AT THE OPEN (#ATO)
SET Index สร้างฐาน
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index วันนี้สร้างฐานตามกรอบ 1455-1475 จุด สภาพแวดล้อมจากต่างประเทศเป็นไปในทางบวกจากผลการประชุม FED ที่ยังมีมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจ ส่วนผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ระยะสั้นไม่ได้มีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงิน ลดความกังวล Fund Flow ไหลออก ฝั่งจีนการรายงานส่งออกเดือน ต.ค.ดีกว่าคาดและวันนี้หวังจะมี Sentiment ที่ดีต่อการประกาศมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหลังการประชุม NPC ด้านปัจจัยอยู่ที่การติดตามรายงานงบ 3Q67 วันนี้เลือกหุ้นปัจจัยเฉพาะตัว BE8 CPF

ผลการประชุม FED วานนี้มีสาระสำคัญดังนี้ 1) ลดดอกเบี้ยฯ 0.25% มาอยู่ที่ 4.75% 2) มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่อยู่ในจุดที่ดีกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ด้านเงินเฟ้อฯยังมีทิศทางสู่เป้าหมายของ FED ที่ 2% 3) ประธาน FED ไม่ได้ส่งสัญญาณต่อการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไปมากนัก แต่ให้ความเห็นว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯจะยังไม่ส่งผลต่อการนโยบายการเงินของ FED ในระยะสั้น

ผลการประชุม FED ที่ออกมาทำให้ตลาดยังคาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยฯ อีก 25 bps ในการประชุมเดือน ธ.ค. 67 ส่วนปี 68 คาดปรับลดดอกเบี้ยฯอีก 75 bps (เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนการประชุมคาดลด 50 bps) ทำให้ Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯปรับลง 11 bps Dollar Index อ่อนค่า 0.7% และตลาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับขึ้นต่อในช่วง 0-1.5% การเคลื่อนไหวข้างต้นมองเป็นบวกในฐานะแรงกดดันต่อทิศทาง Fund Flow ไหลออกจะเบาลง ส่วนหุ้นที่ได้ Sentiment บวกเช่นกลุ่ม MTC SAK GULF เป็นต้น

การรายงานส่งออกจีนเดือน ต.ค.ขยายตัว 12.7%YoY มากว่าตลาดคาด 5%YoY จากกำลังซื้อประเทศคู่ค้าและการเร่งส่งออกสินค้าก่อนสงครามการค้า โดยกลุ่ม IC และคอมพิวเตอร์ขยายตัวเด่นมองเป็นบวกต่อ HANA ด้านการนำเข้าหดตัว -2.3%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด -2%YoY สะท้อนถึงกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 2.3 จุด หุ้นที่ปรับขึ้นหนุนตลาดมาจากหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของคุณทรัมป์ หนุนกลุ่มอิเล็คฯ DELTA +1% CCET +23% (มีเรื่องคัดเข้า MSCI Small Cap ด้วย) และกลุ่มธนาคาร SCB/KBANK +1% ส่วนกลุ่มปิโตรฯ PTTGC +5.7% IVL +5% หนุนจากส่งออกจีนเดือน ต.ค.ดีกว่าคาด ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มโรงพยาบาล BH -9% หลังงบ 3Q67 ต่ำคาด SCGP ที่ -6% จากถูกปรับออกจาก MSCI Global Standard

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BE8 CPF

CPF
คาดกำไร 3Q67 โดดเด่น
คาดกำไร 3Q67E จะเติบโตเล็กน้อย QoQ เนื่องจาก 2Q67 ที่ฐานสูง ขณะที่ YoY จะ Turnaround ทั้งนี้ใน 3Q67 เป็นช่วง Peak Season และได้ผลบวกจากราคาหมูไทยและจีนที่ปรับขึ้น (ส่วนราคาหมูเวียดนามอ่อนตัวลงบ้างจาก ASF แต่ยังยืนสูง YoY) ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับกำไร 4Q67 คาดขยายตัว YoY ได้ต่อ หนุนกำไรปกติ 67E กลับมาแตะ 1 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนปีก่อน -5.2 พันล้านบาท สำหรับความเสี่ยงนโนยายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ในระยะถัดไปอาจเห็นกระแสการเร่งนำเข้าสินค้าเพื่อลดผลกระทบก่อนมาตรการกาษีของคุณทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเชื่อว่า CPF จะได้ประโยชน์
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 20 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.25 S.D. และ PBV67 ต่ำเพียง 0.81 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะกลาง/ยาว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.10 บาท

BE8
New Top Pick
กลุ่ม Tech-Service Providers
กำไรหลักใน 3Q67 อยู่ที่ 44 ล้านบาท (-41% YoY, +28% QoQ) สูงกว่าเราคาด 18% แต่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด กำไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 3Q67 ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักใน FY67 ขึ้น 4%
คาดกำไรหลักใน 4Q67 อยู่ที่ 47 ล้านบาท (ทรงตัว YoY, +6% QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น 6% QoQ น่าจะได้รับการสนับสนุนจากการชนะโครงการภาครัฐที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากงบลงทุนจากสองปีงบประมาณของรัฐบาล (FY67 และ FY68) จะถูกใช้จ่ายใน 4Q67 เนื่องจากอนุมัติงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า
คาดกำไรหลักในปี FY68 เติบโต 65% หนุนจากการเติบโตของรายได้ 17% และค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเสื่อมราคา/ค่าตัดจำหน่ายคงที่ ส่วนโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมมาจากการควบรวมกิจการ (M&A) และข้อตกลงร่วมทุนในออสเตรเลีย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท

KEY FACTOR
ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศจีน เดือน ต.ค. ตัวเลขส่งออก +12.7% YoY สูงกว่าที่ Consensus คาด + 5% อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการขยายตัวสูงที่สุดตั้งแต่ ก.ค. 2565 แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการนำเข้า -2.3% YoY ติดลบมากกว่าคาด -2.0% YoY สะท้อนภาวะการปรับตัวของภาคธุรกิจที่เร่งส่งออกก่อนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่จะนำมาสู่นโยบายกีดกันทางการค้าสินค้าจากจีน ในขณะที่ตัวเลขนำเข้าที่อ่อนแอยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่ยังฟื้นช้า

ในการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมา Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่ระดับ 4.5% - 4.75% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่แนวทางการกำหนดนโยบายการเงินในช่วงถัดไป ยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังและให้น้ำหนักไปที่ภาคแรงงาน แต่มองภาพรวมกิจกรรมเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
8 พ.ย. การประชุม NPC จีน วันสุดท้าย

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ