AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ไปสัมผัส 1500
เลือกหุ้นพื้นฐานดี Valuation อยู่ในจุดน่าสนใจ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งทดสอบ 1500 จุด สภาพแวดล้อมจากต่างประเทศยังเป็นบวกอ่อนๆ ต่อตลาดหุ้น เริ่มจากสหรัฐฯ ความกังวลเรื่อง Recession ลดลงเรื่อยๆตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด ฝั่งยุโรป ECB วานนี้ปรับลดดอกเบี้ยฯตามคาด 0.25% และเชื่อว่ายังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยฯในการประชุมเดือน ธ.ค.และ ฝั่งจีนมีการพยายามออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง ด้านทิศทาง Fund Flow แม้ต่างชาติสลับมาขาย แต่เม็ดเงินจากสถาบันในประเทศ ยังมีน้ำหนักมากกว่าเป็นตัวหนุน สำหรับวันนี้เลือก CPALL กำไรแนวโน้มเติบโตและ Valuation ไม่แพง CHG ที่วันนี้เรามีการออกบทวิเคราะห์ Initial Coverage

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดย ดัชนี Dow Jones ที่บวกไป 0.37% แรงหนุนมาจากการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ขยายตัว 0.4%MOM ดีกว่าตลาดคาดขยายตัว 0.3%MOM และรายงาน Initial Jobless Claim ที่เพิ่มขึ้น 2.41 แสนตำแหน่งดีกว่าตลาดคาด 2.59 แสนตำแหน่ง ช่วยลดความกังวลต่อ Recession โดยล่าสุดตลาดคาดการประชุม FED ในเดือน พ.ย. จะลดดอกเบี้ยฯ 25 bpsและเดือน ธ.ค. อีก 25 bps ไม่เปลี่ยนแปลง
การขึ้นของ SET Index ที่เริ่มเห็นการกระจุกตัวในหุ้น Market Cap ใหญ่อย่าง GULF INTUCH ADVANC โดยหากสภาวะดังกล่าวยังมีต่อไป เชื่อว่าอาจเห็นการ Rotation ไปยังหุ้น Market Cap ใหญ่อื่นๆ ที่สามารถขับเคลื่อนตลาดได้ โดยหากคัดกรองบนหุ้น Market Cap มากกว่า 1 แสนล้านบาท , Free Float ต่ำกว่า 30% จะได้หุ้นที่อาจตกเป็นเป้าต่อไป เช่น DELTA AOT CPAXT OR BAY GPSC TLI AWC SCGP BJC หากประเมินควบคู่ไปกับแนวโน้มกำไร 2H67 ที่ยังเติบโตดี เรามุ่งเป้าไปที่ AOT CPAXT GPSC AWC และ BJC

ส่วนประเด็นอื่นๆที่ติดตามวันนี้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีนประกอบด้วย GDP3Q67 ตลาดคาด 4.5%YoY รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. คาดขยายตัว 4.6%YoY และยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. คาดขยายตัว 2.5%YoY ส่วนปัจจัยในประเทศให้น้ำหนักไปที่การรายงานงบ 3Q67 ของ KKP KTB KTC และ TTB

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นต่อ 10 จุด โดยแรงหนุนหลักมาจากกลุ่ม GULF และบริษัทในเครือรวมกันราว 7.7 จุด นำโดย GULF +5.7% ADVANC +3.5% INTUCH +6.7% และ THCOM +3.1% ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ปรับขึ้นคือกลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยฯ ปรับลง เช่นกลุ่มไฟแนนซ์ TIDLOR +2.7% BAM +1% กลุ่มโรงไฟฟ้า BCPG +2.8% CKP +2% และกลุ่มค้าปลีก CPAXT +4.6% ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มปูนใหญ่ SCC -3% SCGP -1.8%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CHG CPALL

CPALL เทรด Discount มากไป
(เมื่อเทียบกับ CPAXT)
คาดว่าแนวโน้มกำไรจะดียิ่งขึ้นใน 2H67 เมื่อเทียบกับ 1H67 จากผลของฤดูกาลจับจ่ายและท่องเที่ยวช่วงปลายปีรวมถึงการขยายสาขาต่อเนื่อง หนุนกำไรปี 67 ขยายตัว 24.9%YoY ขณะที่ปี 68 เราคาดขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.9%YoY
นอกจากนี้เราเชื่อว่า CPALL ได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนที่ช่วยหนุนต่อ SSSG ในช่วง 4Q67 และมีโอกาสแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคปลายปี เช่น Easy Receipt ซึ่งจะถือเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา
ในด้าน Valuation CPALL ซื้อขายบน PER68E 23.2 เท่า ถูกกว่าเมื่อเทียบกับ CPAXT ที่ซื้อขายบน PER68E 27.5 เท่าหรือคิดเป็นการ Discount มากถึง 15.6% ซึ่งเรามองว่าเป็นช่องว่างที่ต่างกันมากเกินไป (ทั้งนี้ CPALL ถือหุ้นอยู่คิดเป็นสัดส่วน 59.9%)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 78.00 บาท

CHG Initial Coverage
ร.พ. ที่กำไรเติบโตดี
เราเริ่มต้นวิเคราะห์ CHG โดยเราคาดว่า 1) จำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ที่มีศักยภาพสูง 2) โรงพยาบาลแม่สอดที่ผ่านจุดต่ำไปแล้ว 3) การให้บริการโรคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และ 4) ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคม (SSO) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และอัตรากำไร เราคาดกำไรของ CHG จะเติบโตราว 12% CAGR ในปี 68-69 ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม
เราคาดว่าอัตราการจ่าย RW>2 จะอยู่ที่ 10.8k บาท/RW ขณะที่ Valuation ของ CHG ยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER68E ที่ 26 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนช่วง Covid-19 ราว -1.4SD
ประมาณการตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไปมีโอกาส upside อีก 3% หาก SSO ปรับงบประมาณการจ่ายโรคที่ RW>2 เพิ่มขึ้นมาที่ 12k บาท/RW สำหรับ downside risks ได้แก่ ต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด การฟื้นตัวของร.พ.ใหม่และ SSO ที่ล่าช้า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.50 บาท

KEY FACTOR
แม้ว่าการส่งสัญญาณมาตรการกระตุ้นที่มีออกมาล่าสุดของทางการจีน โดยขยาย White list โครงการที่อยู่อาศัย ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทุน และเพิ่มวงเงินสินเชื่อธนาคารเป็น 4 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะยังสร้างความผิดหวังต่อตลาด แต่อย่างไรก็ตาม การรายงาน GDP 3Q67 ของจีนในวันนี้ โดยในมุมมองของ Consensus คาดว่าจะขยายตัว +4.5%YoY และ +1.1%QoQ จาก +4.7%YoY และ +0.7%QoQ ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งตัวเลขเร่งตัวขึ้นน่าจะกลับมาสร้างความคาดหวังเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงถัดไปที่จีนจะเริ่มได้อานิสงค์บวกจากมาตรการกระตุ้นด้านการเงินและการคลังที่ทยอยเข้ามาใน 4Q67 และอาจจะนำไปสู่การทยอยปรับเพิ่มประมาณการ ปี 67 และ 68 ยังทรงตัว

EYES ON
8 ต.ค. GDP 3Q67 ของจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ