ทั้งนี้ บล.เมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ผลต่อทิศทาง SET Index หากคุณ Trump เป็นฝ่ายชนะ เชื่อว่าตลาดจะกลับมากังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า อาจส่งผลทำให้ทิศทาง Fund Flow ชะลอไหลเข้าเอเซียและไทย แต่เชื่อว่าการพักตัวยังของ SET Index ยังจำกัดในกรอบ 1430-1450 จุด สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มนิคม WHA AMATA กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ HANA กล่มโลจิสติกส์ WICE RCL เป็นต้น ในทางตรงข้ามหากคุณ Harris ชนะจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาคและ SET Index จากนโยบายการค้าเน้นมุ่งเป้าที่จีน ความเสี่ยงเงินเฟ้อลดลง ส่งผลให้ U.S. Bond Yield ปรับลง สำหรับหุ้นได้ประโยชน์เน้น Yield Sensitive Play อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC GULF และกลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAK เป็นต้น