Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ส่องหุ้นได้ประโยชน์ หลัง Trump คว้าชัย

1,560

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 6 พฤศจิกายน 2567 )-----ส่องหุ้นได้ประโยชน์  หลัง Donald Trump  คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024   เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่ดำรงตำแหน่งไม่ติดต่อกัน   สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ขอพาไปสำรวจหุ้นได้ประโยชน์ มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้....
 

ทั้งนี้ บล.เมย์แบงก์  ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า  ผลต่อทิศทาง SET Index หากคุณ Trump เป็นฝ่ายชนะ เชื่อว่าตลาดจะกลับมากังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า อาจส่งผลทำให้ทิศทาง Fund Flow ชะลอไหลเข้าเอเซียและไทย แต่เชื่อว่าการพักตัวยังของ SET Index ยังจำกัดในกรอบ 1430-1450 จุด สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มนิคม WHA AMATA กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ HANA กล่มโลจิสติกส์ WICE RCL เป็นต้น ในทางตรงข้ามหากคุณ Harris ชนะจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาคและ SET Index จากนโยบายการค้าเน้นมุ่งเป้าที่จีน ความเสี่ยงเงินเฟ้อลดลง ส่งผลให้ U.S. Bond Yield ปรับลง สำหรับหุ้นได้ประโยชน์เน้น Yield Sensitive Play อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC GULF และกลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAK เป็นต้น


บล.บัวหลวง   ออกบทวิเคราะห์ว่า กรณีพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้ง นโยบายภาษีการค้าแบบแข็งกร้าวประกอบกับการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อ สภาพแวดล้อมนี้จะเร่งการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน นอกจากนี้ จุดยืนที่สนับสนุนอิสราเอลและความขัดแย้งกับปาเลสไตน์ รวมถึงการสนับสนุนพลังงานฟอสซิล อาจผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายสนับสนุน AI อย่างเสรีคาดว่าจะหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม Data center, Cloud และการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก  หุ้นบวกได้แก่ 1) หุ้น Quality และ Defensive ที่เหมาะกับช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจโลก เช่น ค้าปลีกของใช้จำเป็น อาหารและเครื่องดื่ม สื่อสาร และโรงพยาบาล 2) กลุ่มส่งออกทดแทน โดยเฉพาะถุงมือยางและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 3) กลุ่มได้ประโยชน์จากสงครามการค้า ทั้งค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง และนิคมฯ ที่ตั้งอยู่ในเวียดนาม 4) กลุ่มพลังงานต้นน้ำ หากสงครามรุนแรงขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และ 5) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Data center, Cloud และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น สื่อสาร และโรงไฟฟ้า


บล.เอเซีย พลัส โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินถ้าพรรค REPUBLICAN ชนะ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนขึ้น จากผลกระทบของการเก็บภาษี 100% ประเทศจีน หรือประเทศในกลุ่ม BRICS,ค่าเงินมีโอกาสผันผวน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยืนสูงนานขึ้น แต่ยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์คือ หุ้นกลุ่มขนส่งจากการเร่งสั่งสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษี RCL PSL SJWD WICE หุ้นกลุ่มนิคมฯ จากการเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษี AMATA WHA ROJNA และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มได้ประโญชน์จากBITCOIN TTA JTS BTC เป็นต้น

ในทางกลับกันหากพรรค DEMOCRAT ชนะในสมัยที่ 2 มองว่าสภาพแวดล้อมดีต่อตลาดหุ้นไทย ตามนโยบายการเพิ่ม CORPORATE TAX สหรัฐจาก 21% เป็น 28%ส่งผลลบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน ทำให้ FUND FLOW มีแนวโน้มไหลออกจากสหรัฐไปประเทศอื่นๆ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดยมีหุ้นที่ได้ SENTIMENT บวก คือ หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง GULF GPSC BGRIM, หุ้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง MTC TIDLOR TISCO, หุ้นได้ประโยชน์จากจีน IVL SCGP SCC เป็นต้น


ด้านภาคเอกชน โดย  นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)  เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งนัยยะต่อเศรษฐกิจไทยเบื้องต้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยผ่านมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าและการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางและมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายเหล่านี้ต่อไป โดยภาครัฐและผู้ประกอบการต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับนโยบายที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิม ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ นอกจากนี้ มาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่กำลังจะทยอยออกมา อาทิ การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
 



///จบ///

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

วันขาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ขายเมื่อมีข่าวดี วันนี้ วันขาย ท่ามตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ตอบรับข่าวดี สหรัฐกับจีน ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้