AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตัว
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งพักตัวตามกรอบ 1450-1470 จุด จากแรงกดดันกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงกว่า 4% และกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ที่ถูกดดันกลุ่มเทคฯสหรัฐฯ ขณะที่ประเด็นที่ให้ความสำคัญวันนี้อยู่ที่การประชุม กนง. ซึ่งเราคาดคงดอกเบี้ยฯ โดยหุ้นเด่นวันนี้เลือก TTB และ WHA
ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับลงในช่วง -0.8% ถึง -1% แรงกดดันมาจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลง -1.8% จากประเด็นเฉพาะของ NVIDIA -4.5% หลังรัฐบาลสหรัฐฯกำลังพิจารณาจำกัดการส่งออก AI Chip สำหรับบางประเทศและ ASML -16% จากการเผยยอดคำสั้งซื้อ 3Q67 ต่ำกว่าตลาดคาดและปรับลดคาดการณ์ยอดขายปีหน้า ซึ่งการปรับลงข้างต้นมองเป็น Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์บ้านเราในวันนี้
ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับลงแรง -4% จากความกังวลต่อการตอบโต้ของอิสราเอลต่อแหล่งน้ำมันและนิวเคลียร์ในอิหร่านลดลงและการตอบโต้คาดจะมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางการทหารมากกว่า นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากการปรับลดคาดการณ์การใช้น้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ที่คาดความต้องการใช้น้ำมันปี 67/68 จะเพิ่มขึ้น 1.9/1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 2/1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน น่าจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นในวันนี้ แต่อีกด้านหนึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันลงเช่นกลุ่มสายการบิน AAV และ BA เป็นต้น
การประชุม ครม.วานนี้รับทราบมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมที่คลังเสนอ ประกอบด้วย 1) เตรียมออก Soft loan เพิ่มเติมวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท โดยเน้นกลุ่มผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวและบริการ 2) มาตรการลดหย่อนภาษี โดนกำหนดรายจ่ายการซื้ออุปกรณ์ วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านในพื้นที่น้ำท่วม 3) ขยายเวลาการยื่นภาษีและยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและชิ้นส่วนที่ลงทุนทดแทนความเสียหายจากน้ำท่วม คาดจะนำเข้า ครม. พิจารณาต่อไปในเดือนนี้ต่อไป เราประเมินการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกของรัฐบาลจะดำเนินการเร่งด่วน ซึ่งหุ้นได้ประโยชน์กลุ่มตกแต่งบ้านชอบHMPRO กลุ่มวัสดุก่อสร้างชอบ TASCO
Market Summary
SET Index ปรับลง 5 จุด กดดันหลักมาจากกลุ่ม Global Play ที่มาตรการกระตุ้นของจีนยังขาดรูปธรรมและการรายงานส่งออกเดือน ก.ย. ต่ำคาด กดดันกลุ่มพลังงาน PTT -2% PTTEP -3% BANPU -6% กลุ่มวัสุดุก่อสร้างและกลุ่มปิโตรฯ SCC -5% PTTGC -3% ส่วนกลุ่มที่หนุนตลาดเป็นกลุ่มอิเล็คฯ DELTA +4% กลุ่ม GULF +1.2% ADVANC +0.7% และ INTUCH +0.5% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.36 พันล้านบาท
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ TTB WHA
WHA กำไรช่วง 2H67 ขยายตัว
แนวโน้มกำไรบริษัทฯอิง Bloomberg Consensus คาดปี 67/68 ขยายตัว 11%/13% ทำ New High ต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนกำไรมาจากยอดขายที่ดินที่เติบโต และราคาที่ดินที่ยังสามารถปรับสูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ดินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปทานที่ดินของนิคมอุตสาหกรรม
ด้าน Earnings Momentum งบ 3Q67 โดย BB Consensus คาดกำไรสุทธิ 756 ล้านบาทลดลง QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาลก่อนจะเร่งตัวใน 4Q67 มาที่ 2.17 พันล้านบาท
แรงขับเคลื่อนในช่วง 1-3 เดือนข้างต้น เป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากกระแส Relocation ที่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ ที่คุณทรัมป์หรือคุณแฮริสได้รับเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ การกีดกัดการค้ากับจีนจะมีอยู่แน่นอน นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ ที่ต้องการดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้าง New-S Curve ในธุรกิจเป้าหมาย เช่น กลุ่มเทคโนโลยี Datacenter เป็นต้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.25 บาท
TTB กำไรปกติ 3Q67Eโดดเด่น
ราคาหุ้นปรับลงในเดือน ต.ค. -4.1% MTD Underperform กลุ่มธนาคารที่ปรับขึ้น +1.12%MTD เราคาดอาจมาจาก 2 ปัจจัย 1) ความกังวลต่อประเด็นกระทรวงการคลังพิจารณาขายหุ้นและ 2) การขึ้นเคลื่อน XD เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเราประเมินเป็นปัจจัยกดดันแค่เพียงเชื่อคราว เนื่องจากประเด็นคลังขายหุ้นเราคาดว่าไม่เกิดขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครอง TTB อยู่ที่ 3 บาท/หุ้น ส่วน XD จะสร้างความผันผวนช่วงสั้นต่อราคา แต่สุดท้ายเชื่อแนวโน้มราคาหุ้นจะแกว่งไปตามปัจจัยในเชิงพื้นฐาน
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q67E ที่ 5.38 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 14%YoY จากประโยชน์ทางด้านภาษีและทรงตัว QoQ จากรายได้ค่าธรรมเนียมตามกิจกรรมตลาดทุนที่คึกคักขึ้น ทั้งนี้กำไร 3Q67 ดีกว่ากลุ่มธนาคารที่กำไรขยายตัว 6%YoY แต่ทรงตัว QoQ
ระยะยาว TTB เป็น Top Pick จากพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ แนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจน และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.20 บาท
KEY FACTOR
ปัจจัยสำคัญในวันนี้ติดตามการประชุม กนง. วันนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% ซึ่งสอดคล้องกับกระแสกดดันการปรับลดดอกเบี้ยที่ผ่อนลงหลังจากที่ 1) มุมมองตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ Hawkish มากขึ้น (คาด -50 bps ในปีนี้ จากช่วงหลังการประชุมที่คาด -75 bps) 2) เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า +3.7% MTD ดังนั้น ประเด็นที่ตลาดน่าจะให้น้ำหนักมากกว่า คือ การส่งสัญญาณต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะยาว และ เปิดเผยประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทย
ด้านกระแสเงินลงุทนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้เร่งตัว -2.36 พันล้านบาท สะสม MTD -1.96 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ยังได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันฯที่ช่วงพยุง ซื้อสุทธิอีก +1.93 พันล้านบาท สะสม MTD +2.91 หมื่นล้านบาท
EYES ON
17 ต.ค. ยอดค้าปลีก และ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ Eurozone, การประชุม ECB
18 ต.ค. GDP จีน
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ