Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

447

 



Market Strategy
SET Index แกว่งในกรอบ 1480-1500 จุด แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่เริ่มแผ่วลงหลังดัชนีขึ้นมาเร็วใกล้บริเวณแนวต้าน 1500 จุด และคาดว่าอยู่ในช่วงประเมินแนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 ทำให้ Momentum ในการปรับขึ้นเริ่มช้าลง แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นโลกได้ต่อไป ส่วนประเด็นในประเทศภาครัฐฯอยู่ในช่วงเตรียมออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่น้ำท่วม กลยุทธ์ยังเลือกหุ้น Earnings แนวโน้มเติบโตดี AOT TASCO

 

ปัจจัยทางเศรษฐกิจยังเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เริ่มจากจีนรายงาน GDP 3Q67 ขยายตัว 4.6%YoY ดีกว่าตลาดคาด 4.5%YoY ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. ขยายตัว 5.4%YoY สูงกว่าคาด 4.6%YoY ยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ขยายตัว 3.2%YoY สูงกว่าคาดที่ขยายตัว 2.5%YoY หนุนต่อตลาดหุ้นจีนวันศุกร์ที่ผ่านมาฟื้นตัวกว่า 3% ขณะที่วันนี้เชื่อว่าจะเห็นการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมผ่านการลดดอกเบี้ย LPR อาย 1 และ 5 ปัลง 20 bps ด้านฝั่งสหรัฐฯการรายงานเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคแรงงานที่ดีกว่าตลาดคาด เช่นเดียวกับการรายงานงบ 3Q67 ของดัชนี S&P 500 ช่วยลดความกังวลต่อ Recession หนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นทุกดัชนีในช่วง 0.1 ถึง 0.6% สภาพแวดล้อมข้างต้นยังเชื่อว่าเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงของโลกต่อไป

 

ปัจจัยในประเทศ รมช.คลังเผยเตรียมออกมาตรการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ผ่านโครงการ “เที่ยวไทยไปต่อได้” ลดหย่อนภาษี 2 ส่วนได้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทที่ไปจัดสัมมนาในเบื้องต้น คาดว่าจะให้หักลดหย่อนได้ 2 เท่า ซึ่งจะเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในต้นเดือน พ.ย. ก่อนที่จะเสนอต่อ ครม. เชื่อว่าผลบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศ AWC ERW และ CENTEL

 

สำหรับประเด็นที่ติดตามในสัปดาห์นี้ประเด็นในประเทศอยู่ที่การรายงานงบของหุ้นในกลุ่ม ธ.พ. (KBANK KTB SCB) และ DELTA ส่วนปัจจัยต่างประเทศการรายงานตัว PMI ภาคการผลิต/บริการเดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ และยุโรปในวันที่ 24 ต.ค. (โดยรวมตลาดคาดว่าจะกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย)

 

Market Summary
SET Index ปรับลง 5.2 จุด แรงกดดันหลักมาจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม GULF นำโดย ADVANC -5% GULF -1.8% INTUCH -1.3% และกลุ่มธนาคาร TTB -3.2% จากการรายงานงบต่ำกว่า เราคาด BBL -1.3% แม้งบดีกว่าคาดแต่คุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้น นำโดย DELA +3.6% CPALL +2.7% หลัง Valuation ต่ำกว่า CPAXT เกินไป และ IVL +1.2% SCC +1% หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนดีกว่าตลาดคาด


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ AOT TASCO
AOT
Earnings Momentum
สดใส
เราคาดว่า AOT จะรายงานกำไร 4Q67E (ก.ค.-ก.ย.67) ที่ 4.1 พันล้านบาท ขยายตัว 13% YoY แต่หดตัว -8%QoQ การลดลง QoQ เกิดจากการเรียกคืนพื้นที่ขายสินค้าปลอดอากรทั้งขาออกและขาเข้า ส่วนการเพิ่มขึ้นของกำไร YoY จะมาจากปริมาณผู้โดยสารที่ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 86% ของระดับก่อนเกิดโควิด

 

คาดการณ์ว่ากำไร 1Q68E (ต.ค.-ธ.ค.67) จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นและได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด ขณะที่กำไรทั้งปี 68E คาดขยายตัว 22%YoY จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เราประเมินจำนวนนักท่องเที่ยว 41 ล้านคนในปี 68 เพิ่มขึ้น 36 ล้านคนในปี 67 หรือขยายตัว +14%YoY
ประมาณการกำไรหลักปี 69-70 มีอัพไซด์ 5-6% จาก PSC สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางต่อเครื่อง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท

 

TASCO
กำไรฟื้นเด่นครึ่งปีหลัง
คาดกำไร 2H67 จะฟื้นตัวเด่น แรงหนุนจากตลาดยางมะตอยในประเทศตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 เราคาดปริมาณขายยางมะตอยในประเทศของใน 3Q67 จะเพิ่มเป็น 165,000 ตัน (+65% YoY, +67%QoQ) ขณะที่ปริมาณส่งออกจะเพิ่มเป็น 170,000 ตัน (+6% YoY,+34%QoQ) ด้านราคาขายทั้งตลาดต่างประเทศ และ ในประเทศปรับเพิ่มขึ้นจาก 2Q67 ประมาณ 5-10% QoQ จึงคาดกำไรปกติ 3Q67 ฟื้นตัวเด่นขึ้น 500-800 ล้านบาท (+120% YoY, +103% QoQ)

 

ส่วน 4Q67 คาดผลประกอบการดีขึ้นอีกตามเม็ดเงินงบประมาณปี 68 ที่จะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ ต.ค. 67 เป็นต้นไป
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงและการซ่อมแซมถนนหลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.50 บาท

 

KEY FACTOR
จีนน่าจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ผ่านการลดดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี
ในสัปดาห์นี้ ไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงรายงานงบฯ 3Q67 กลุ่ม Real sector นำโดย DELTA ในช่วงปลายสัปดาห์ และจะเร่งตัวต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า ถือเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้

 

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ติดตาม 1) การรายงาน Flash PMI ของทั้งสหรัฐฯ และ Eurozone ซึ่งจะยังสะท้อนภาพการผลิตที่หดตัว ในขณะที่ภาคบริการยังขยายตัวเด่น เหมือนในช่วงที่ผ่านมา 2) การกำหนดดอกเบี้ย LPR ของจีน ซึ่งถือเป็นการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินระลอกแรก Consensus คาดว่าจะลดดอกเบี้ย LPR อายุ 1 ปี จาก 3.85% สู่ระดับ 3.65% และ 5 ปี จาก 3.35% สู่ระดับ 3.15%

 

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
21 ต.ค. จีนกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี
24 ต.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ


 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้