Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

518


"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "พยายามสร้างฐาน" ต้าน 1480/1487 จุด รับ 1461/1453 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลง 3 วันติด จาก US Bond Yield สหรัฐ 10 ปี ที่ขึ้นสู่ 4.25% สูงสุดตั้งแต่ 26 ก.ค. 24 ตอบรับรายงานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ทำให้กรรมการ Fed เริ่มส่งสัญญาณระวังขึ้น ขณะที่ตลาดเริ่มระมัดระวังโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ที่สหรัฐฯ มีโอกาสเสี่ยงเผชิญขาดดุลการคลังสูงขึ้นหากคุณ Trump ชนะ หนุน Dollar Index ถ่วงค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.8 บาท เป็นจิตวิทยาลบตลาดหุ้นไทยวันนี้ อย่างไรก็ดี จับตา Flash PMI ต.ค. 24 สหรัฐคืนนี้ หากภาคบริการทรงถึงอ่อนลง เชื่อจะช่วยชะลอการเร่ง Bond Yield ได้ ฝั่งเอเชียวันนี้ 24-25 ต.ค. ติดตามการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ มีโอกาสเห็นความชัดเจนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ผสาน จิตวิทยาบวกภายใน Nvidia เตรียมเข้าลงทุนไทย หนุนความเชื่อมั่น Infra Tech เป็นจุดหนุนเศรษฐกิจไทยระยะกลาง มอง SET อยู่ในช่วงตั้งฐาน หุ้นเด่น คือ หุ้น China Plays หุ้น Yield ขยับขึ้นหนุน หุ้นปลอดภัยต่อความเสี่ยงเลือกตั้งสหรัฐฯ (ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. นิคม ส่งออกอาหาร) หุ้นเงินบาทอ่อนค่า หุ้นที่คาดกำไร 3Q24F ดี วันนี้แนะ ADVANC, CPF, KTB

 

Daily outlook: "พยายามสร้างฐาน" ต้าน 1480/1487 จุด รับ 1461/1453 จุด

What happened around the world ?

(-)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจาก Bond yields สหรัฐเร่งขึ้น หลังประธาน Fed หลายราย อาทิ Mary Dary (Non vote) , kashkarl(Vote) เรียกร้องให้ใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐตลาดมักจะผันผวน อิง Dow jones -0.96%d-d , S&P500 -0.92% , Nasdaq -1.56%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นมีเพียง กลุ่ม Real estate, Utilities Sector ปรับลงหลักๆคือ Consumer discretionary, IT, ICT, Energy ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Starbucks +0.86% (ช่วงแรกของการซื้อขาย -10% และมีแรงซื้อกลับมาปิดบวก) หลังจากรายงานยอดขายลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อ โดยยอดขายทั่วโลก -7% , ในจีน -14% ,สหรัฐ -10% , หุ้น McDonald -5% รับมีผู้เสียชีวิต 1 รายจากการทานเบอร์เกอร์ของ "แมคโดนัลด์" เพราะการระบาดของเชื้อ E.coli ฯลฯ

(*) US Earning : สหรัฐรายงานผลประกอบการ 3Q24 ออกมาล่าสุดรวม 139 บริษัทจาก 499 บริษัท กำไรดีกว่าคาด 5.9% VS. ต้นสัปดาห์ที่ 6.12% และ เติบโต +3.2%y-y ชะลอจาก 5.9%y-y (ช่วงวันหยุด กลุ่มที่ดีกว่า(+) คาดหลักๆคือ Coca-cola กำไรดีกว่าคาด 3%, Tesla กำไรดีกว่าคาดราว 20% และบริษัทย้ำการเปิดตัวรถ EV ราคาถูกแผนการผลิตในปี 2025 และ Elon Musk ปี 2025 ผลประกอบการจะเติบโตราว 20-30% ส่วนกลุ่มที่ต่ำคาด(-) คือ Boeing กำไรและรายได้ต่ำคาด

(-)US Econ : 1.) ยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.ย. -1.0%m-m ปรับลดลงติดต่อกัน 2 เดือน อยู่ที่ 3.84 ล้านหลัง ต่ำกว่าตลาดคาด 3.9 ล้านหลัง vs prev. 3.86 ล้านหลัง 2.)MBA Mortgage rate 30 ปี ทรงตัวที่ 6.52% KSS ประเมินหนุนความเชื่อเงินเฟ้อหมวด Shelter เดือน ก.ย. มีแนวโน้มปรับลงต่อ

(*)World GDP: กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ออกรายงานเศรษฐกิจ เดือน ต.ค. คงคาดการณ์ World GDP Growth ปี 2024 ที่เดิม 3.2%y-y และปรับปี 2025 -0.1% ลงมาที่ 3.2%y-y โดยรายประเทศสำคัญ คือ ปรับเพิ่ม 1.)สหรัฐ ปรับเพิ่ม GDP ปี 2024 และ 2025 ขึ้น 0.2%,0.3% อยู่ที่ 2.8% , 2.2% ตามลำดับ เป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ และหนุน Dollar แข็งค่า แต่ KSS ยังคงน้ำหนักการลงทุนเพียง Neutral ส่วนจีน ปรับลดปี 2024 ลง 0.2% เหลือ 4.8%y-y แต่คงปี 2025 ที่ 4.5% KSS ให้น้ำหนักลงทุนเป็น Over weight ส่วนประเทศที่ปรับลด GDP ลง คือ ยุโรป ปรับลดปี 2024-2025 ลด -0.1% และ -0.3% เหลือ 0.8% และ 1.2% KSS ให้น้ำหนักลงทุนคือ Neutral กลุ่ม ASEAN5 รวมไทย ปรับเพิ่มปี 2024 ขึ้น 0.1% อยุ่ที่ 4.5% และปี 2025 ปรับลด -0.1% ที่ 4.5% ส่วนไทย ปรับลดปี 2024 -2025 ลง 0.1% เหลือ 2.8% และ 3.0% ตามลำดับ

(*/+) China Econ : ทางการจีนตัวเลขอัตราคนว่างงานในกลุ่มอายุ 16-24 ปี (ไม่นับรวมนักเรียน-นักศึกษา) เดือน ก.ย. ลดลงมาอยู่ที่ 17.6% จาก 18.8% ในเดือนส.ค. ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะ "ยังคงมีเสถียรภาพและฟื้นตัวต่อเนื่อง KSS ประเมินจะหนุนตลาดหุ้นจีนและบวกต่อหุ้น China Play นำโดย IVL , AOT, ส่วน SCGP , PTTGC ทยอยตั้งรับ

(*/+) BOC Interest rate : ธนาคารกลางแคนาดา(BOC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งที่ 4 ของปีนี้ราง 50 bps อยู่ที่ 3.75% เพื่อให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะสมดุล และกดดันเงินเฟ้อสูง KSS ประเมินตอกย้ำภาพวงจรดอกเบี้ยโลกยังเข้าสู่ขาลง เป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

(*/+) Chip stocks : บริษัท Qualcomm เปิดตัวชิป Snapdragon รุ่นใหม่ คือ Oryon จุดเด่คือเพิ่มประสิทธิภาพราว 45%เทียบกับรุ่นก่อนหน้า และใช้พลังงานน้อยลง และมุ่งเน้น AI ใช้กับ Smartphone และมี PC KSS ประเมินทิศทางการเติบโตของ AI และความต้องการความต้องการ Chip ยังมีแนวโน้มโตขึ้น มองเป้นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนในไทย อาทิ DELTA, HANA, KCE

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ ติดตาม, 24 ต.ค. ติดตามยอดขายบ้านใหม่ ก.ย. คาด 7.13 แสนหลัง vs prev. 7.16 แสนหลัง 24 ต.ค. ติดตาม S&P Flash PMI ภาคผลิต ต.ค. คาด 47.3 จุด เท่าเดือนก่อน, 25 ต.ค. ติดตามดัชนีความเชื่อมั่น ม มิชิแกน ต.ค. คาด 69.5 vs prev. 68.9 และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.ย. คาด -1%m-m vs prev. +0%m-m ฝั่งยุโรป,24 ต.ค. ติดตามดัชนี Flash PMI ต.ค. ภาคผลิตคาด 45.3 จุด vs prev. 45.0 จุด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield ปรับขึ้น ในช่วงวันหยุดโดยทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน อิง อายุ 2 ปี 2 วันปรับขึ้นรวม +5 bps อยู่ที่ 4.03% และอายุ 10 ปี 2 วันปรับขึ้นรวม +14 bps อยู่ที่ 4.25% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB และกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI ระยะสั้น ส่วน Dollar Index แข็งค่าแรงและทำจุดสูงสุดในรอบตั้งแต่ ต้นเดือน ส.ค.2024 ที่ 104.2 จุด ประเมินเป็นปัจจัยทำให้ค่าเงินในฝั่งเอเซียอ่อนค่าในทางเดียวกัน เป็นจิตวิทยาลบต่อ Fund Flow

(*)Oil: น้ำมันดิบ Brent -1.42%d-d ปิดที่ US$ 74.96/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.35%d-d ปิดที่ US$ 70.77/barrel แรงกดดันมาจาก 1.) Supply ในฝั่งสหรัฐ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบพลิกเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลมากกว่า ตลาดคาด 8 แสนบาร์เรล 2.) Dollar แข็งค่าแรงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน ระยะสั้นน้ำมันมีปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ้มที่มีต้นทุนเป็นน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน BA, AAV และบวกต่อกลุ่ม Anticommodity อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้าเน้น GULF, GPSC กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC, TASCO

 

What happened in Thailand ?

(-) SET : SET Index ปรับตัวลง -18.42 จุด หรือ -1.24% ปิดที่ 1470.32 จุด ปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 10 วัน สอดคล้องกับประเทศในฝั่งเอเซียเหนือที่ปรับลงในทางเดียวกัน ส่วนมูลค่าการซื้อ 5.69 หมื่นล้านบาท โดย Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนีคือ มีเพียง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ DELTA ฯลฯ กลุ่มที่กดดัชนีหลักๆคือ กลุ่มพลังงาน ( GULF, PTT) กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH) ฯลฯ

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ซื้อพันธบัตร +4.95 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -49.1 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short 8,772 สัญญา ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.8 +/- บาท

(*/+) NVIDIA x Thailand: สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัทผู้นำการออกแบบชิประดับโลกอย่าง บริษัท Nvidia ว่า ล่าสุดมีถ้อยแถลงของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย เปิดเผยถึงกรณีบริษัท Nvidia มีแผนเตรียมที่จะลงทุนในประเทศไทย ตามรอย Amazon, Google และ Microsoft เพื่อให้ไทยกลายเป็นฮับด้าน Data Centers และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เรามองตอกย้ำภาพบวกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการลงทุนธุรกิจ Infrastructure Technology ในไทยในอีกหลายปีข้างหน้า และปริมาณการขยาย Data Center ใน 4-5 ปีข้างหน้าของไทยมีโอกาสเห็น Upside Risk สูงกว่าเราประเมินปีละ 45-50% (vs โลกปีละ 8-10%) จากการขับเคลื่อน Digital Adoption ในส่วน Use Case ด้านต่างๆ ที่มีโอกาสเร่งขึ้น ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความชัดเจนแผนธุรกิจ NVIDIA ในไทยเพื่อประเมินอีกครั้ง หนุนเรายังมองบวกต่อหุ้นในธีม Infrastructure Technology WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK, LTS ผสาน ปัจจัยที่เกิดขึ้นระยะสั้นช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ภาพรายวัน เน้น WHA, DELTA, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK

(*) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14-20 ต.ค. อยู่ที่ 5.75 แสนราย ทรงตัว w-w หนุนนักท่องเที่ยว YTD สูง 27.8 ล้านคน แม้ยังไม่สร้างภาพหนุนเชิงบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว แต่เรามองนักท่องเที่ยวระยะนี้เป็นโซนฐานก่อนเร่งขึ้นช่วง 4Q24 ต่อเนื่อง 1Q25 โดยรวมเราเชื่อว่านักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F จะอยู่กรอบ Consensus ประเมินราว 35.5-36 ล้านคน เชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยสะสมหุ้นภาคบริการที่จะได้ประโยชน์ช่วงท่องเที่ยว เน้น AOT, CPALL, ADVANC

(*/-) TH Politic: จากกรณีที่นายธีรยุทธ ทนายความอิสระยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยว่า นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ์และเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดศาลฯ ยังไม่พิจารณารับคำร้อง แต่ให้อัยการสูงสุด ส่งพยานเพิ่มภายใน 15 วัน เรามองประเด็นดังกล่าวจะมีน้ำหนักสร้าง Overhang ต่อตลาดหุ้นจนกว่าจะมีความชัดเจนขั้นแรกว่าศาลจะรับคำร้องหรือไม่ กรณีไม่รับคำร้อง จะเป็นบวกต่อตลาด ส่วนกรณีรับคำร้องจะเป็น Overhang ต่อเนื่องจนกว่าจะมีคำตัดสิน ทั้งนี้ ด้วยระยะเวลาตัดสินอีกหลายเดือนหลังจากนั้น อิงกรณีล่าสุดพรรคก้าวไกล (ศาลรับคำร้อง 12 ก.ค. 23 พิจารณา 31 ส.ค. 24) เชื่อว่าตลาดจะเคลื่อนไหวโดยมีน้ำหนักตามปัจจัยอื่นๆไปก่อน

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายใน ติดตาม วันนี้ (24 ต.ค.) ติดตามยอดส่งออกและนำเข้า ก.ย. 24 ไม่มีคาด vs prev. +7.0%y-y และ +8.9%y-y ตามลำดับ 25 ต.ค. ติดตาม 1.) รายงานกำไร DELTA ตลาดคาด +5%y-y, -13.2%q-q TRUE ตลาดคาดขาดทุนลดลง y-y, q-q ขณะที่ KSS มองกำไรปกติเร่งขึ้นต่อเนื่อง และ 2.) การเปิดตัวโครงการ One Bangkok มองจิตวิทยาบวกหุ้นบริษัทที่เชื่อมโยง AWC, BJC

 

Daily Strategy : ADVANC, CPF, KTB เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "พยายามสร้างฐาน" US Bond Yield ที่เร่งขึ้น จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง และนำมาสู่ความเห็นกรรมการ Fed สาขาต่างๆ ระมัดระวัง ส่งผลให้ Dollar แข็งค่าและถ่วงเงินบาทอ่อนค่า มองจิตวิทยาลบต่อ SET อย่างไรก็ดี ยังคาดหวังจิตวิทยาบวกบางส่วนช่วยประคองให้ SET พยายามตั้งฐาน มีโอกาสเห็นความชัดเจนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ 24-25 ต.ค. ผสาน กระแสภายในมีภาพบวก NVIDIA เตรียมเข้าลงทุนในไทย มองหุ้นนำวันนี้ คือ หุ้น China Plays หุ้น Yield ขยับขึ้นหนุน หุ้นปลอดภัยต่อความเสี่ยงเลือกตั้ง (ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. นิคม ส่งออกอาหาร) หุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน หุ้นที่คาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, GLOBAL, AOT, AAV, SCGP)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้