Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

379

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 28 ต.ค.67 ปิด -10.39 จุด อยู่ที่ 1,453.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,931 ลบ.ต่างชาติขาย 794 ลบ. รายย่อยซื้อ 100 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 338 ลบ. สถาบันซื้อ 355 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2.8 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,BTS,GULF,SCC,WHA และยอดขายในหุ้น TRUE,DELTA,BBL,PTT,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,750 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ QH,IRPC,RBF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 20,629 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 61,671 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,346 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.65%, S&P500 +0.27%, Nasdaq +0.26% นำโดยกลุ่มการเงิน +1.14%,วัสดุ +0.8% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -0.65% คลายความกังวลภาวะสงครามอิสราเอล – อิหร่าน ส่วนหุ้น 3M +4.4% หลัง JP.Morgan ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายที่ $165 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.41% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสื่อสาร และเดินทาง & สันทนาการ เช่น สายการบิน Lufthansa, Easy Jet ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันลดลง

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังอิสราเอลได้เลี่ยงการโจมตีแหล่งพลังงานของอิหร่าน ตามคำขอของ ปธ.ไบเดน ส่งผลให้ภาวะสงครามไม่ได้รุนแรงมากขึ้น โดยนักลงทุนรอการรายงานกำไร Q3/67 ของ Big Tech เช่น Alphabet, Meta Platform, Apple, Microsoft, Amazon ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม JOLTs ตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ก.ย. คาด 7.92 & ส.ค. 8.04 ล.ราย วันพฤหัส Core PCE ก.ย. คาด 2.6% & ส.ค. 2.7% YoY และวันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. คาด 110,000 & ก.ย. 254,000 ตำแหน่ง , อัตราว่างงานสหรัฐ ต.ค. คาดทรงตัวที่ 4.1% ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในวันที่ 7 พ.ย.
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มสื่อสาร , เดินทาง & สันทนาการ โดยนักลงทุนรอรายงานกำไร Q3/67 บจ. ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาด +4.6% & Q2/67 +3.0% YoY และข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น วันพุธ GDP เยอรมัน Q3/67 คาด -0.1% QoQ , GDP ยูโรโซน Q3/67 คาดทรงตัว 0.2% QoQ และวันพฤหัส CPI ยูโรโซน ต.ค. คาด 9% & ก.ย. 1.7% ซึ่งมีผลต่อการประชุม ECB วันที่ 12 ธ.ค. ที่คาดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25%     
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.68% จากคาดการประชุม NPC จีนในวันที่ 4 – 8 พ.ย. จะมีการออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนดัชนีนิเกอิ +1.82% แม้ว่าพรรค LDP ของนายก ฯ อิชิบะจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากสภา อาจก่อให้เกิดความลำบากในการออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับกัน BOJ ก็อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 25% และ PMI ภาคผลิต & บริการจีน ต.ค.
  • ดัชนี SET วานนี้ -0.71% ปริมาณการซื้อขาย 59 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 794 ลบ. สถาบันซื้อ 355 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 338 ลบ. และรายย่อยซื้อ 100 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขาย DELTA -6.96% ส่งผลลบต่อดัชนี -9.59 จุด เป็นการขาย Sell on Fact หลังรายงานกำไร Q3/67 ดีกว่าคาด กอปรกับราคาหุ้นเทรดบน P/E ค่อนข้างสูงที่ 73.7 เท่า ส่วน TRUE -1.65% หลังมีผลขาดทุน Q3/67 -810 ลบ. เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงข่ายมูลค่า 3.9 พัน ลบ. ส่วนข้อมูลส่งออกไทย ก.ย. +1.1% ต่ำกว่าคาด +3.0% YoY และคาดยอดส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย +2% YoY โดยสินค้าที่ส่งออกได้ดี YoY เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง, ทูน่ากระป๋อง, ยางพารา, ถุงมือยาง และน้ำผลไม้ โดย Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิ -40.2 ล.ดอลลาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. และอยู่ระหว่างการรายงานกำไร บจ.ไทย Q3/67 เช่น SCC,SCGP,ADVANC           

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 – 1,450 แนวต้าน 1,460 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มขนส่ง AOT,AAV,BA เริ่มเข้าสู่ช่วง High Season / ส่งออก TU,ITC,CCET,SVI,COCOCO คาดรายได้เติบโตดีตามตัวเลขส่งออก/ เก็งกำไร IVL,PTTGC,SCGP คาดกำไรปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำปีนี้
  • CCET* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.05 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะออกมาโดดเด่นหนุนจากการรายงานยอดขายในเดือน ส.ค.-ก.ย.ที่กลับมาเติบโต MoM, YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของความต้องการใช้สินค้า SSD สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ AI รวมถึงสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น EV charger และ Smart watch ประกอบกับการปรับลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกต่ออัตรากำไร ส่วนในปี 68 คาดเห็นการเติบโตจากแผนการขยายโรงงานใหม่ที่จะเปิดดำเนินการในช่วง 4Q67 และ 1Q68 ใช้ประกอบสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทดแทนการชะลอชั่วคราวของธุรกิจรับจ้างประกอบ EMS เดิม รองรับการเพิ่มขึ้นลูกค้าใหม่ 10%-20% ของฐานเดิม ซึ่งรับได้ประโยชน์จากสงครามการค้ามีการโยกคำสั่งซื้อมาไทย ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 65 พันล้านบาท +138%YoY และ 3.16 พันล้านบาท +19%YoY
  • SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) สำหรับการดำเนินงาน 2H67 นี้นอกเหนือจากเที่ยวบิน International และ Overflight ที่ทะยอยฟื้นตัวPost Covid-19 แล้ว ยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.67Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ในช่วงเดือนมิ.ย.67 และ 3.การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา เช่น แคมเปญ Visit Siem Reap 2024 ทั้งนี้ แม้ 3Q67 เราคาดว่ากำไรจะอ่อนตัว QoQ จากเงินบาทที่แข็งค่า แต่ YoY ยังเป็นบวกต่อ และจะกลับมา +QoQ +YoY ใน 4Q67 ที่เป็น High Season ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ในปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 28 ต.ค.67 ปิด -10.39 จุด อยู่ที่ 1,453.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,931 ลบ.ต่างชาติขาย 794 ลบ. รายย่อยซื้อ 100 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 338 ลบ. สถาบันซื้อ 355 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2.8 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,BTS,GULF,SCC,WHA และยอดขายในหุ้น TRUE,DELTA,BBL,PTT,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,750 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ QH,IRPC,RBF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 20,629 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 61,671 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,346 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.65%, S&P500 +0.27%, Nasdaq +0.26% นำโดยกลุ่มการเงิน +1.14%,วัสดุ +0.8% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -0.65% คลายความกังวลภาวะสงครามอิสราเอล – อิหร่าน ส่วนหุ้น 3M +4.4% หลัง JP.Morgan ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายที่ $165 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.41% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสื่อสาร และเดินทาง & สันทนาการ เช่น สายการบิน Lufthansa, Easy Jet ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันลดลง

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังอิสราเอลได้เลี่ยงการโจมตีแหล่งพลังงานของอิหร่าน ตามคำขอของ ปธ.ไบเดน ส่งผลให้ภาวะสงครามไม่ได้รุนแรงมากขึ้น โดยนักลงทุนรอการรายงานกำไร Q3/67 ของ Big Tech เช่น Alphabet, Meta Platform, Apple, Microsoft, Amazon ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม JOLTs ตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ก.ย. คาด 7.92 & ส.ค. 8.04 ล.ราย วันพฤหัส Core PCE ก.ย. คาด 2.6% & ส.ค. 2.7% YoY และวันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. คาด 110,000 & ก.ย. 254,000 ตำแหน่ง , อัตราว่างงานสหรัฐ ต.ค. คาดทรงตัวที่ 4.1% ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในวันที่ 7 พ.ย.
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มสื่อสาร , เดินทาง & สันทนาการ โดยนักลงทุนรอรายงานกำไร Q3/67 บจ. ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาด +4.6% & Q2/67 +3.0% YoY และข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น วันพุธ GDP เยอรมัน Q3/67 คาด -0.1% QoQ , GDP ยูโรโซน Q3/67 คาดทรงตัว 0.2% QoQ และวันพฤหัส CPI ยูโรโซน ต.ค. คาด 9% & ก.ย. 1.7% ซึ่งมีผลต่อการประชุม ECB วันที่ 12 ธ.ค. ที่คาดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25%     
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.68% จากคาดการประชุม NPC จีนในวันที่ 4 – 8 พ.ย. จะมีการออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนดัชนีนิเกอิ +1.82% แม้ว่าพรรค LDP ของนายก ฯ อิชิบะจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากสภา อาจก่อให้เกิดความลำบากในการออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับกัน BOJ ก็อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 25% และ PMI ภาคผลิต & บริการจีน ต.ค.
  • ดัชนี SET วานนี้ -0.71% ปริมาณการซื้อขาย 59 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 794 ลบ. สถาบันซื้อ 355 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 338 ลบ. และรายย่อยซื้อ 100 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขาย DELTA -6.96% ส่งผลลบต่อดัชนี -9.59 จุด เป็นการขาย Sell on Fact หลังรายงานกำไร Q3/67 ดีกว่าคาด กอปรกับราคาหุ้นเทรดบน P/E ค่อนข้างสูงที่ 73.7 เท่า ส่วน TRUE -1.65% หลังมีผลขาดทุน Q3/67 -810 ลบ. เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงข่ายมูลค่า 3.9 พัน ลบ. ส่วนข้อมูลส่งออกไทย ก.ย. +1.1% ต่ำกว่าคาด +3.0% YoY และคาดยอดส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย +2% YoY โดยสินค้าที่ส่งออกได้ดี YoY เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง, ทูน่ากระป๋อง, ยางพารา, ถุงมือยาง และน้ำผลไม้ โดย Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิ -40.2 ล.ดอลลาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. และอยู่ระหว่างการรายงานกำไร บจ.ไทย Q3/67 เช่น SCC,SCGP,ADVANC           

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 – 1,450 แนวต้าน 1,460 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มขนส่ง AOT,AAV,BA เริ่มเข้าสู่ช่วง High Season / ส่งออก TU,ITC,CCET,SVI,COCOCO คาดรายได้เติบโตดีตามตัวเลขส่งออก/ เก็งกำไร IVL,PTTGC,SCGP คาดกำไรปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำปีนี้
  • CCET* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.05 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะออกมาโดดเด่นหนุนจากการรายงานยอดขายในเดือน ส.ค.-ก.ย.ที่กลับมาเติบโต MoM, YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของความต้องการใช้สินค้า SSD สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ AI รวมถึงสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น EV charger และ Smart watch ประกอบกับการปรับลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกต่ออัตรากำไร ส่วนในปี 68 คาดเห็นการเติบโตจากแผนการขยายโรงงานใหม่ที่จะเปิดดำเนินการในช่วง 4Q67 และ 1Q68 ใช้ประกอบสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทดแทนการชะลอชั่วคราวของธุรกิจรับจ้างประกอบ EMS เดิม รองรับการเพิ่มขึ้นลูกค้าใหม่ 10%-20% ของฐานเดิม ซึ่งรับได้ประโยชน์จากสงครามการค้ามีการโยกคำสั่งซื้อมาไทย ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 65 พันล้านบาท +138%YoY และ 3.16 พันล้านบาท +19%YoY
  • SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) สำหรับการดำเนินงาน 2H67 นี้นอกเหนือจากเที่ยวบิน International และ Overflight ที่ทะยอยฟื้นตัวPost Covid-19 แล้ว ยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.67Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ในช่วงเดือนมิ.ย.67 และ 3.การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา เช่น แคมเปญ Visit Siem Reap 2024 ทั้งนี้ แม้ 3Q67 เราคาดว่ากำไรจะอ่อนตัว QoQ จากเงินบาทที่แข็งค่า แต่ YoY ยังเป็นบวกต่อ และจะกลับมา +QoQ +YoY ใน 4Q67 ที่เป็น High Season ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ในปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค. -$4.40 อยู่ที่ $67.38 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$4.63 อยู่ที่ $71.42/บาร์เรล หลังอิสราเอลไม่ได้โจมตียุทธ์ศาสตร์ด้านพลังงาน & นิวเคลียร์ของอิหร่าน กอปรกลุ่มโอเปกพลัสอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิต 1.8 แสน บาร์เรล/วัน ใน ธ.ค. นี้

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$1.30 อยู่ที่ $2,755.90 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. และประชุมเฟดวันที่ 7 พ.ย.   

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -40.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -23.49 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -15.90 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.82 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.273 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -28 จุด อยู่ที่ 1,382

(+) BitCoinเช้านี้ +3.02% อยู่ที่ 69,900 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

30 ต.ค.     รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

31 ต.ค.     ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

                สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

29 ต.ค.     US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี ( ต.ค.)

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

30 ต.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ต.ค.)

US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3) 

31 ต.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ต.ค.)

EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ต.ค.) 

US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (ก.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

01 พ.ย.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ต.ค.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.) 

                US อัตราการว่างงาน ( ต.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้