหญ่น่าจะเกษียณอายุไปแล้ว เชื่อว่าจะเร่งนำมาจับจ่าย หนุนเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไม่แตกต่างจากกลุ่มเปราะบางที่ได้ในเฟส 1 มองบวกต่อหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์สูงในเฟส 1 อาทิ เช่าซื้อที่การเก็บหนี้มีพัฒนาการบวกจาการนำเงินไปคืนหนี้ เน้น MTC, JMT ค้าปลีกที่ยอดขายสินค้าจำเป็นมีโมเมนตัมเด่นต่อเนื่อง เน้น CPALL, BJC ธนาคาร เรามองมี Upside คุณภาพหนี้เช่นกัน เน้น KBANK, SCB

(*/+) TH CCI: ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน ต.ค. 24 เร่งขึ้นมาที่ 56.0 จุดจาก 55.3 ใน ก.ย. ปรับขึ้นในรอบ 8 เดือน เรามองบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่ยังอยู่ในโซนฐาน เน้น CPALL, BJC, CRC, HMPRO

(*/+) TH Earning: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 513 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 415 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -17% VS วันทำการล่าสุด -19.3% สะท้อนภาพหุ้น Domestic ที่รายงานสัดส่วนสูงช่วงท้ายออกมาดี ช่วยชดเชยผลกระทบกลุ่ม Global อาทิ พลังงาน ชิ้นส่วนที่ออกมาต่ำกว่าคาด และหดตัว -27.6%y-y (VS วันทำการล่าสุด -29%y-y) โดยล่าสุดกลุ่มที่รายงาน

- งบดีกว่าตลาดคาด ได้แก่ CENTEL (123%y-y, -3%q-q) CPF (พลิกกำไรy-y, 5.6%q-q) GULF (79%y-y, 27%q-q) CPN (ทรงตัวy-y, -9%q-q) ROJNA (36%y-y, 226%q-q) PSH (-4%y-y, 19%q-q) WARRIX (36%y-y, 226%q-q) CK (57%y-y, 106%q-q) CHG (28%y-y, 117%q-q)

- งบตามตลาดคาด ได้แก่ SAPPE (-6%y-y, -27%q-q) SISB (77%y-y, 4%q-q) AMATA (93%y-y, 231%q-q) SISB (70%y-y, 4%q-q) RBF (-48%y-y, 6%q-q)

- งบแย่กว่าตลาดคาด ได้แก่ BCH (3%y-y, 64%q-q) ERW (-17%y-y, -16%q-q) SABINA (-7%y-y, -6%q-q) KLINIQ (4%y-y, ทรง q-q) SAT (-40%y-y, 13%q-q) ORI (-44%y-y, -11%q-q) LH (-45%y-y, -36%q-q) BTS (พลิกขาดทุน y-y, -19.2%q-q) STECON (พลิกขาดทุน y-y, q-q)

- ไม่มีคาด ได้แก่ MICRO (ขาดทุนเพิ่ม y-y, ขาดทุนลดลง q-q) XO (-37%y-y, -37%q-q) TOA (-71%y-y, -61%q-q) PYLON (213%y-y, พลิกกำไร q-q) ANAN (พลิกกำไร y-y, -80%q-q) RATCH (40%y-y, -28%q-q)

(*) To Monitor: สัปดาห์หน้าปัจจัยภายใน ติดตาม 1.) 18 พ.ค. GDP งวด 3Q24 ตลาดคาด +2.5%y-y เร่งขึ้นจาก prev. ที่ +2.3% 2.) 19 พ.ค. ติดตามการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์

 

Daily Strategy : BBL, BJC, SCB เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "ลุ้นดีดตัว" แม้คุณ Powell ให้สัญญาณไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย เป็นจิตวิทยาลบ แต่เอเชียยังมีปัจจัยหนุน ลุ้นพัฒนาการเศรษฐกิจจีนที่รายงานเช้านี้ ส่วนภายในกำไร 3Q24 ช่วงท้ายเป็นบวก สัปดาห์หน้าลุ้น GDP งวด 3Q24 เร่งขึ้น และตามด้วยความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตาการกระตุ้น Digital Wallet เฟส 2 หนุนหุ้นเด่นวันนี้ คือ Domestic Plays (ค้าปลีก ธนาคาร สื่อสาร) กลุ่มที่เงินบาทอ่อนค่าเร็วระยะสั้นต้น 4Q24 หนุน (อาหาร, ชิ้นส่วน) หุ้น China Plays

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, TU, CPF, STA, STGT,. SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)

• NOV24 Best Picks : ADVANC, BJC, BTS, GULF, GPSC, IVL, ADVICE

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Trump President

Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 60 ครองเสียงสภาบน - สภาล่าง โดยนโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax, กีดกันการค้า, สนับสนุนอุตสาหกรรมฟอสซิลและหนุนการขุดเจาะน้ำมัน ฯลฯ

KSS ประเมินระยะสั้น 1.)ผลกระทบ Dollar Index ที่แข็งค่ามาล่วงหน้ามาแตะ 105.3/105.85จุด คาดจะเริ่มถูกขายทำกำไรและอ่อนค่าลงรับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ 2.)เงินบาทที่อ่อนค่ามาแตะ 34.15/34.4บาทต่อเหรียญฯ จะกลับมาแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ 3.)Bond Yields 10ปี สหรัฐฯ จะติดแนวต้าน 4.5% แล้วมีแรงซื้อกลับ กด UST ลดระดับลง 4.)ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง EMs จะสลับกันขึ้น โดยมีกลุ่มประเทศ TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ได้เป็นอย่างน้อย แนะนำกลุ่มหุ้นเด่น 4Q24F : AOT, GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, KTB, ADVANC, HMPRO

ระยะกลาง – ยาว เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จาก นโยบายของ TRUMP 2.0 1.) กลุ่มนิคม AMATA, WHA 2.)กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP 3.)ส่งออกอาหาร ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าสมมติฐานเดิมและได้ประโยชน์จากการโยก Order เน้น TU (ได้ประโยชน์จากนโยบายลด Corporate Tax), CPF ยาง เน้น STA, STGT (จากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีน คาดจะหนุนยอดส่งออก) 4.)Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, KTB), ค้าปลีก (CPALL, BJC, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC) Utilities(GULF, GPSC)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• ROJNA (Buy, TP-9.2): Core profit jumped 62% yoy but down 7% qoq to Bt684m in 3Q24, but bottom line further rise to Bt2.3b, sky-rocket 745% yoy and 260% qoq majority from mark-to-market gain for investment in GULF. We look for higher profit qoq in 4Q24F premised on improved power operations and expected higher deed transfer. They would also gain from land sales at JV TRA, which would increase the implicit value of their stake. We maintain BUY rating for ROJNA.

• BTS (Buy, TP-5.59): We maintain a BUY rating and Bt5.59 TP for BTS on the gradual improvement in the cash flow and profitability. BMA/KT is on process to repay O&M liability to BTS. On profitability, BTS still incurred loss and the loss booked in 2QFY25 was bigger than we expected at B456m. Key drag is still on enormous loss from pink and yellow lines. Successful divestment of these two lines will turn around bottom line.

• GULF (Trading Buy, TP-60.25): GULF's 3Q24 net profit of Bt6b (+79% yoy, +27% qoq) exceeded expectations, due to higher-than-expected equity income, FX gains, and net tax income. With 9M24 results accounting for 78% of our 2024F forecast, we maintain our 2024F estimates. We reiterate our 'Trading Buy' rating with an unchanged TP of Bt60.25.

• CPF (Buy, TP-31): เรามีมุมมอง "Neutral" ต่อกำไรสุทธิ 3Q24 ของ CPF ที่ 7,309 ลบ. ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด ดีที่สุดในรอบ 16 ไตรมาส (เพิ่มจากขาดทุนใน 3Q23, +6%q-q) จากธุรกิจสัตว์บกในประเทศและส่วนแบ่งกำไร CTI เพิ่มขึ้น y-y, q-q เพราะราคาหมูจีน 3Q24 เพิ่มขึ้นโดดเด่น สำหรับโมเมนตั้ม 4Q24F คาดกำไรสุทธิลดลง q-q ตามปัจจัยฤดูกาลและราคาหมูจีนผันผวนกระทบส่วนแบ่งกำไรจาก CTI ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 9M24 คิดเป็น 98% ของประมาณการปัจจุบัน จึงมีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่มขึ้นหลังการประชุมนักวิเคราะห์ คงคำแนะนำ Buy TP25F 31บ. ยังคงเลือกเป็น Top pick

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอ เฟด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ ออกมาเปิดเผย CPI เดือน เม.ย. -0.22%YoY จากตลาดคาด -0.1%....

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้