"Domestic Plays"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1465/1471 จุด รับ 1451/1443 จุด ดัชนี S&P500 +0.71% ขึ้นทำ All time high จากความเชื่อมั่นต่อวงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง ในภาวะเงินเฟ้อคลาย และเศรษฐกิจโตสหรัฐฯ ยังอยู่ในกรอบ Goldilocks – Soft Landing วันนี้ตลาดจะให้น้ำหนักรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. 24 ตลาดคาด 2.3%y-y, 0.1%m-m vs prev. 2.5%y-y, 0.3%m-m สอดคล้อง Top Rank Economists ขณะที่ US GDPnow ยังคาด GDP งวด 3Q24F +3.2%y-y (ดีเท่า Prev.) มุมมองเชิงกลยุทธ์ ยังคงคาดตลาดหุ้นที่ Valuation ถูก / Laggard และมีความเสี่ยงจากนโยบาย ปธน. สหรัฐฯ หลังผลการเลือกตั้งใหญ่จำกัด คือ อาเซียน ยังน่าจะเป็นเป้าของการลงทุน ล่าสุดต่างชาติเริ่มทยอยซื้อสินทรัพย์ในอาเซียนอีกครั้ง และที่ภายใน Fund Flows เริ่มซื้อพันธบัตรครั้งแรกใน 9 วัน เป็นจิตวิทยาบวก ผสานแรงหนุน Domestic Long-term Funds ใน ต.ค. ซื้อทุกวันทำการ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก 3 เดือนข้างหน้าฟื้นแรง หลังภาวะน้ำท่วมคลาย +เม็ดเงินภาครัฐฯ ทยอยเร่งเบิกจ่ายสู่ระบบ คาด SET วันนี้แกว่งขึ้น คาดกลุ่ม Domestic (ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว รับเหมา) หุ้นวงจรดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า ชิ้นส่วน เช่าซื้อ) หุ้น Anti-Commodities นำดัชนี วันนี้แนะ CPALL, GPSC, ADVANC เด่น
Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1465/1471 จุด รับ 1451/1443 จุด
What happened around the world ?
(*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น ไม่มีปัจจัยลบกดดันอะไรใหม่ Fed Minutes ยังย้ำภาพดอกเบี้ยลง ตลาดยังรอรายงานเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ Dow jones (+1.03%), S&P500 0.71%d-d Nasdaq +0.6%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นเกือบทุก Sector ยกเว้น กลุ่มUtilities, ICT โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นนำโดย Healthcare , IT, Industrials, Financials ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Apple +1.67%, Broadcom +2.89% หุ้นที่ลงแรงคือ BOEING -3.4% จากประเด็นเดิม แรงงานการนัดหยุดงานอย่างต่อเนื่องที่โบอิ้งซึ่งเริ่มขึ้นวันที่ 13 ก.ย.
(*/+) Fed minutes : รายงาน Fed minutes สรุปมุมมองคณะกรรมการ Fed ส่วนใหญ่เห็นตรงกันลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยเฉพาะการลด 50 bps ในรอบรอบล่าสุด คือ ก.ย.2024 (มีกรรมบางส่วนที่เห็นควรในการลดแค่ 25 bps) และในอนาคตกรรมการส่วนใหญ่ไม่แน่ใจว่าจะลดดอกเบี้ยมากหรือเร็วแค่ไหน KSS ประเมินภาพดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐยังคงเดิมไม่เปลี่ยน แต่โอกาสในการลดดอกเบี้ยระดับ > = 50 bps เป็นไปได้ยากขึ้น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐช่วงหลังออกมาแกร่ง
(*/*) US CPI : 10 ต.ค. คืนนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ CPI ก.ย. Consensus คาดเงินเฟ้อทั่วไป +2.3%y-y, +0.1%m-m (ใกล้เคียงกับ Top ranks)vs prev. +2.5%y-y, +0.2%m-m, เงินเฟ้อพื้นฐาน คาด +3.1%y-y, +0.3%m-m vs prev. +3.2%y-y, +0.3%m-m ตามลำดับ KSS ประเมินมีโอกาสที่เงินเฟ้อมีโอกาสอ่อนตัวหรือต่ำคาด เพราะอิง ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย เดือน ก.ย. -8%m-m และ -22%y-y ๖ตะกร้าเงินเฟ้อสหรัฐมีสัดส่วนหมวดน้ำมันราว 16%) หากออกมาต่ำคาดหรือใกล้เคียงคาด มองบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง คาดจะหนุน Bond yields ปรับลง Dollar อ่อนค่า หนุน Flow ไหลเข้าเอเซีย
(*/*) China Activity : สำนักข่าวซินหัวรายงานกระทรวงท่องเที่ยวของจีนรายงานปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วงหยุดยาววันชาติจีน (1-7 ต.ค.) ที่ราว 765 ล้านครั้ง +5.9%y-y และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศสูงกว่า 7 แสนล้านหยวน + 6.3%y-y สะท้อนกิจกรรมเศรษฐกิจจีนขยายตัวดี มองเป็นบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจจีนดี บวกต่อแนวโมตลาดหุ้นจีน KSS ให้น้ำหนัก Over weight และมองบวกต่อหุ้นให้บริการในไทยที่อิงนักท่องเที่ยวจีน อาทิ สายการบิน AAV สนามบิน AOT
(*/+) China Stimulus สำนักงานสารนิเทศของสภาแห่งรัฐจีน (SCIO) เผยว่า จีนจะจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายการคลังในวันเสาร์นี้ (12 ต.ค.) กิ่นหน้าตลาดคาดการประชุมสมาชิกสภาประชาชนจีน NPC ที่มีวาระจะจัดขึ้น 31 ตค 2024 จะมีการออกมาตรการ คาดเม็ดเงินราว 2-3ล้านล้านหยวน(2-3%ของ GDP จีน) มองเป็นจังหวะสะสมหุ้น China Play เป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT, CPALL, AU
(*) Chip stocks : TSMC บริษัทผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ของโลก รายงานยอดขายเดือน ก.ย. +40%y-y ที่ 23.6 พันล้านเหรียญ )ดีกว่าที่ตลาดคาด แรงหนุน Demand ความต้องการชิปจาก AI และการเติบโต ChatGPT หนุน Hardware ของ Nvidia ผสานกับต้นสัปดาห์ Foxcon ของไต้หวันผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามสัญญารายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ประกอบ iPhone รายใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ล (Apple) เผยรายได้ 3Q24 + 20%y-y ดีกว่าคาด โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย อาทิ DELTA, HANA, KCE
(*/+) Infra Tech : สัญญาณความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียนยังเป็นบวก บ่งชี้จากล่าสุด OPENAI ผู้ให้บริการ Chat-GPT ประกาศเปิดสำนักงานทวีปเอเชียหลายแห่ง หนึ่งในนั้น คือ ที่สิงคโปร์ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการ AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามอง AI จะเป็นจุดขับเคลื่อนความต้องการ Data Center ผสาน สิงคโปร์ที่มีข้อจำกัดในการลงทุนแล้ว เรามองมีโอกาสเห็นเม็ดเงินลงทุน Data Center กระจายไปในประเทศข้างเคียงเพิ่มเติม หนุนจิตวิทยาบวกหุ้นในธีม Infra Tech ของเรา อาทิ WHA, DELTA, INSET, GULF, GPSC, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK
(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 11 ต.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PPI ก.ย. คาด +2.4%y-y vs prev. 2.0%y-y 11 ต.ค. ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน ต.ค. คาด 70.0 จุด vs prev. 70.1 จุด
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ปรับลง อายุ 2 ปี ปรับขึ้น 4 bps อยุ่ที่ 4.02% อายุ 10 ปี +6 bps อยู่ที่ 4.07% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกระยะสั้นต่อหุ้นธนาคาร (KBANK) กลุ่มประกันชีวิต TLI, BLA ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 102.67
(*/-) Oil : น้ำมันดิบลงต่อ อิง Brents -0.8%d-d ปิดที่ US$ 76.6/barrel. น้ำมันดิบ West Texas -0.45%d-d ปิดที่ US$ 73.24 /barrel แรงกดดันหลักมาจากความตึงเครียดสงครามลดน้อยลง โดยรวมเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP แต่เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม Anticommodity วันนี้เด่น อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC, BGRIM กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TASCO, SCC กลุ่มที่มีต้นทุนเป็นน้ำมัน อาทิ สายการบิน เน้น BA, AAV
What happened in Thailand ?
(*/+) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.17 จุด ปิดที่ 1456.97 จุด ตามบรรยากาศต่างประเทศ หลังสถานการณ์ตะวันออกกลางมีสัญญาณผ่อนคลายขึ้น กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) จิตวิทยาบวก หลังสถานการณ์ตะวันออกกลางเริ่มมีกระแสข่าวกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เจรจาหยุดยิง ผสาน ตลาดได้ปรับมุมมองวงจรดอกเบี้ยขาลงใกล้เคียง Fed Dot Plot ไปแล้ว ทำให้ US Bond Yield เริ่มนิ่ง กลุ่มสื่อสาร (INTUCH, ADVANC) ตามความคืบหน้าการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH รวมถึงซื้อรอรับเงินปันผลพิเศษ และเงินปันผล 2H24 ส่งท้ายก่อนควบรวม กลุ่มถ่วง คือ บรรจุภัณฑ์ (SCGP) คาดกำไร 3Q24F ยังไม่สดใส กลุ่มขนส่ง (AOT) ยังอยู่ในช่วงพักตัว คาดรอภาพหนุนจากท่องเที่ยวปลายปีที่จะเร่งขึ้น
(*/+) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ซื้อพันธบัตร -24.7 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -61.7 ล้านเหรียญฯ TFEX Net long 5,205 สัญญา เงินบาทหลังสลับอ่อนค่า ปัจจุบันเริ่มนิ่งบริเวณ 33.5 +/- บาท
(+) Vayupak: กระแสเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) เป็นภาพไหลเข้าต่อเนื่อง บ่งชี้นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถาบันในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 15.2 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ
1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC
2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC
3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO
(*/+) Bond: กระแส Fund Flow ต่างชาติวันนี้พลิกกลับมาซื้อพันธบัตรไทย(Bond) อีกครั้งจากก่อนหน้าขายต่อเนื่อง 9 วัน ซื้อสุทธิ 824 ล้านบาท (ขายตัวสั้น -15 ล้านบาท หมดอายุ -27 ล้านบาทแต่ซื้อระยะยาว +866 ล้านบาท) เป็นสัญญาณบวก Inflow จะเร่งขึ้น โดยคาดภาพจะเกิดขึ้นในทางเดียวกับตลาดหุ้นไทย คือ มีโอกาสที่ฝรั่งจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในระยะถัดไป โดยรวมหนุนทิศทาง Thai bond Yields ปรับลงต่อ ทั้งอายุสั้น กลาง ยาว อิง อายุ 5 ปี -2 bps อยู่ที่ 2.3% อายุ 10 ปี -2 bps ปิดที่ 2.54% ผสานค่าเงินบาทวันนี้เริ่มชะลอการอ่อนค่า มองแนวต้านระยะสั้น 33.6 บาท และวันนี้ช่วงเช้าแข็งค่าลงมาแตะ 33.3 บาท มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Flow ไหลเข้า
กลยุทธ์ ประเมินดัชนีเป้าหมายของ SET Index สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด กลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 บน Theme Rate Cut Cycle Plays : อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มหนี้สูง CPALL
(+) RSI: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ก.ย. 24 ที่ BOT รวบรวม แม้ว่ายังลดลง m-m แต่สัญญาณความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นอย่างชัดเจน มองเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่ม Consumer Staple ยังเป็นเป้าของต่างชาติต่อเนื่อง สะท้อนจาก F-Holding ของกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น +0.03%d-d, +0.24%m-m สู่ 15.7% แนะนำ CPALL BJC เป็นหุ้นเด่น
(*/+) SSO: สำนักงานประกันสังคม ลงนามในหนังสือคำสั่ง คณะกรรมการการแพทย์ ที่ 4/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทบทวนหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลคู่สัญญาในระบบประกันสังคม (เฉพาะกิจ) เรามองจิตวิทยาบวกต่อหุ้น ร.พ. ประกันสังคม ที่เผชิญ Overhang ประเด็นดังกล่าวมาต่อเนื่อง โดยทางพื้นฐานตัวเลือกหลัก ร.พ. เราแนะนำ CHG BDMS
(*/+) Infrastructure: นายกฯ ประเทศไทยและลาว ลงนาม "บันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ" ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม และ รัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว สปป.ล. มองเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ความสำคัญนโยบายเร่งประมูลโครงการ Mega Projects ทางราง อาทิ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง โคราช – หนองคายเพื่อเชื่อมต่อไปลาว ผสาน กรมทางหลวงชนบทเปิดเผยว่า ช่วง 4Q24 น่าจะเห็นการเบิกจ่ายงบลงทุนหนาแน่น ทั้ง 1.) งบปี 2024 ที่ได้รับจัดสรร 4.7 หมื่นล้านบาท เพิ่งเบิกจ่ายได้ 70% เพราะงบล่าช้า ส่วนที่เหลือ 30% ที่ทำเป็นงบผูกพันไว้แล้ว จะเร่งเบิกจ่ายครบ พ.ย. 24 2.) งบปี 2025 ที่ได้จัดสรรเพิ่มเป็น 5.0 หมื่นล้านบาท จะเร่งเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มรับเหมา เน้น CK TASCO SCC
(+) MSCI Rebalance: คาดการณ์หุ้นเข้า/ออก MSCI Rebalance รอบพ.ย. 24 มีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI ทีมกลยุทธ์คาดการณ์เบื้องต้นหุ้นที่จะเข้า/ออก ดัชนี MSCI Global Standard Index รอบเดือนพ.ย. ด้าน MSCI จะใช้ราคาปิดในช่วงปลายเดือนต.ค. เป็นตัวตัดสิน โดยจะประกาศผลวันที่ 6 พ.ย. และมีผลวันที่ 26 พ.ย.
หุ้นเข้า: IVL (โอกาสปานกลาง), MTC (โอกาสต่ำ)
หุ้นออก: ไม่มี
แนะนำเก็งกำไร IVL (TP Max Con-34)
(*) E-Sports: ระทรวงดีอี โดย ดีป้า พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและผู้พัฒนาเกม รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่จำหน่ายเกมในประเทศไทย ตลอดจนกำกับดูแลอุตสาหกรรมเกมไทย มองบวกต่อการเดินหน้าสร้าง New S-curve ใหม่ๆให้กับไทย ทั้งนี้ เรามองเรื่องดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งการต่อยอด Soft Power และ ธีม Infra Tech ในส่วนกลางน้ำของไทยด้วย จิตวิทยาบวกต่อหุ้นเชื่อมโยง ADVANC, TRUE (ให้บริการ Data Center + ต่อยอดเกมส์กับลูกค้า) ASPHERE (Asia Soft เดิม)
(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม 7-15 ต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย. 24 ไม่มีคาด vs prev. 56.5 จุด
Daily Strategy : CPALL, GPSC, ADVANC เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" แรงหนุนหลักมาจาก Backdrop ภาพใหญ่ความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยขาลง+เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ ขณะที่อาเซียน+ไทยได้เปรียบในฝั่ง Valuation และสถานะที่เป็นกลาง ทำให้เด่นขึ้นเมื่อใกล้เลือกตั้งสหรัฐฯในอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่สัญญาณ Flows เข้าสู่ภายในชัดขึ้น ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อพันธบิตรครั้งแรกในรอบ 9 วัน และนักลงทุนสถาบันเพิ่มน้ำหนักใน SET ทุกวันทำการ ต.ค.มองหุ้นนำ หุ้น Domestic (ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว รับเหมา) หุ้นวงจรดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า ชิ้นส่วน เช่าซื้อ) หุ้น Anti-Commodities
หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT
กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP
กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย
กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)
กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)
• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL
• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7
ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)
• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS
• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF
• Strategy Update : THB Appreciate
ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท
ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI
• Strategy Update : Vayupak Plays
การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่
1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24
2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก
3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป
4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น
5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท
เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท
ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)
กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP
กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF
กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH
กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)
• Strategy Update : Data Center
กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP
มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)
Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE
• CPALL (Buy, TP80): We resume coverage with BUY, TP THB80. We believed 3Q24 core profit to increase 36% yoy but down 6% qoq (to THB5.8b). The good yoy growth is underpinned by: 1) the good same-store sales growth (SSSG) of 2-3% in all businesses and 2) the gross margin expansion of 0.4ppt (to 22.2%) driven by the focus in the fresh food business for CPAXT (CPALL holds 60%) and for CVS, the continued focus on the ready-to-eat food. We believe CPALL is a prime beneficiary of the government stimulus scheme that targets the mass population that CPALL focuses on. 9M24 core profit accouns for 74% of FY24F core profit. CPALL will release 3Q24 results on 13 November 2024.
• SCGP (Neutral, TP30): เรามอง Negative ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ SCGP ที่คาดออกมาต่ำราว 814 ลบ.(-39% y-y, -44% q-q) ลดมากทั้ง y-y q-q ฉุดจากปริมาณขายที่ demand จีนชะลอตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยเฉพาะสินค้าคงทน รวมถึงต้นทุนกระดาษเพิ่มขึ้น (lagged effect) เรามองแนวโน้ม 4Q24F แม้ฟื้น q-q จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และผลกระทบน้ำท่วมในภูมิภาคลดลง แต่ยังไม่ใช่ระดับที่ดี ยังลดลง y-y ตามตลาดส่งออกของ Fajar ทั้งนี้เราปรับลดกำไรลง 10-11% และ TP25F ลงเป็น 30.0 บาท ปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral มองจุดที่กลับมาน่าสนใจคือ demand จีนและการส่งออกของ Fajar ฟื้นไวกว่าคาด
• NEO Trading Buy, TP52): We have revised our recommendation to "Trading Buy" with new target price Bt52. Base on (i) Our expectation of a yoy, qoq decline in 3Q24F earnings due to lower gross margins. and (ii) A downward revision of our forecasts, expect a yoy decline for 2025F driven by rising costs, intensifying competition, and increased expenses from a new factory. NEO's stock has fallen over 26% in the past three months and is currently trading at just 12x 2025F PER, We expect this to reflect the softening of 3Q24F earnings.
• Consumer IT (Bullish): We believe 2025 would be a great year for consumer IT sector with several reasons such as AI, new GPU, and new CPU. Together with the expectation that consumer may upgrade their PC after they heavily purchased their current PC in 2021. (AI) Mobile phone shipment should also get more adoption with more technology advancement. Thus, we recommend Positive on sector.
ADVICE (Buy, TP7.7): With the expectation that commerce IT business could entering a golden year in 2025, ADVICE, could be the company that gain most benefit from this. Moreover, the company also have an individual growth that could outperform sector by entering mobile phone market. We initiate ADVICE with BUY recommendation at the TP of Bt7.70
SYNEX (Buy, TP17.8) We are bullish on SYNEX growth in 2025 that should driven by the new generation of PC component such as new generation of CPU and GPU. That would stimulate consumer who massively upgrade their PC during 2021 to consider the new upgrade in 2025. AI on both PC and smartphone should start to have mass adoption. Therefore, we initiate SYNEX with a BUY recommendation at FY25 TP of Bt17.80
4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point
Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO
Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA