สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 13 พฤศจิกายน 2567 )-------CCP เผยทิศทางธุรกิจโค้งสุดท้ายปี 2567 ภาครัฐเร่งก่อสร้าง ลุยส่งมอบงานพร้อมรับรู้รายได้เพิ่ม เดินหน้าประมูลงานใหม่ทั่วประเทศ เติม Backlog แตะ 1,850 ล้านบาท ทยอยรับรู้ภายในปี 2568 - 2569 มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์งานรัฐ-เอกชนทั่วประเทศ เสริมศักยภาพการแข่งขัน ขณะที่ CHARLIE บริษัทย่อย คาดให้บริการคลังสินค้าครบวงจรเต็มพื้นที่ 100% รับรู้กำไรเพิ่ม สร้างการเติบโตต่อเนื่อง สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2567 รายได้รวม 697.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 37.50 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้รวม 2,147.38 ล้านบาท กำไรสุทธิ 91.85 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2567 มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาล โดยเฉพาะการขยายเส้นทางคมนาคมขนส่ง อาทิโครงการ รถไฟฟ้า ทางด่วน และสนามบิน รวมถึงโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผลักดันให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปพร้อมใช้เพิ่มขึ้นตาม
ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ ประมาณ 1,850 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เข้ามาเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2568-2569 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทเร่งเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการใหม่ ๆ จากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มเติมอีกในอนาคต เพื่อรักษาปริมาณงานในมือให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้ง มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป สำหรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และ งาน Landscape ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง ลดต้นทุน แรงงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับความต้องการของโครงการภาครัฐ-เอกชนที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น สร้างโอกาสเข้ารับงานใหม่ เสริมศักยภาพการแข่งขัน ควบคู่การบริหารจัดการควบคุมต้นทุน ผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้รวม 697.81 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 818.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.50 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,147.38 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,303.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 91.85 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 104.66 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการในส่วนของรายได้และกำไรปรับตัวลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้การส่งมอบสินค้าให้โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ถูกเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชัน จำกัด บริษัทย่อย เปิดให้บริการด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า Free Zone (เขตปลอดอากร) และ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 8 ราย โดยมีผู้มาใช้บริการเช่าพื้นที่แล้ว คิดเป็น 70% ของพื้นที่ทั้งหมด และคาดว่าช่วงไตรมาส 4/2567 จะมีผู้เข้าใช้บริการเต็มพื้นที่ 100%