Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

462

 

 

"Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "รีบาวน์" ต้าน 1460/1465 จุด รับ 1444/1440 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว ดัชนี S&P500 บวกได้ +0.27% หุ้น Value สลับมานำ โดยกลุ่ม Tech ชะลอปรับขึ้นรอติดตามกำไร 3Q24 ด้านปัจจัยมหภาค ตลาดรอรายงานภาคแรงงานปลายสัปดาห์และการเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย. มองปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-บวกเล็กๆ ภายในพัฒนาการเศรษฐกิจทยอยมา ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 12-26 ต.ค. ขยับขึ้นสู่ 89.2% ของ Pre-COVID vs 1-11 ต.ค. ที่ 88.9% บ่งชี้การเข้าฤดูกาล, การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐ สิ้นสุด 25 ต.ค. สูง 7.7% เร่งชัดจากช่วงใกล้กันปีก่อน 27 ต.ค. 23 ที่ 6% ผสาน นายกฯ รับข้อเสนอ กกร. ในส่วนการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ 1.) มาตรการแก้หนี้บ้าน หนี้รถกะบะ หนี้ SMEs 2.) การออกมาตรการกระตุ้นบริโภค ฐานราก (คูณสอง) และกลุ่มคนชั้นกลาง (Easy E-Receipt) ถือเป็น Upside ต่อหุ้น Domestic มอง SET วันนี้รีบาวน์ หุ้นนำ คือ กลุ่ม Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว) ผสาน กลุ่ม Anti-Commodity (สายการบิน โรงไฟฟ้า วัสดุ) และหุ้น China Plays วันนี้แนะ ADVANC, GPSC, KBANK

 

 

 

 

 

Daily outlook: "รีบาวน์" ต้าน 1460/1465 จุด รับ 1444/1440 จุด

What happened around the world ?

(*/+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นอีกครั้ง ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เรื่องคือผลประกอบการ 3Q24 และการเลือกตั้งสหรัฐ อิง Dow jones +0.65%, ดัชนี S&P500 +0.27% และดัชนี Nasdaq +0.27% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆคือกลุ่ม Financials, Materials, Utilities, ICT ฯลฯ แต่ Sector ปรับลงมีเพียง คือ Energy, IT หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์หากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย. หลังจาก Platform พนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เช่น BetOnline และ Bet365 นักพนันให้โอกาสทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เป็นปัจจัยหนุนหุ้น Trumpmedia & Technology Group + 21.56%d-d และกลุ่มอิง Crypto อาทิ Microstrategy + 8.96% แรงหนุนจากราคา Bitcoin ปรับขึ้นแรงแตะ 7 หมื่น $ อีกครั้งหลังจากมาตรการสนับสนุน Crypto ของทรัมป์ หุ้นกลุ่ม Semiconductor นำโดย AMD + 2.37% เก็งผลประกอบการที่จะออกมาใรคืนวันอังคาร ฯลฯ

(*) US Earning : สหรัฐรายงานผลประกอบการ 3Q24 ออกมาล่าสุดรวม 193 บริษัทจาก 499 บริษัท กำไรดีกว่าคาด 5.9%ทรงตัวจากกลางสัปดาห์ที่แล้วที่ 5.9% และ เติบโต +3.9% เร่งขึ้นจาก กลางสัปดาห์ที่แล้วที่ +3.2%y-y โดยหุ้นที่กำไรดีกว่า(+) คาดหลักๆคือ On Semiconductor กำไรดีกว่าคาดราว 3.4%, Fordmotor กำไรดีกว่าคาดราว 5% ส่วนหุ้นที่ต่ำคาด(-) คือ Centerpoint Energy กำไรต่ำคาด 4% วันนี้ติดตามรายงานงบ อาทิ Paypal , Pfizer, Super micro computer, Alphabet, AMD ฯลฯ

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 30 ต.ค. ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP) ต.ค. 24 คาด 0.99 vs prev. 1.43 แสนตำแหน่ง 1 พ.ย. ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ต.ค. 24 คาด 1.2 vs prev. 2.5 แสนตำแหน่ง, อัตราการว่างงาน ต.ค. 24 คาด 4.1% เท่า prev. 30 ต.ค. GDP 3Q24 (ครั้งที่สอง) คาด +3.0%q-q เท่า prev., 1 พ.ย. PMI ภาคผลิต (ISM) ต.ค. 24 คาด 47.6 จุด vs prev. 47.2 จุด ฝั่งยุโรป 30 ต.ค. GDP 3Q24 (ครั้งที่ 2) คาด +0.2%q-q, +0.8%y-y vs prev. +0.2%q-q, +0.6%y-y ฝั่งจีน 31 ต.ค. PMI ภาคผลิตและนอกภาคผลิต (ทางการ) ต.ค. 24 ไม่มีคาด vs prev. 49.8 และ 50 จุด 1 ต.ค. PMI ภาคผลิต (Caixin) ไม่มีคาด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแกว่งตัว อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +3 bps อยู่ที่ 4.13% ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน และอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +4 bps อยู่ที่ 4.27% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK, KTB กลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI ส่วน Dollar Index แกว่งตัวแข็งค่าอยู่ที่ 104.2 จุด

•(-) Hard Commodities : ราคา Hard Commodity ปรับลงแรงในทางเดียวกัน โดยปรับลงตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อวาน อิง น้ำมันดิบ Brent -6.09%d-d ปิดที่ USD 71.42/barrel , น้ำมันดิบ West Texas -6.13%d-d ปิดที่ USD 67.38/barrel มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ้มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP ก๊าซธรรมชาติ NYMEX -9.80%d-d ปิดที่ USD2.309/MMBtu ปัจจัยที่กดดันหลักๆ คือ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ก่อนคลี่คลายระยะสั้น หลังจากอิสราเอลประกาศหยุดโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน โดยรวมราคาน้ำมันและแก็สที่ลงแรงมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนเป็น Hard Commodities อาทิ กลุ่มสายการบิน เน้น AAV, BA. กลุ่ม Anti commodity อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ TASCO, SCC

•(+) Bitcoin ราคา Bitcoin +2.84%d-d ปิดที่ 69610.57 USD ปรับขึ้นต่อเนื่องและเช้านี้แตะ 7 หมื่นเหรียญ แรหงหนุนจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ตลาดเก็งว่ามีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากขึ้น ทรัมป์ มีแนวคิดสนับสนุนอุตสาหกรรม Crypto เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจอิง Bitcoin อาทิ JTS, BTC, TTA แนะนำเพียง Trading และวางจุด Stop loss

 

What happened in Thailand ?

(*/-) SET : SET ปรับตัวลดลง -10.39 จุด หรือปิด -0.71% ที่ 1453 จุด กดดันจาก DELTA ที่ถูกขายทำกำไรหลังรายงานงบ 3Q24 กดดัน SET ทั้งสิ้น -9.5 จุด ส่วนหากมองภาพรายอุตสาหกรรม กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPALL) ขาดแรงหนุนโมเมนตัมมาตรการกระตุ้น ทำให้เกิดภาพขายทำกำไรต่อเนื่อง กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT) มองปรับตัวขึ้นตาม บ.ลูก PTTGC ที่ฟื้นตัวเด่น ตาม Spread ผลิตภัณฑ์ HDPE เร่งขึ้น 9%w-w ผสาน จิตวิทยาบวกความชัดเจนจีนเตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นบริโภคหลังประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK) จิตวิทยาบวก US Bond Yield ที่ยังขยับขึ้นต่อ ผสานช่วงบ่าย นายกฯ ประชุม กกร. เตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือลูกหนี้ หนี้ SME, หนี้บ้าน และหนี้รถกะบะ

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -40 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -23.5 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -20,629 สัญญา ล่าสุดเงินบาททรงตัวอยู่ที่ 33.8 +/- บาท

(+) Gov Stimulus: หลังจากนายกฯ หารือคณะกรรมการรวมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ข้อสรุปในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งสิ้น 3 ส่วน

1.) การแก้ปัญหาหนี้โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน เน้นหนี้เชิงคุณภาพ (หนี้บ้าน หรือหนี้ที่ก่อเพื่อทำมาหาได้ อาทิ หนี้สินรถกะบะ) และหนี้ SMEs เรามองจิตวิทยาบวกต่อ

ธนาคาร หนี้บ้าน (SCB 32% ของยอดสินเชื่อ, TTB 25%, KTB 19%, KBANK 17%) หนี้ SMEs (KBANK 27% ของสินเชื่อ BBL 18% SCB 17%)หนี้เช่าซื้อรถยนต์ (TISCO = KKP ที่ 45% ของยอดสินเชื่อ)

เช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (TIDLOR 90% ของยอดสินเชื่อ, MTC 67%, SAWAD 41%)

2.) มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โครงการคูณสอง (เรามองโครงการลักษณะคล้ายกับคนละครึ่ง) บวกต่อหุ้นค้าปลีก อาทิ CPALL, CPAXT, BJC

3.) ฟื้นมาตรการ Easy E-Receipt เรามองบวก โดยถือเป็น Upside ต่อหุ้นค้าปลีกที่มียอดขายต่อบิลสูงๆ อาทิ CRC HMPRO CPAXT CPALL (ในฐานะ บ.แม่ CPAXT)

เชิงกลยุทธ์ เรามองบวกต่อหุ้น Domestic ที่ประมาณการปี 2024-25F มีโอกาสเห็น Upside เพิ่มเติม หากมาตรการมีความชัดเจน ธนาคาร เน้น KTB, KBANK เช่าซื้อ เน้น SAWAD ค้าปลีก เน้น CPALL, CRC (เก็งกำไร)

(*/+) TH Tourism: ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทางต่างประเทศ (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 1-26 ต.ค. อยู่ที่ 89.1% ของ Pre-COVID บ่งชี้ภาพ 12-26 ต.ค. เริ่มเร่งขึ้นเป็น 89.2% จาก 1-11 ต.ค. ที่ 88.9% เชื่อว่าเป็นจุดส่งสัญญาณบอกภาพเข้าฤดูกาลท่องเที่ยว

เชิงกลยุทธ์ มองหุ้นการบิน ท่องเที่ยว ภาคบริการโซนปัจจุบัน อาทิ AOT CPALL ERW AAV BA น่าทยอยสะสม

(*/+) TH Budget Disbursement: ยอดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ในส่วนงบลงทุน ณ วันที่ 25 ต.ค. อยู่ที่ 7.7% เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนหน้าในอัตราชะลอลง แต่หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ เราพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี กล่าวคือ 1.) หากเทียบข้อมูลที่มีช่วงใกล้ๆกันงบปี 2567 ซึ่งงบล่าช้าในวันที่ 27 ต.ค. 23 เบิกจ่ายต่ำเพียง 6.0% ทิศทางสะท้อนภาพคาดเห็นการเบิกจ่ายเติบโตสูง y-y 2.) หากเทียบข้อมูลที่มีช่วงใกล้ๆกันงบปี 2566 ซึ่งงบเบิกจ่ายปกติในวันที่ 28 ต.ค. 22 เบิกจ่ายได้ 7.6% ทิศทางสะท้อนภาพคาดเห็นการเบิกจ่ายในปี 2568 ที่ดีกว่าปีที่งบเบิกจ่ายปกติเล็กน้อย

เชิงกลยุทธ์ เรามองบวกหุ้นได้ประโยชน์จากการเบิกงบรัฐฯที่ดี ธนาคาร เน้น KTB วัสดุก่อสร้าง เน้น TASCO กลุ่มค้าปลีก CPALL กลุ่มซ่อมแซ่มบ้าน อาทิ GLOBAL DOHOME แนะนำรอสะสมหลังรายงานกำไร 3Q24 เนื่องจากระยะสั้นยังมี Overhang งบ 3Q24 ไม่เด่น

(*/-) TH Export - Import: กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออก ก.ย. 24 ขยายตัว +1.0%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด และชะลอลงจาก prev. ที่ +7.0%y-y ส่วนนำเข้า เพิ่มขึ้น +9.9%y-y สูงกว่าตลาดคาด เพิ่มจาก prev. +8.9% ดุลการค้าเกินดุล 394 ล้านเหรียญฯ (ต่ำกว่าคาด) ประเด็นน่าสนใจ ได้แก่

(+) ยอดนำเข้าสินค้าทุน ก.ย. 24 สูง 6.23 พันล้านเหรียญฯ +7.4%y-y เป็นการขยายตัว y-y 3 เดือนติดต่อกัน หลังจากม.ค. - เม.ย. 24 ขยายตัว y-y ก่อนมาสะดุดลดลง y-y ระหว่าง พ.ค.-มิ.ย. 24 บ่งชี้ความเชื่อมั่นภาคเอกชนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจระยะถัดไป
สินค้าส่งออกที่ขยายตัวเด่น คือ
ยาง ขยายตัว 11 เดือนติด +47.4%y-y, 9M24 +39.1% บวกต่อ NER, STA และบวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อฐานราก และหุ้นเชื่อมโยงกับยาง และข้าว คือค้าปลีก อาทิ CPALL, DOHOME
อาหารทะเลกระป๋อง ขยายตัว 3 เดือนติด +15.6%y-y, 10M24 +9.3% บวกต่อ TU
ข้าวขยายตัว 4 เดือน +15.2%y-y vs 9M24 +40%
อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 12 เดือนติด +21.5%y-y, 10M24 +25.8% บวกต่อ AAI, ITC
ไก่แปรรูป ขยายตัว 7 เดือนติด 0.8%y-y, 10M24 +6.5% บวกต่อ GFPT, CPF, FM
เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรโมเมนตัมสินค้าที่การขยายตัวเป็นภาพเร่ง อาทิ STA, NER และ TU

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ติดตาม 1.) 29 ต.ค. ประชุม ครม. คาดจะมีการนำเสนอหลักการการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน นอกจากนี้ ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ 2.) 30 ต.ค. ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม ก.ย. 24 ตลาดคาด -0.6%y-y vs prev. -1.9% และ 3.) รายงานกำไร Real Sector หุ้นหลัก ได้แก่ SCGP(ตลาดคาด -30.5%y-y, -36.7%q-q) SCC (ตลาดคาด -66.8%y-y, -78.1%q-q) ADVANC (ตลาดคาด 4.3%y-y, -1.0%q-q)

 

Daily Strategy : ADVANC, IVL, SAWAD เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "ฟื้นตัว" เรามองภาพต่างประเทศเป็นกลาง-บวกเล็กๆ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ โดยมีหุ้น Value อาทิ ธนาคาร สาธารณูปโภค สื่อสาร สลับมานำตลาด มองจิตวิทยาบวกต่อ SET ที่มีน้ำหนักหลักในอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ส่วนภายในพัฒนาการเศรษฐกิจดูชัดเจนขึ้น ทั้งสัญญาณการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว การเบิกจ่ายงบรัฐฯยังมีสัญญาณขยายตัวสูง y-y นอกจากนี้ คาดหวัง Upside เพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กกร. หารือกับนายกฯ โดยเฉพาะมาตรการการแก้หนี้ รวมถึงการกระตุ้นบริโภค ที่จะเปิด Upside ประมาณการหุ้น Domestic เพิ่มเติม มองหุ้นนำ กลุ่ม Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว) ผสาน กลุ่ม Anti-Commodity (สายการบิน โรงไฟฟ้า วัสดุ) และหุ้น China Plays

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อความเสี่ยงผลการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ (KTB, GPSC, GULF, ADVANC, CPALL, BDMS, WHA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, GLOBAL, AOT, AAV, SCGP)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

 

 

 

• Strategy Update : US Election 2024 and Global Market Impact

ทีมกลยุทธ์ออกรายงานกลยุทธ์ลงทุนก่อนเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ ระยะสั้นเรามองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้ง 1-2 สัปดาห์ น่าจะแกว่งออกข้างเป็นหลัก รอความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง นักลงทุนควรเตรียมตัวปรับพอร์ตตามสถานะการณ์ดังที่ KSS ประเมินไว้ 4 กรณี ในระยะนี้ เบื้องต้น KSS คงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index หลังเลือกตั้ง น่าจะตอบรับช่วง Honeymoon Period รับผล US Election ไปก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า แนะนำ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

KSS ประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ 4 กรณี

1) กรณี Red Wave (พรรค Republican ครองสภาบนและสภาล่าง)

• มองแนวนโยบาย American First อาทิ การลดภาษีนิติบุคคล และการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า จะส่งผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากสมมติฐานหลัก ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ลดระดับช้าลง กระทบวงจรดอกเบี้ยขาลงที่น่าจะช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้เดิม

• กรณีนี้สร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกในช่วงปลายปี 2024 - ต้นปี 2025 โดย EM Assets จะผันผวนจาก Dollar Index ที่พลิกแข็งค่าขึ้นไว แต่อย่างไรก็ดี KSS ประเมินกลุ่ม TIPs จะผันผวนน้อยกว่า จากตลาดหุ้นกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 10% น้อยกว่า EM อื่นๆ ผสานนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นกลาง และตลาดหุ้นยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยัง Laggard ภายใต้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเร่งขึ้น

• ทางเลือกการลงทุนหุ้น คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคมและกลุ่มส่งออกอาหาร รวมถึงหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ทั้งนี้ เรามอง Red Wave จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อจากสงครามการค้า และส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ในระยะสั้น-กลาง

2) กรณี Blue Wave (พรรค Democrat ครองสภาบนและสภาล่าง)

• นโยบายที่ตรงข้ามกับ Republican อาทิ ขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบริษัทเป็นปกติที่ 28% (เดิม 21%) ผสาน การผลักดันนโยบาย Green Energy และรวมถึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าระดับใกล้เคียงปัจจุบัน จะช่วยให้ภาพวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาลงเดินหน้าต่อ Dollar จะอ่อนค่า

• เร่งปรากฏการณ์ Search for Yield หนุน Fund Flow มายัง EM Asia รวมถึงไทยต่อเนื่อง หุ้นอิง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

• นอกจากนี้ ภาพ Blue Wave ยังเป็นบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้โลก

3) กรณี Republican President + Democratic Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Republican ที่จะถูกผลักดันจำกัดกว่ากรณี Red Wave ทั้งนี้ ในกรณีนี้เรามองค่อนข้างบวกต่อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากทิศทางหลักเป็นนโยบายลักษณะ American First และการลดภาษี แม้จะทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับกรณี Red Wave

• ตลาดหุ้นอื่นๆ จะเริ่มผันผวนต้นปี 2025 แต่ภาพ EM Asia จะผันผวนน้อยกว่ากรณี Red Wave โดยเฉพาะ TIPs ที่มีการปรับโครงสร้างการค้า และภาคการผลิตมาตั้งแต่ปี 2018-ปัจจุบัน และตลาดหุ้น TIPs ยังมีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากสหรัฐฯและจีนต่ำ

• แนะนำ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคม หุ้นส่งออกอาหาร และหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ในกรณีนี้เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังแกว่งตัวในกรอบ โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนแกว่งตัวลง ให้รอจังหวะ ก่อนลงทุนรับวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยโลกขาลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากนั้น มองเป็นกลางถึงบวกอ่อนๆต่อการลงทุนในพันธบัตร

4) กรณี Democratic President + Republican Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Democrat จะถูกคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาบน ที่มาจากขั้วตรงข้าม ส่งผลให้การผลักดันนโยบายเป็นไปได้อย่างจำกัดใน กรณีนี้เรามองเป็นกลางต่อหุ้นสหรัฐ แต่ Upside จำกัดจากระดับ Valuation ที่ตึงตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจอ่อนลงที่รออยู่

• มอง Fund Flow จะทยอยไหลเข้า EM Asia รายประเทศ ขึ้นกับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้เรามองหุ้นไทยยังมีโอกาส "outperform" ได้ แต่จะต้อง Selective ตามปัจจัยกระทบที่ค่อนข้างสูง

• หุ้นเด่นเรามอง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

Strategy: ในระยะนี้ ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า ให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election หุ้นได้ประโยชน์การเลือกตั้ง + กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ผสาน หุ้น Domestic ที่หลบเลี่ยงผลกระทบได้ดี ดังนี้ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• PTTEP (Trading Buy, TP190): เรามอง Neutral ต่อรายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ของ PTTEP ที่ราว 17,865 ลบ. (-1% y-y, -25% q-q) ใกล้เคียงเราและตลาดคาด การลดลง q-q ส่วนใหญ่มาจาก ปัจจัยฤดูกาล/ชั่วคราว เราคาดหากสุดท้าย 4Q24F ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายด้อยค่าแหล่งโมซัมบิก จะเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนราคา (ประมาณการกำไรปี 2024F ของเราจะมี upside 6%) มองเป็นตัวเลือกเก็งกำไรการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นจากความตึงเครียดของสงครามฯได้ โดยระดับกำไร 2024-26F แม้ normalized แต่ยังสูงกว่าระดับ pre-covid เราคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 190.0

• Energy Weekly (Neutral): ฝั่งต้นน้ำ (น้ำมันดิบ) -1-2% w-w ยังผันผวนตามความกังวลสงครามฯ และความกังวลเศรษฐกิจ คาด ต.ค.-พ.ย. 24 ราคาน้ำมันดิบผันผวนต่อเนื่อง เรามองสงครามในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อจะยังกดดันให้ราคาน้ำมันดิบผันผวน โดย ขา supply มีแรงกดดันจากแผนเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ ส่วนขา demand ฟื้นตัวตามการใช้ของจีน

ฝั่งโรงกลั่น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ (SG GRM) +38% w-w ฟื้นนำโดย Jet spread +13% w-w จากความต้องการใช้ในเอเชียที่ฟื้นตามการท่องเที่ยว คงมุมมองค่าการกลั่น ต.ค. 24 ฟื้น m-m และฟื้นต่อใน พ.ย. 24 ได้ re-stock รับฤดูหนาว, การท่องเที่ยวฟื้น และ supply ตึงตัวจากโรงกลั่นบางส่วนลด run หนุนต่อเนื่อง

ฝั่งปิโตรเคมี มีแค่ HDPE ที่ฟื้นจากฐานต่ำ ได้การปิดซ่อมในตะวันออกกลาง หนุน i) สายโอเลฟินส์ PE/PP spread +1-9% w-w ii) สายอะโรเมติกส์ PX spread -2% w-w supply บางส่วนกลับมาจากปิดซ่อมนอกแผน ส่วน BZ spread +1% w-w ส่วน iii) สายโพลีเอสเตอร์ (PET) integrated spread -5% w-w ราคาขายปรับลดตามราคา feedstock แนวโน้ม ต.ค. 24 spread ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ทรงตัว จาก demand ที่ฟื้นตัวช้า ชดเชยกับราคา feedstock ที่ลดลง เราคาด พ.ย. 24 spread ปิโตรเคมี สายโอเลฟินส์มีแนวโน้มฟื้น m-m เด่นสุด ตามการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

ภาพสัปดาห์ โรงกลั่นมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากค่าการกลั่นฟื้นตัว เราคงมุมมองตลาดเริ่มรับรู้แนวโน้มขาดทุนหนักใน 3Q24F ของกลุ่มโรงกลั่นไปบ้างแล้ว แนะนำกลับมาเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น รับการฟื้นตัวใน4Q24F ที่ stock loss ลดลง และคาดค่าการกลั่นได้ winter season หนุน

. • AAV (Buy, TP3.9): เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ AAV ที่ 3.7 พันลบ. ฟื้นจากขาดทุนyy และโตเด่น +4,255%qq จากแรงหนุนกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 3.5 พันลบ. และมีกำไรปกติ 142 ลบ. แนวโน้ม 4Q24F กำไรแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก High season และราคาน้ำมันลดลงหนุน เราปรับกำไรปกติปี 24F-26F ขึ้น +60 ถึง +149% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (TP25F) เป็น 3.90 บาท (เดิม 2.86 บาท) คงคำแนะนำ Buy และเลือก AAV เป็นหุ้น Top pick กลุ่มการบิน

 

 

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้