Today’s NEWS FEED

News Feed

บล. เอเซีย พลัส : Market Talk

320

 

ยังไม่มีแรงผลัก แต่ความผันผวนก็น่าจะลดลง
ตลาดการเงินในสหรัฐฯ ลดความผันผวนลง และกำลังเข้ากรอบความคาดหวังเดิมที่วางไว้ ทั้งนี้ถูกสะท้อนผ่านตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ซึ่งออกมาที่ 2.6% ตามคาด และถูกคาดหมายว่าจะปรับลดลงได้ต่อเนื่องผลดังกล่าวทำให้FEDWATCH TOOL กลับมาให้ความน่าจะเป็นที่FEDจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุม 18 ธ.ค.67 มาอยู่ที่4.5% ซึ่งก็ดึงให้ BOND YIELD 10 ปีกลับมาอยู่ที่ใกล้เคียงดอกเบี้ยนโยบาย ในส่วนของบ้านเราวันนี้ความสนใจอยู่ที่แนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งให้น้ำหนักไปที่การใช้มาตรการทางการคลัง โดยที่จะมีการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.67 (18 พ.ย.ประกาศตัวเลข GDP งวด 3Q67) สำหรับภาพตลาดหุ้นมองว่ายังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามระดับความผันผวนก็น่าจะลดลงมองภาพ SET INDEX ยังอยู่ในภาวะที่ขาดแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าระดับความผันผวนก็น่าจะลดลง วันนี้คาดกรอบ 1446 –1463 จุด TOP PICK เลือก CK, CRC และ MAJOR


เปิดทาง FED ลดดอกเบี้ยมากขึ้น หลังเงินเฟ้อแนวโน้มชะลอ
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับทรงตัวในกรอบแคบราว -0.2% ถึง +0.1% หลังดัชนีCPIในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 2.6%YOY เท่ากับตลาดคาด ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (CORECPI) ปรับตัวขึ้น 3.3%YOY เท่ากับตลาดคาดเช่นกัน ขณะที่ทาง BLOOMBERGCONSENSUS คาดการณ์ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯในไตรมาสถัดๆไป มีโอกาสลดลงโดย 4Q24F อยู่ที่ 2.5%YOY และ1Q25F อยู่ที่ 2.2%YOY ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสามารถคลายความกังวลของนโยบายต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงไปได้บ้าง


ล่าสุด FEDWATCH TOOL ของ CME GROUP บ่งชี้ว่า หลังการเปิดเผยดัชนี CPI คืนที่ผ่านมา นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 81% ที่FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%ในการประชุมเดือน ธ.ค.67 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 59% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2568 โดยคาด ณ สิ้นปี 2568 ดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะอยู่ระดับ 4.00%

ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้เงินบาทมีโอกาสเริ่มชะลอการอ่อนค่า ตามการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ซึ่งตามกลไลจะหนุนให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสชะลอการไหลออกจากบ้านเราอยู่บ้าง จึงน่าจะหนุนให้ SET INDEX ทรงตัวในกรอบแคบ และมีโอกาสดีดตัวขึ้นในวันนี้ กรอบวันนี้ 1446-1460/1463จุด


เศรษฐกิจไทยจำเป็นให้ยาแรงกระตุ้น เพื่อดัน GDP โตตามเป้าฯ
เศรษฐกิจไทยใน 1H67 ขยายตัว +1.9%YOY ทำให้ 2H67 ต้องเร่งตัวขึ้นอย่างน้อย+3.5%YOY เพื่อหนุนให้ทั้งปี 2567 เติบโต +2.7%YOY และถ้าในกรณีที่ GDPGROWT ไทยใน 3Q67 ขยายตัวได้ไม่สูงมาก คาดส่งผลให้งวด 4Q67 ต้องมีมาตรการกระตุ้นที่เร็วและแรงโดยในวันที่ 19 พ.ย. 67 รัฐบาลจะมีการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ถก

แนวทางดัน GDP โตเกิน 3% คาดมีพิจารณาในประเด็นต่างๆ อาทิ
• มาตราการ ระยะสั้น-กลาง-ยาว
• โครงการของขวัญปีใหม่คนไทย
• หารือแนวทางโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 (รัฐบาลยังเหลือวงเงินตุนไว้สำหรับโครงการฯ ราว 3.05 แสน ลบ. หลังแจกเงินในเฟส 1 ไปแล้วราว
1.45 แสน ลบ.)
• รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน หลังเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้เก่า เช่น การให้จ่ายหนี้ลดลง การยืดหนี้ รวมถึงการผลักดันให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น

นอกจากนี้ในแง่มุมของการก่อหนี้สาธารณะปัจจุบัน มีอยู่ราว 12 ล้าน ลบ. (63.3%ต่อ GDP) โดยรัฐบาลจะควบคุมให้ไม่เกิน 70% ต่อ GDP ซึ่งคาดว่าจะก่อหนี้ได้อีกราว3 ล้านลบ. ในอีก 3-4 ปีข้างหน้าและเพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลัง ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดันลงทุนเพิ่มรายได้ระยะยาว หนุนเจรจา OCA ลดต้นทุนพลังงาน และดึงลงทุน ENTERTAINMENT COMPLEX เพิ่ม
รายได้ท่องเที่ยว


สรุป การผลักดันให้ GDP GRWOTH ไทย โตได้ตามเป้าหมาย การมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ 4Q67 ต้องมีมาตรการกระตุ้นที่เร็วและแรง ซึ่งน่าจะหนีไม่พ้นเรื่องเร่งการบริโภคและการให้จ่ายภาครัฐฝ่ายวิจัยฯ มองเป็นบวกต่อหุ้น CRC CPALL BJC CBG CK STECON TASCO SCC MTC SAWAD TIDLOR เป็นต้น


หุ้นรายตัวลงหนัก...กว่าดัชนีที่เห็นว่าย่อตัวเล็กน้อยแม้ 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะย่อตัวเล็กน้อย โดย SET INDEX -1.27% และSET100 -0.81% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาออกเป็นรายบริษัท พบว่า ผลตอบแทน 1 เดือนของหุ้นในSET100 ทุกบริษัท เฉลี่ยปรับตัวลงหนักถึง -6.7% และมีหุ้นลงหนักกว่า SET100INDEX ที่ -0.81% ถึง 79 บริษัท จากทั้งหมด 100 บริษัท โดยมีหุ้นที่ RSI เข้าเขตOVERSOLD (ในมุมเทคนิค คือ หุ้นที่ย่อตัวลงมาลึกมากในช่วงเวลาไม่นาน) ถึง 18บริษัท


แสดงให้เห็นว่า การขึ้นของดัชนีเป็นการถูกผลักดันที่กระจุกตัวจากบางบริษัทเท่านั้นอย่าง ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา DELTA +39% (หนุน SET 52 จุด, 3.54%), TRUE+5.26% (หนุน SET 2.3จุด, 0.15%), ADVANC +5.15% (หนุน SET 3.8จุด, 0.26%)เป็นต้น

มีหุ้นหลายบริษัทที่ลงแรงและลึกมากกว่าปกติ กลยุทธ์แนะนำ ค่อยๆ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีย่อตัวลงมาลึก CKP, BH, BGRIM, LH, BCP, AP, KCE, SCC, MINT หรือเก็งกำไรหุ้นที่เริ่มฟื้นขึ้นมาแรง SJWD, TIDLOR, PLANB, BDMS, CK, SPALI


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้