Kiatnakin Phatra Bank (KKP TB)
ถึงเวลาฟื้นตัว
เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 65 บาท เปลี่ยนหุ้น Top Pick จาก TTB เป็น KKP
เราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 65 บาท (P/BV ปี 67 ที่ 0.8 เท่า และ ROE ที่ 8.7%) จากเดิม 52 บาท หลังจากที่ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67-69 ขึ้น 3-14% เราเห็นปัจจัยบวกหลายประการที่จะสนับสนุนการเติบโตของ EPS ได้แก่ (1) ผลขาดทุนจากการขายที่ลดลง (2) ต้นทุนการเงินที่ลดลง (3) การฟื้นตัวของรายได้จากค่าธรรมเนียม (4) การเติบโตของสินเชื่อรถยนต์ประเภท Auto Equity และ (5) แผนการบริหารจัดการเงินทุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 68 ที่ 8 เท่า และ P/BV 0.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ -1SD เราเลือก KKP เป็น Top Pick ของเราสำหรับกลุ่มธนาคารขนาดกลางและเล็ก เนื่องจาก EPS เติบโตสูงที่สุดที่ 24% ในปี 68 ขณะที่ ROE คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.7% ในปี 69 จาก 7.3% ในปี 67
คาดขาดทุนจากการขายและ credit cost ลดลง
เราคาดว่าปีงบ 68 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวสำหรับ KKP โดยผลขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่ยึดคืน (LOS) และต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ในปี 68 น่าจะลดลง YoY หลังจาก KKP ชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) เหลือเพียง 1.0-1.2 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาสในช่วงไตรมาส 4/66 - 3/67 จากเดิม 2.0 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาสในช่วงไตรมาส 4/64 - 2/66 เราเชื่อว่าผลขาดทุน LOS ที่สูงเป็นผลจากการเร่งขยายสินเชื่อ ด้วยยอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยที่สูงในปี 65-66 โดยยอดขาดทุน LOS เพิ่มขึ้นเป็น 4.9 พันล้านบาทในปี 66 และ 3.7 พันล้านบาทใน 9 เดือนแรกของปี 67 จากค่าเฉลี่ย 1.7 พันล้านบาทในช่วงปี 62-65 ทั้งนี้ เราคาดว่าผลขาดทุน LOS จะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหลือ 3.8 พันล้านบาทในปี 68 และ 2.7 พันล้านบาทในปี 69เนื่องจากการลดจำนวนการขายรถยนต์และอัตราขาดทุนที่ลดลงจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มี LTV ต่ำลง
ต้นทุนการเงินลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัว
เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนจะเติบโตขึ้น YoY โดยข้อตกลง IB บางส่วนน่าจะเกิดขึ้นในปี 68 หลังจากที่ล่าช้าเนื่องจากสภาวะตลาดทุนที่อ่อนแอในปี 66-67 ในแง่ของอัตรากำไร อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก KKP ยังคงแปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นสินเชื่อรถยนต์ประเภท Auto Equity เราคาดว่าต้นทุนการเงินจะลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 68 โดย KKP จะเป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในภาคการธนาคาร เนื่องจากสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่คิดเป็น 60% ของสินเชื่อทั้งหมด ทั้งนี้ ต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ในไตรมาส 3/67 จากเพียง 1.1% ในไตรมาส 4/62 เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น
ปรับเพิ่มประมาณการกำไร คาดซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมในปี 68
เราเพิ่มประมาณการกำไรปี 67-69 ขึ้น 3-14% หลังปรับเพิ่มประมาณการ NIM การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และปรับลด credit cost ลง เราคาดว่ากำไรในปี 67 จะลดลง 17% YoY และจะฟื้นตัว 23/14% ในปี 68/69 จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้นและ credit cost ที่ลดลงในปี 68/69 เราคาดว่า KKP จะชะลอการปล่อยสินเชื่อใหม่และมุ่งเน้นไปที่คุณภาพสินทรัพย์ ความสามารถในการทำกำไร รวมถึงการบริหารจัดการเงินทุนเพื่อเพิ่ม ROE ทั้งนี้ KKP ได้ปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็น 47% ในปี 66 และครึ่งปีแรก 67 จากเดิม 36-39% ในปี 63-65 และประกาศซื้อหุ้นคืนสูงถึง 2.6% ของทุนที่ชำระแล้ว เราคาดว่าธนาคารจะยังคงซื้อหุ้นคืนต่อไป เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อและมูลค่าหุ้นที่ถูกในปี 68
Jesada Techahusdin, CFA
jesada.t@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1395