Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

597

 

"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1470/1476 จุด รับ 1455/1446 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ดัชนี S&P500 +0.38% จากโมเมนตัมบวกความชัดเจนผลเลือกตั้ง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจเป็นลักษณะ Goldilocks - Soft Landing ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of michigan) พ.ย. 24 อยู่ที่ 73.3 จุด ดีกว่าคาด และ เพิ่ม 4 เดือนติด ด้านเอเชียแรงขับเคลื่อนอยู่ที่จีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจกรอบบนที่ตลาดคาดหวัง 10 ล้านล้านหยวนใน 5 ปี จาก 2 ส่วน คือ 1.) ปรับเพิ่มเพดานหนี้พิเศษจากเดิม 29.52 สู่ 35.52 ล้านล้านหยวน 2.) ออกพันธบัตรพิเศษ (Special Bond) มูลค่าปีละ 8 แสนล้านหยวนต่อปี ระหว่างปี 2024 - 2028 รวม 4 ล้านล้านหยวน ภายในสัปดาห์นี้โค้งสุดท้ายรายงานกำไร 3Q24 ล่าสุดยังต่ำกว่าคาด 22.5% เริ่มดีขึ้นจากล่าสุดที่ต่ำกว่าคาด 24% ขณะที่ส่วนใหญ่มาจากผลกระทบรายการพิเศษ+มีสัญญาณบวกฝั่งหุ้นอิง Domestic ผสาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดเข้ามาเพิ่มเป็นลำดับ มอง SET เริ่มฟื้นตัว โดยมีหุ้นนำ คือ หุ้น China Plays, หุ้นน้ำมันลงหนุน (สายการบิน โรงไฟฟ้า) หุ้น Domestic (ค้าปลีก เช่าซื้อ สื่อสาร ท่องเที่ยว) วันนี้แนะ GULF, IVL, JMT

 

 

 

 

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1470/1476 จุด รับ 1455/1446 จุด

What happened around the world ?

(+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับขึ้นทำระดับ All time high ได้ต่อเนื่อง Dow jones +0.59%, ดัชนี S&P500 + 0.38%, Nasdaq +0.09% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆคือ Sector Utilities, Real estate, Consumer staples ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลง คือ Materials, ICT, IT หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Salesforce + 3.59% รับข่าว AI ที่บริษัทจะพัฒนาชื่อ Agentforce Tool คาดจะได้รับการตอบรับเชิงบวก, Coinbase +5.93% รับเหรียญ Crypto Currency ปรับขึ้น โดยเฉพาะ Bitcoin ขึ้น All time high และใกล้แตะ 8 หมื่นเหรียญ,Tesla +8.19% หนุนจากข่าว Elon Musk หนุน Donald Trump เป็นประธานาธิบดีในช่วงก่อนหน้า, Eli Lilly +4.3% ฯลฯ

(*) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อวันศุกร์ออกมายังแข็งแกร่ง อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 73.3 จุดและทำจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน prev. 70.5 จุดในเดือน ต.ค.(และสำรวจก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ) และคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้า จากผุ้บริโภคลดลงเหลือ +2.6%y-y prev. +2.7% KSS ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในระยะกลาง มีโอกาสที่จะขยายตัวและห่างไกล Hard Landling จากแนวโน้มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ Donald Trump ทั้งการลด Corporate Tax กระตุ้นการจ้างงานในประเทศ โดยรวมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐ และบวกต่อบริษัทไทยที่มีรายได้ในสหรัฐ อาทิ TU ฯลฯ

(*)Trump Policy : New Yorks Times รายงานทีมถ่ายโอนอำนาจของ Donald Trump เตรียมคำสั่งฝ่ายบริหารและคำประกาศถอนตัวจากข้อตกลงสภาพภูมิอากาศปารีส (Pariss Agreement) และจะขยายการขุดเจาะน้ำมันและยกเลิกการระงับการออกใบอนุญาตส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) KSS ประเมินหากเกิดขึ้นจะบวกต่ออุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิล น้ำมัน โดยรวมมองบวกต่อโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน ถ่านหิน โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นน้ำมัน PTT,PTTEP, ถ่านหิน BANPU

(+)China Stimulus : ผลประชุม NPC KSS มองบวกต่อทางการจีนแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 10 ล้านล้านหยวน เป็นกรอบบนของตลาดคาดหวัง 1.) กระทรวงการคลังจีนประเมินว่ามีหนี้สินที่ซ่อน (Hidden Debt) อยู่ในส่วนของรัฐบาลท้องถิ่นประมาณ 14.3 ล้านล้านหยวน 2.)ประกาศปรับเพิ่มเพดานหนี้พิเศษจากเดิมระดับ 29.52 ล้านล้านหยวน ขึ้นสู่ระดับ 35.52 ล้านล้านเหรียญ ทั้งนี้จีนให้ความเห็นว่าหนี้ภาครัฐของจีน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับเพียง 67.5% ของ GDP โดยจีนยังมีความสามารถในการก่อหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มโดยจะออกนโยบายการคลังเพิ่มเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2025 3.)กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยแผนจะออกพันธบัตรพิเศษ (Special Bond) มูลค่า 8 แสนล้านหยวนต่อปี ระหว่างปี 2024 - 2028 รวมเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านหยวน KSS มองแผนดังกล่าวรวมมูลค่า 10 ล้านล้านหยวนในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะลดค่าใช้จ่ายทางภาษีของรัฐบาลท้องถิ่นราว 3 แสนล้านหยวนต่อปี จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการบริโภคกระจายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังมิได้มีการชี้แจงรายละเอียดแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับช่วงที่เหลือของปี 2024 เนื่องจาก Special Government Bond 2.3 ล้านล้านหยวน เดิมยังไม่ได้ถูกเบิกจ่าย คาดจะเป็นปัจจัยเร่งต่อเศรษฐกิจในช่วง 4Q24 นี้ และอาจมีมาตรการเพิ่มเติม เดือน ธค 2024 ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2025 คาดจะเกิดขึ้นในการประชุม NDRC เดือน มีค 2025 โดยรวมมองจะหนุนหุ้นกลุ่ม China Plays เน้น IVL , PTTGC SCC

(*/-) China CPI : จีนรายงานอัตราเงินเฟ้อจีนยังต่ำ 1.) เงินเฟ้อทั่วไป(CPI) เดือน ต.ค. -0.3%m-m ต่ำกว่าตลาดคาด -0.1%, +0.3%y-y ต่ำตลาดคาด +0.4% โดยเป็นผลจากการลดลงของหมวดขนส่งและที่อยู่อาศัย 2.)ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) -2.9% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ -2.5% โดยรวม KSS ประเมินจะเป็นปัจจัยหนุนเร่งให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

(*) To monitor: ฝั่งสหรัฐ 13 พ.ย. คาดเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค.+2.6%y-y, +0.2%m-m 14 พ.ย. PPI เดือน ต.ค. 15 พ.ย. ดัชนีค้าปลีก ต.ค. คาด +0.3%m-m vs prev. +0.4%m-m, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.2%m-m vs prev. -0.3%m-m ยุโรป 14 พ.ย. GDP Growth ยุโรป 3Q24 ตลาดคาด 0.9%y-y, 0.4%q-q ฝั่งจีน 15 พ.ย. ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ต.ค. คาด ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม +5.5%y-y vs prev. +5.4%y-y, ดัชนีค้าปลีก คาด +3.8%y-y vs prev. +3.2%y-y, การลงทุนสินค้าค้าทน คาด +3.5%ytd y-y vs prev. +3.4%ytd y-y, การลงทุนภาคอสังหา คาด -9.9%ytd y-y vs prev. -10.1%ytd y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ แนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง ยกเว้นอายุสั้นพลิกขึ้นอีกครั้ง อิงอายุ 2 ปี ปรับขึ้น +7 bpsอยู่ที่ 4.25% แต่อายุ 10 ปี ปรับลง - 1 bps อยู่ที่ 4.30% ส่วน Dollar Index แข็งค่ามาที่ 104.8 จุด ประเมินหนุนค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่าช่วงสั้น

(-)Oil : น้ำมันดิบปรับลงอีกครั้ง อิง Brent -2.33%d-d ปิดที่ USD 73.87/barrel น้ำมันดิบ West Texas -2.74%d-d ปิดที่ USD 70.38/barrel แรงกดดันมาจาก 1.)คลายกังวล Supply น้ำมันที่หายไปจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโกจะกลับมา โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน เน้น AAV, BA กลุ่ม Anticommodity กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TASCO

 

What happened in Thailand?

(*/-) SET : SET Index ปรับลง -034%) ปิดที่ 1,464.69 จุด ส่วน มูลค่าการซื้อขาย 4.91 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 262 บริษัท, หุ้นปรับลง 215 บริษัท) หุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี กลุ่ม Commerce (CPAXT, CPALL) CPALL เก็งประกาศงบ 3Q24 , CPAXT รับ งบ 3Q24 CPAXT +40%y-y และดีกว่าตลาดคาด 11% , กลุ่ม Finance (JMT,SAWAD) หนุนจากหลัง Fed ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25 bps เหลือ 4.5-4.75% กดดัน Bond yields ลง คือ ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด (8 พ.ย.2024) ไหลออก ขายหุ้น -46.4 ล้านเหรียญ, ขายพันธบัตร -203.1 ล้านเหรียญฯ สถานะ TFEX Net Short -26,818. สัญญา เงินบาทเคลื่นไหวอ่อนค่า/แข็งค่าสู่ 34.ปป บาท

(*) Utilities : กกพ. เปิดเฮียริ่ง 3 ทางเลือกค่าไฟงวด มค-เมย68 ในช่วง 4.18-5.49 บาท/หน่วย KSS ประเมิน Neutral จากที่เรามองว่าด้วย sentiment เศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจจะมีความยากในการขึ้นค่าFt จากปัจจุบันที่ 4.18 บาท/หน่วย และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะยังคงค่า Ft ต่อไป อย่างไรก็ดี ยังต้องมีความจำเป็นที่รัฐฯต้องคืนภาระที่ EGAT แบกรับอยู่ราวแสนล้านบาท คือ ค่า Ft จะต้องขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยรวมทำให้เราประเมินต้องติดตามความคืบหน้า

ทั้งนี้ กรณีที่จะเป็นบวก คือ 1.) GPSC หาก Ft ปรับขึ้นไปใน band บนหรือมากกว่า 4.18 บาท/หน่วยในปัจจุบัน และ 2.) ต้นทุนค่าก๊าซคาดลดลง yoy ในปี 2025F จะทำให้ IU margin กว้างขึ้น ข่าวนี้จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม SPPs อาทิ BFRIM, GPSC เพื่อให้คืนได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ sensitivity ทุกๆ0.01บาทหรือ 1 สต ที่ปรับขึ้นของค่าFt จะบวกต่อกำไร GPSC, BFRIM ราว 1%

(+) Thailand Credit rating สถาบันจัดอันดับ Credit rating Fitch Rating ประกาศ 1.) คงอันดับเครดิตประเทศไทยที่ 'BBB+' แนวโน้มมีเสถียรภาพ 2.) คงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกหนุนต่อ SET Index คลายความกังวลจากก่อนหน้าที่มีกระแสข่าวไทยจะถูกปรับลดอันดับเครดิตประเทศ โดยรวมยังคงประเมิน SET Index เดือน พ.ย.- ธ.ค. มีแนวโน้มเดินหน้าเข้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 1540 จุด

(*) TH Earning: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 154 บริษัท (เพิ่มจากเมื่อวาน 104 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -22.5% (VS วันทำการล่าสุด -24%) และหดตัว -40.8%y-y (VS วันทำการล่าสุด -38.8%y-y โดยล่าสุดกลุ่มที่รายงานกำไร

- งบดีกว่าคาด ได้แก่ JMT (-8%y-y, 18%q-q) SAV (39%y-y, 8%q-q)

- งบตามคาด ได้แก่ INTUCH (6%y-y, 0.4%q-q) CBG (40%y-y, 7%q-q) STA (พลิกกำไร y-y, -17.7%q-q)

- งบแย่กว่าคาด ได้แก่ WHA (-26%y-y, -64.4%q-q) WHAUP (-84%y-y, -76%q-q) STGT (พลิขาดทุนy-y และ q-q) TOP (พลิขาดทุนy-y และ q-q)

ส่วนหุ้นหลักที่คาดจะรายงานกำไรวันนี้ ได้แก่ AWC BBIK MOSHI CKP SNNP VGI ADVICE เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสรายงานกำไรออกมาดี AWC BBIK MOSHI ADVICE

(*/+) To Monitor: 12 พ.ค. อังคารประชุม ครม. คาดอนุมัติมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ "ซื้อ - แต่ง - ซ่อม และ สร้างบ้าน" มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท เชิงกลยุทธ์ เป็นจิตวิทยาบวกต่อ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1) อสังหาฯ (AP, SIRI), 2) กลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่ออสังหาฯสูง SCB 32% ของยอดสินเชื่อ, TTB 25%, KTB 19%, KBANK 17% และ 3) กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, ILM, DOHOME, GLOBAL) 14 พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 24 ไม่มีคาด และโค้งสุดท้ายรายงานกำไรงวด 3Q24 ติดตามหุ้นหลัก อาทิ PTT, CPALL, BDMS, CRC, OSP, SPRC, BTS

 

 

Daily Strategy : GULF, IVL, PTTGC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้นทำ All time high ต่อรับโมเมนตัมความคาดหวังเชิงบวกกรณีคุณ Trump ชนะเลือกตั้งต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังเป็นในทางบวกความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 4 เดือนติด ฝั่งเอเชียแรงขับเคลื่อนเรามองจะมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนด้วยเม็ดเงินสูง 10 ล้านล้านหยวนใน 5ปีข้างหน้า ส่วนภายในรอติดตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองหุ้นนำ หุ้น China Plays, หุ้นน้ำมันลงหนุน (สายการบิน โรงไฟฟ้า) หุ้น Domestic (ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว)

 

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อความเสี่ยงผลการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ (KTB, GPSC, GULF, ADVANC, CPALL, BDMS, WHA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AAV, BA, AU)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE, AWC และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

 

 

 

• Strategy Update : US Trump President

Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 60 ครองเสียงสภาบน - สภาล่าง โดยนโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax, กีดกันการค้า, สนับสนุนอุตสาหกรรมฟอสซิลและหนุนการขุดเจาะน้ำมัน ฯลฯ

KSS ประเมินระยะสั้น 1.)ผลกระทบ Dollar Index ที่แข็งค่ามาล่วงหน้ามาแตะ 105.3/105.85จุด คาดจะเริ่มถูกขายทำกำไรและอ่อนค่าลงรับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ 2.)เงินบาทที่อ่อนค่ามาแตะ 34.15/34.4บาทต่อเหรียญฯ จะกลับมาแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ 3.)Bond Yields 10ปี สหรัฐฯ จะติดแนวต้าน 4.5% แล้วมีแรงซื้อกลับ กด UST ลดระดับลง 4.)ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง EMs จะสลับกันขึ้น โดยมีกลุ่มประเทศ TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ได้เป็นอย่างน้อย แนะนำกลุ่มหุ้นเด่น 4Q24F : AOT, GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, KTB, ADVANC, HMPRO

ระยะกลาง – ยาว เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จาก นโยบายของ TRUMP 2.0 1.) กลุ่มนิคม AMATA, WHA 2.)กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP 3.)ส่งออกอาหาร ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าสมมติฐานเดิมและได้ประโยชน์จากการโยก Order เน้น TU (ได้ประโยชน์จากนโยบายลด Corporate Tax), CPF ยาง เน้น STA, STGT (จากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีน คาดจะหนุนยอดส่งออก) 4.)Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, KTB), ค้าปลีก (CPALL, BJC, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC) Utilities(GULF, GPSC)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• WHA (Buy, TP-6.4): The 3Q24 core profit was Bt757m, +4% yoy but -40% qoq, below our estimated on lower than expected land transfer, narrower gross margin and higher tax expenses. We maintain forecast as 9M24 profit was Bt3.2b or 73% of our FY24F. It declared Bt0.1 DPS, yield of 1.7%. XD date is 21 November. We raise TP to Bt6.4 from Bt5.9 as we incorporate valuation of the 125.4MWe FIT project Phase 1.1 (COD in 2029-30). Coupled with multiple upsides from both water and power and international and domestic. We maintain BUY rating for WHA.

• SAV (Buy, TP-25.75): เรามอง Slightly Positive ต่อกำไรสุทธิ 3Q24 ของ SAV ออกมาดีกว่าเราและตลาดคาดเล็กน้อย 9-11% ที่ 126 ลบ. (+39%yy +9%qq) กำไรเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของปริมาณเที่ยวบินที่กัมพูชา (+7%yy +5%qq) แนวโน้ม 4Q24F ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มต่อเนื่องจากการเข้าฤดูท่องเที่ยว ลุ้นปิดดีลบริหารจราจรทางอากาศลาวในเดือน พ.ย.24 คงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย 25.75 บาท


•CBG (Neutral, TP-76): In 3Q24, CBG reported net profit of THB741m (+40% yoy, +7% qoq) which was in line with Bloomberg consensus but 5% above our estimate. The good profitability was driven by: 1) the revenue increase of 8% yoy (to THB5.1b) from the domestic market especially in the energy drink segment and 2) gross margin expansion of 1.3ppt yoy (to 28.1%), underpinned by operating leverage and lower packaging materials such as soda ash (for glass making). 9M24 profit accounts for 76% of our FY24F estimate. We feel the good profitability is priced-in, with CBG trading at 28.4x FY25F P/E, about its long-term average. We maintain NEUTRAL, TP THB76 and recommend investors to invest in SAPPE (BUY, TP THB100), our top pick, because of the expected sales turnaround in 4Q24F, from entering modern-trade retailers in USA as well as the recovery from the operational hiccup in Indonesia.


• JMT (Trading Buy, TP-22.8): เรามอง Positive ต่อรายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 430 ลบ. (-8% y-y, +17% q-q) ลดลง y-y จากรายได้ที่ต่ำกว่า 3Q23 ตามสภาวะเศรษฐกิจ และ Gross margin ซึ่งปรับตัวลงตามการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีกับลูกหนี้ แต่กำไรฟื้นตัว q-q หลังเริ่มเห็นผลบวกจากการเร่งรัดดำเนินคดีส่งผลให้ Cash collection ฟื้นตัว (+5% y-y, +7% q-q) และ ECL ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ (-24% y-y, -46% q-q) โดยปัจจุบันกำไรสุทธิ 9M24F คิดเป็น 73% บนประมาณการใหม่ 24-26F ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ตาม Momentum ธุรกิจจับเก็บหนี้ที่เห็นเริ่มภาพฟื้นตัว ด้าน Outlook 4Q24F คาดเป็นจุดสูงสุดของปี แต่กำไรยังลด y-y จาก Gross margin ซึ่งลดลง y-y ตามปริมาณการดำเนินคดี แต่กำไรฟื้นต่อเนื่อง q-q ตาม Cash collection ซึ่งเป็น Peak Season ของปี เราแนะนำ Trading Buy บน TP25F ใหม่ 22.8 บาท อิง PBV25F ที่ 1.2x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของ JMT

 

 

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้