Today’s NEWS FEED

News Feed

บล. เอเซีย พลัส : Market Talk

332

 

รอดูบทบาทของวายุภักษ์
แรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังหนาแน่น โดยปัจจัยเร่งให้เกิดการขายส่วนหนึ่งอาจเป็นความกังวลเรื่องการเมืองในประเทศ ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันในประเทศแผ่วลงไปมาก องค์ประกอบดังกล่าวทำให้ SETINDEX เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาปรับลดลงแรง สำหรับปัจจัยพื้นฐานเช้านี้ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนโดยส่วนใหญ่เป็นความต่อเนื่องของข่าวเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในประเทศที่คาดว่าจะคงอยู่ระดับ 2.25% ไปอีกระยะหนึ่ง หรือประเด็นการเมืองที่จุดสนใจอยู่ที่คำร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามยังพอคาดหวังแรงหนุนจากผลประกอบการงวด 3Q67 ที่ทยอยประกาศออกมาได้ ส่วนบทบาทของวายุภักษ์ ประเมินว่ายังน่าจะเป็นกลไกที่ช่วยพยุง SET INDEX ได้ เฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณ 1460 จุดลงมาประเมินว่า SET INDEX ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าที่บริเวณ 1460 จุด น่าจะมีแรงหนุนจากวายุภักษ์ วันนี้คาดกรอบ1458 –1475 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้ เลือก BDMS, CBG และ CPAXT

เศรษฐกิจโลกเติบโต 3.2% YOY ส่วนดอกเบี้ยในบ้านเรา คงที่2.25%ไปอีกระยะหนึ่ง
IMF เผย WORLD ECONOMIC OUTLOOK ฉบับล่าสุดประจำเดือน ต.ค. 67ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ จะขยายตัว +3.2%YOY และได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มGDP GROWTH ปีหน้า +3.2%YOY (เดิมคาด 3.3%) อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปี 2010-2023 ที่ระดับ 3.4%YOYโดยในปีนี้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสหลีกเลี่ยงการเกิด RECESSION ไปได้ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเกินคาด ท่ามกลางเงินเฟ้อทยอยลดลงสู่กรอบเป้าหมาย แต่ยังมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใก้ชิด ทั้งเรื่อง "สงคราม" และ "นโยบายกีดกันทางการค้า" บวกกับ “ปัญหาอสังหาฯ ในจีน”
นอกจากนี้ IMFได้ปรับประมาณการ GDP GRWOTH ในปี 2024-25 อาทิ

• สหรัฐฯ : เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโต +2.8% ปีนี้ (เดิมคาด 2.6%) และ+2.2% ปีหน้า (เดิมคาด 1.9%)
• จีน : ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโต +4.8% ปีนี้ (เดิมคาด 5%) และ +4.5% ปีหน้า
• ไทย : ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโต 2.8% ปีนี้ (เดิมคาด 2.9%) และ 3% ปีหน้า(เดิมคาด 3.1%)

กรณีปัจจัยแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในประเทศยังเป็นไปตามคาดการณ์ โดยภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ แม้ GDP GROWTH จะมีแนวโน้มขยายตัวน้อยลง แต่ไม่ได้ส่งผ่านแรงกดดันให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงแรงๆ บวกกับบ้านเราคาดว่าจะยังมีแรงผลักต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยว, การลงทุน (I), การใช้จ่ายภาครัฐ (G)เป็นต้น

ภาวะข้างต้นอาจทำให้การเดินหน้านโยบายการเงิน ไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนในการรีบปรับลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของผู้ว่าธปท. ที่ย้ำว่าไม่ได้เร่งรีบลดดอกเบี้ยลงอีก โดยจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจในอีกแง่มุมหนึ่ง หาก GDP GROWTH โลก-ไทย ในระยะถัดไป มีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จนกระทบต่อเศรษฐกิจ/เงินเฟ้อ/เสถียรภาพระบบการเงินในบ้านเรา อย่างมีนัยฯ อาจเห็นการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นได้


การเมืองไทย ยังคงกดดัน SET คาดกรอบวันนี้ 1458-1475 จุด
เริ่มต้นวันที่ 24 ก.ย.67 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้ยื่น 6 คำร้องต่ออัยการสูงสุดให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เลิกทำการที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง

หลังจากนั้น 10 ต.ค.67 นายธีรยุทธจึงได้ยื่นคำร้องเดิมต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกครั้งซึ่งล่าสุด 22 ต.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าในช่วงกลางเดือน พ.ย.67 น่าจะทราบผลลัพธ์ว่าจะมีการรับคำร้องดังกล่าวหรือไม่ และจะเป็นจุดกำหนดทิศทางของFLOW ต่างชาติต่อ SET INDEX ในอนาคต

 

สรุป การเมืองไทยยังมีความร้อนแรง หลังนายธีรยุทธได้ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยความผิดของนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจกดดันให้
SET ผันผวน ให้ช่วงคำตัดสินได้ โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าในช่วงกลางเดือน พ.ย.67น่าจะทราบผลลัพธ์ว่าจะมีการรับคำร้องดังกล่าวหรือไม่ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของ SET วันนี้อยู่ในช่วง 1458-1475 จุด

การเมืองไทย -โลก กดดัน FUND FLOW ชะลอช่วงนี้
การเปลี่ยนผ่านการเมืองโลกใกล้เข้ามา โดยเฉพาะนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งปธน.สหรัฐ 5 พ.ย. 67 พร้อมกับคะแนนความนิยมของทรัมป์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงบ้าง หลังจาตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นมาแรง เช่น DOW JONES ขึ้นมาแล้ว 6 สัปดาห์ติดต่อกัน +7.2% แต่สัปดาห์นี้เริ่มเห็นการขายทำกำไร และย่อตัวลงมาทุกวันใน 3 วันทำการที่ผ่านมา -1.8% ถือเป็นSENTIMENT ลบต่อ SET INDEX ในช่วงนี้ได้

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นนิติสงครามในการเมืองไทย กดดันให้ SET INDEX มีโอกาสผันผวนมากขึ้น
รวมถึง FUND FLOW ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย สะท้อนได้จากในช่วง 19 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิ 18 ใน 19 วันทำการ โดยมีมูลค่าขายสุทธิรวม -2.5หมื่นล้านบาท ที่สำคัญคือ แรงหนุนจากเม็ดเงินสถาบันฯ รวมถึงกองทุนวายุภักษ์ ที่ซื้อสะสมมาต่อเนื่อง แต่แรงซื้อค่อยๆ แผ่วลง และล่าสุดเห็นการสลับมาขายสุทธิในวันที่22 ต.ค. 67 ที่ -691 ล้านบาท

สรุป ช่วงการเปลี่ยนผ่านการเมืองสหรัฐ และความไม่แน่นอนในการเมืองไทย กดดันให้FUND FLOW ของต่างชาติและสถาบันฯ ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้แนะนำเก็งกำไรหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่าง หุ้นนิคม WHA, AMATA, PIN,WHAUP และหุ้นรับเหมาเทคฯ INSET, AIT, ICN รับกระแส NVIDIA เข้ามาลงทุนในไทย รวมถึงพรรค REPUBLICAN มีโอกาสชนะการเลือกตั้งสหรัฐมากขึ้น หนุนการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น



Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้